Skip to main content
sharethis

'ซูเปอร์โพล' สำรวจพบประชาชนที่ระบุว่าตัวเองเป็นคอการเมือง แต่กลับไม่รู้ว่า 'ธนาธร-สุดารัตน์-เฉลิม' ไม่ได้เป็น ส.ส. - 'สวนดุสิตโพล' ชี้ประชาชนเบื่อหน่ายพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักการเมือง เสียบบัตรแทนกัน 41.77% ทำงานล่าช้า ไม่มีผลงาน 38.58%

16 ก.พ. 2563 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สำรวจภาคสนาม เรื่อง คอการเมืองกับการซักฟอกรัฐบาล จากกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,296 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 10-15 ก.พ. พบว่าร้อยละ 40.8 ระบุเป็นคอการเมืองระดับเข้มข้น (ทุกวันถึงเกือบทุกวัน) ในการติดตามข่าวสารการเมืองประจำวัน  ร้อยละ 43.8 ระบุปานกลาง และร้อยละ 15.4 ระบุเบาบางถึงไม่ติดตามเลย

เมื่อถามถึง ความเข้าใจของประชาชนต่อความเป็น ส.ส.ของนักการเมืองพบว่าร้อยละ 50.7 เข้าใจว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังเป็น ส.ส. รองลงมาคือร้อยละ 32.7 เข้าใจว่านางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็น ส.ส. ร้อยละ 16.3 เข้าใจว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น ส.ส. และร้อยละ 14.6 เท่านั้น ที่เข้าใจว่า นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็น ส.ส.

เมื่อถามถึง ดาวเด่นในสภาของฝ่ายค้านในศึกซักฟอกรัฐบาล ร้อยละ 56.2 คิดว่า ฝ่ายค้านไม่มีดาวเด่น ขณะที่ ร้อยละ 43.8 คิดว่ามีเช่น นายปิยบุตร แสงกนกกุล นางสาวพรรณิการ์ วานิช นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์  

เมื่อถามถึงผลโหวตในการคาดหมายของประชาชนพบว่าร้อยละ 75.0 คาดว่า รัฐบาลชนะอยู่ดีขณะที่ร้อยละ 25.0 คิดว่าฝ่ายค้านชนะ ทำให้เปลี่ยนรัฐบาลได้แน่ เมื่อถามถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากศึกซักฟอกรัฐบาล พบว่า  ร้อยละ 50.2 คาดว่าจะไม่ได้รับประโยชน์ในการแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ขณะที่ร้อยละ 49.8 คาดว่าจะได้รับประโยชน์

'สวนดุสิตโพล' ชี้ประชาชนเบื่อหน่ายพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักการเมือง เสียบบัตรแทนกัน 41.77% ทำงานล่าช้า ไม่มีผลงาน 38.58%

ด้านสวนดุสิตโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อเหตุการณ์ความวุ่นวานในบ้านเมือง ที่ส่งผลกระทบต่อสภาวะทางอารมณ์และจิตใจ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,222 คน ระหว่างวันที่ 12-15 ก.พ. 2563 พบว่าเหตุการณ์ทางการเมือง ณ วันนี้ที่ประชาชนสนใจ คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี ร้อยละ 39.04 การบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ร้อยละ 29.59 การป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคม เช่น การระบาดของไวรัส เหตุกราดยิงที่โคราช ร้อยละ 25.47 คดียุบพรรคอนาคตใหม่ ร้อยละ 20.36 และความไม่โปร่งใส ทุจริตคอรัปชั่น เช่น เงินทอนบ้านจัดสรรทหาร บุกรุกป่า ร้อยละ 15.68 

ส่วนเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่างๆทางการเมือง ณ วันนี้ที่ประชาชนเบื่อหน่าย คือ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักการเมือง เสียบบัตรแทนกัน ร้อยละ 41.77 ทำงานล่าช้า ไม่มีผลงาน ร้อยละ 38.58 ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล การทะเลาะเบาะแว้ง ร้อยละ 21.73 ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ไม่ถูกต้อง เอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง ร้อยละ 18.25 และปล่อยปัญหาให้เกิดขึ้นซ้ำซาก ไม่สามารถป้องกันหรือแก้ไขได้ ร้อยละ 14.36 

สำหรับผลงานหรือเรื่องราวที่จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับรัฐบาล ในความคิดเห็นของประชาชน คือ ต้องแก้ปัญหาให้รวดเร็ว สร้างผลงาน เช่น ฝุ่น PM 2.5 ไวรัส COVID19  ร้อยละ 33.59   กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ส่งเสริมการค้าการลงทุน  ร้อยละ 28.17  บริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล เป็นประชาธิปไตย ร้อยละ 24.55  ดูแลประชาชน แก้ปัญหาความยากจน ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี  ร้อยละ 22.48 และแสดงความโปร่งใส มีกระบวนการตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น ร้อยละ18.60

ขณะที่ ผลงานหรือเรื่องราวที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของรัฐบาล ในความคิดเห็นของประชาชน คือ แก้ปัญหาล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เห็นผลงานเป็นรูปธรรม ร้อยละ 43.18  การรับมือกับเหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ ประชาชนไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 34.05 การบังคับใช้กฎหมายไม่เข้มงวด จริงจัง เลือกปฏิบัติ ไม่เป็นกลาง 20.19  ไม่ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้  ร้อยละ 13.64 และการใช้งบประมาณที่ไม่เหมาะสม เกินความจำเป็น ร้อยละ 12.78

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net