ธำรงค์ศักดิ์ ชี้ประชาธิปไตยไม่แข็งแรง ถ้ายังยุบพรรคหรือทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ

21 ก.พ. 2563 ทีมสื่อพรรคอนาคตใหม่ รายงานว่า ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ นักวิชาการประวัติศาสตร์การเมืองไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงที่มาแนวคิดของการมีพรรคการเมือง และการยุบพรรคการเมืองในประเทศไทย รวมถึงกรณีที่จะมีการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดียุบพรรคอนาคตใหม่ในวันนี้

โดย ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์ ระบุว่าการยุบพรรคการเมืองมาจากฐานแนวความคิดว่าด้วยพรรคการเมืองต้องมีกฎหมายจัดตั้งรองรับและมีกฎเกณฑ์บังคับว่าด้วยการดำเนินงานทางการเมือง ในการจัดตั้งพรรคการเมืองมีอีกแนวทางหนึ่งคือเป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีแนวทางหรือวัตถุประสงค์ที่จะผลักดันทางการเมืองหรือนโยบายทางการเมืองในแบบเดียวกัน จึงรวมตัวกันมาสร้างพรรคการเมือง

ฉะนั้นพรรคการเมืองในกลุ่มประเทศประชาธิปไตยในหลายประเทศหรือประเทศที่พัฒนาแล้ว จะเป็นพรรคการเมืองที่รวมตัวกันเอง แต่จะมีกฎหมายว่าด้วยกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญาของประเทศนั้นๆ เป็นตัวควบคุม และพรรคการเมืองที่ไม่ได้รับการสนับสนุนก็ยังอยู่ต่อไป เพียงแต่ว่าอาจไม่สามารถเป็นแรงผลักดันทางการเมืองได้

พรรคการเมืองไทยตั้งแต่เริ่มต้นของการสร้างประชาธิปไตย อยู่ในกรอบที่ถูกบอกว่าจะต้องมีการจดจัดตั้งตามกฎหมายพรรคการเมือง ที่ผ่านมากระบวนการของการยกเลิกพรรคการเมืองมีไม่ค่อยมาก การยุบพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นในช่วง 80 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นการยุบพรรคในแบบของการเกิดรัฐประหาร เมื่อมีการรัฐประหารเกิดขึ้นในอดีตก็จะมีการสั่งให้ยุบพรรคการเมืองทุกพรรค

ธำรงศักดิ์กล่าวต่อไปว่า กฎหมายพรรคการเมืองของประเทศไทยมีครั้งแรกในช่วงก่อนปี 2500 หลังจากนั้นก็เกิดพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นแล้วโดยไม่มีกฎหมาย แนวคิดของประชาธิปไตยช่วง 2475 ก็คือการให้พรรคการเมืองเกิดขึ้นเองจากการรวมตัวกัน แต่แนวคิดของว่าด้วยพรรคการเมืองหลังการรัฐประหารก็คือการพยายามกำกับควบคุมและยุบพรรคการเมืองโดยการรัฐประหาร เพราะมันมีการรัฐประหารบ่อยมากในอัตราเฉลี่ยทุกๆ 6 ปีครึ่ง แนวทางของการยุบพรรคการเมืองหลักๆในช่วงนั้นก็คือการรัฐประหาร

แต่ในช่วงหลัง 20 ปีที่ผ่านมา การยุบพรรคการเมืองกลายเป็นกระบวนการเพราะพรรคการเมืองทำผิดกฎเกณฑ์ตามกฎหมายพรรคการเมือง หรือมีความผิดในทางกฎหมายบางอย่างที่พระราชบัญญัติพรรคการเมืองกำหนดไว้ มันก็เลยกลายเป็นว่าหลายพรรคถูกยุบ โดยเฉพาะพรรคที่มี ส.ส.มาก เป็นพรรคขนาดใหญ่ อย่างเช่นการยุบพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน หรือไทยรักษาชาติ

ดังนั้นถ้าเรามองในรอบ 8-9 ทศวรรษของการเมืองไทย การยุบพรรคการเมืองมีสองแบบด้วยกัน คือ 1) พรรคการเมืองถูกยุบด้วยการรัฐประหาร ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ และ 2) พรรคการเมืองที่มีพลังต่อรองทางการเมืองก็ถูกยุบในฐานว่ามีความผิดทางการเมืองบางอย่าง ก็ถูกศาลพิจารณายุบพรรค ซึ่งตลอดมาเท่าที่ศึกษาทุกพรรคการเมืองถูกยุบ ตั้งแต่พรรคแรกเลยคือพรรคคณะราษฎร จนพรรคสุดท้ายคือพรรคไทยรักษาชาติ

ซึ่งในทางทฤษฎีการเมือง การที่เราจะสร้างประชาธิปไตยต้องทำให้พรรคการเมืองเติบโตเข้มแข็ง ถ้าพรรคการเมืองเข้มแข็ง ประชาธิปไตยก็เข้มแข็ง ดังนั้นสิ่งที่เราจะเห็นตลอดมาคือรัฐประหารจะพยายามทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอและสลายตัว ออกแบบให้พรรคการเมืองมีขนาดเล็กหรือขนาดกลาง หรือทำให้ ส.ส.ไม่ต้องขึ้นกับพรรคการเมือง เพื่อทำให้ประชาธิปไตยอ่อนแอ พลังประชาชนไม่สามารถไปต่อสู้คัดค้านอำนาจของกลุ่มเผด็จการหรือคณะรัฐประหารได้

“มันก็เลยกลายเป็นว่าแนวทางของการมีกฎหมายพรรคการเมืองในประเทศไทยคือแนวทางที่ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ สลายตัว เพื่อทำให้ประชาธิปไตยไม่เข้มแข็ง ดังนั้นรากวิธีคิดเราจะต้องเปลี่ยนให้กลายเป็นไม่ต้องมีกฎหมายพรรคการเมือง แต่พรรคการเมืองเกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่จะรวมตัวกันเป็นพรรคการเมือง และสร้างพรรคการเมืองขึ้นมา ส่วนพรรคการเมืองนั้นจะสามารถเติบโตเป็นตัวแทนของประชาชนได้หรือไม่ก็ว่ากันไป เราควรทำให้การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองเป็นทฤษฎีการเกิดตามธรรมชาติ ยกเลิกการมีกฎหมายพรรคการเมือง เพราะตอนนี้กลายเป็นว่ากฎหมายพรรคการเมืองเป็นการออกแบบมาโดยคณะรัฐประหารเพื่อจำกัดบทบาทของภาคประชาชน กฎหมายพรรคการเมืองออกแบบมาเพื่อไม่เพียงจำกัด แต่ยังกำจัดตัวแทนของประชาชนด้วย” ธำรงศักดิ์กล่าว

ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์ยังได้กล่าวต่อถึงกรณีของพรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่าการเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ทำให้เกิดความหวัง ความฝัน ที่คนไทยจำนวนมากไม่เคยคิดว่าจะมีความหวังและความฝันเช่นนี้ เพราะอนาคตใหม่ได้ฉีกวิธีการของการเป็นพรรคการเมือง จากเดิมคนจะรู้สึกว่าพรรคการเมืองมีขึ้นเดี๋ยวก็ล้มหายตายจาก พรรคการเมืองเป็นของผู้มีอิทธิพลต่อการกำหนดทิศทางของพรรคการเมือง เป็นเจ้าใหญ่นายโตแล้วก็ได้เป็นรัฐมนตรี พอเจ้าของคนนั้นไม่อยู่พรรคการเมืองก็ล้มหายตายจากไป

แต่พรรคอนาคตใหม่ในรอบสองปีที่ผ่านมามันสร้างความตื่นตะลึงและความฝันให้กับคนรุ่นใหม่จำนวนมาก คนอายุ 40 ลงมาในพื้นที่ทั้งประเทศเท่าที่ตนเดินทางไปสัมผัสด้วย เริ่มรู้สึกว่าตนเองควรลงสนามทางการเมืองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแแลฃในจังหวัดในท้องถิ่นของตัวเอง จากเดิมคนเหล่านี้จะรู้สึกว่าอย่าไปยุ่งกับการเมือง เพราะต้องใช้เงินมาก ต้องเข้าไปในระบบของการทุจริต

แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่เริ่มรู้สึกว่าการใช้นโยบายเลือกตั้งโดยไม่ซื้อเสียงทำให้หลายคนอยากเข้าร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ เพราะเท่ากับเป็นการเปลี่ยนวิถีทางของการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งในท้องถิ่น ที่ผ่านมาอย่างน้อยๆ ต้องมีเงินจำนวนหนึ่ง แต่ตอนนี้การเลือกตั้งที่ไม่ซื้อเสียงทำให้คนรู้สึกว่าใช่ ถ้าเราลงสนามเลือกตั้งแล้วไม่ได้รับเลือกก็ไม่เจ็บตัว เพราะเราคืออาสาสมัครทางการเมืองที่อยากเปลี่ยนแปลงสังคม จังหวัด ประเทศของตัวเอง นี่คือสิ่งสำคัญของพรรคอนาคตใหม่ ก็คือการสร้างความฝัน ความหวัง มันมี hope เมื่อใดสังคมขาด hope คนก็จะอยู่อย่างตายด้าน

และสิ่งที่สำคัญในระดับประเทศ พรรคอนาคตใหม่หลังการเลือกตั้งปี 62 ที่ผ่านมาจากการจัดตั้งรัฐบาล การออกแบบของคณะรัฐประหารจะออกแบบให้พรรคการเมืองมีขนาดกลางและเล็ก เพื่อที่เวลาจัดตั้งรัฐบาลจะได้ตีเกราะเคาะกะละ พรรคต่างๆ จะได้วิ่งเข้ามาต่อรองเจรจาแบ่งสรรปันส่วนอำนาจกันในตำแหน่งรัฐมนตรี แต่พรรคอนาคตใหม่เป็นหนึ่งในพรรคที่บอกว่า “ไม่”

“ผมคิดว่านี่กลายเป็นพลังอย่างมากเลยที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเราสามารถที่จะสร้างการเมืองที่ดีกว่าจากที่ผ่านมาในแบบของการเมืองแบบรัฐประหารได้แล้ว เราสามารถที่จะเดินไปบนการสร้างประเทศชาติให้เจริญ ให้ศิวิไลซ์ ให้มั่งคั่ง ไม่ใช่แค่เน้นความมั่นคง แต่ผมคิดว่าพรรคอนาคตใหม่กำลังมุ่งเน้นสร้างความมั่งคั่งความเจริญให้กับคนทั้งประเทศ ให้กับประเทศชาติ และให้กับประชาชน” ผศ.ดร.ธำรงศักดิ์กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท