Skip to main content
sharethis

'พรรคสามัญชน' ระบุพร้อมเดินทางร่วมกับ 'คณะอนาคตใหม่' และเพื่อนร่วมอุดมการณ์ จะร่วมผลักดันรัฐธรรมนูญที่เคารพประชาชนไปด้วยกัน - เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส ระบุขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์

22 ก.พ. 2563 เฟสบุ๊คพรรคสามัญชน - Commoners Party ได้เผยแพร่เนื้อหา 'จาก #สามัญชน ถึง #เพื่อนอนาคตใหม่ ในวันที่ #ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่เคารพประชาชน เราจะร่วมผลักดันรัฐธรรมนูญที่เคารพประชาชนไปด้วยกัน' โดยระบุว่าวันที่ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา กลายเป็นอีกวันที่จะถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองของไทยอีกครั้ง เมื่อสิทธิเสรีภาพผู้คนที่จะรวมกลุ่มกันเป็นพรรคการเมืองถูกทำลายลงไป เช่นเดียวกับการยุบพรรคไทยรักไทยในวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 การยุบพรรคพลังประชาชนในวันที่ 2 ธ.ค. 2551 และพรรคไทยรักษาชาติ 7 มี.ค. 2562 ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองไทยสมัยใหม่

นับตั้งแต่การยึดอำนาจในปี 2549 ที่ทำลายรัฐธรรมนูญ 2540 ฉบับประชาชนลงไป จนกระทั่งถึงการยึดอำนาจในปี 2557 ที่บุคคลในคณะยึดอำนาจก็ยังคงแฝงตัวยึดกุมอำนาจรัฐอยู่ในปัจจุบัน ประชาชนได้สูญเสียอำนาจในการกำหนดอนาคตของตนเองมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศกลายเป็นเพียงผู้ที่ขออาศัยเขาอยู่ ถูกเรียกร้องให้ทำงานหนักเพื่อซื้อความสุขสบายให้กับพวกเขา ขณะที่ความหวังถึงการมีชีวิตที่ดีกว่ากลับดูห่างไกลไปมากขึ้นเรื่อยๆ

การยุบ #พรรคอนาคตใหม่ ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เมื่อสถาบันการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่มาจากคณะยึดอำนาจครั้งที่ผ่านมาไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อพวกเรา ประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศ แต่กลับถูกออกแบบมาเพื่อพวกเขา ชนชั้นปรสิตที่เกาะกุมอำนาจอยู่ในปัจจุบัน เมื่อสภาผู้แทนราษฎรมาจากมายากลในวิธีคิดคำนวนภายหลังการเลือกตั้ง เมื่อวุฒิสภา ศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระอื่นภายในรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการแต่งตั้งมาจากคณะผู้ยึดอำนาจครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นสถาบันทางการเมืองที่มาจากประชาชน และต้องรับผิดชอบต่อประชาชน

เราขอให้กำลังใจและแสดงความชื่นชมต่อความมุ่งมั่นของสหายเพื่อนร่วมอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของ #อำนาจสูงสุด ที่จะยืนหยัดทำงานสร้างสรรค์การเมืองที่เป็น #ประชาธิปไตย ในฐานะ #คณะอนาคตใหม่ ต่อไปท่ามกลางความลำบากที่ยังไม่สิ้นสุด

ขณะเดียวกัน เราต้องตระหนักถึงภาระกิจที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าโครงสร้างของสังคมการเมืองและกฏหมายของเราในปัจจุบันเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่เคยเคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ปัญหาจึงไม่ใช่เพียงแค่ศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น ยังรวมถึงสถาบันทางการเมืองต่างๆ ภายในรัฐธรรมนูญที่ไม่เคยต้องรับผิดชอบต่อประชาชน การออกแบบสังคมการเมืองที่สถาบันทางการเมืองต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อประชาชน ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เป็นจุดเริ่มต้นในการปักหลักรากฐานของโครงสร้างสังคมการเมืองที่จะเป็นประชาธิปไตยที่รับผิดชอบต่อประชาชน นอกเหนือไปจากปัญหาปากท้องการทำหากินที่ยากลำบากที่เกิดจากการขูดรีดจากกลุ่มที่ยึดกุมอำนาจรัฐในปัจจุบัน

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมืองที่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนมากขึ้นนั้น เป็นภารกิจที่ยากลำบากและต้องใช้เวลา ทั้งทางสังคม การเมือง เศรษฐกิจและวัฒนธรรม แต่การผลักดัน #การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งฉบับเป็นก้าวแรกของกระบวนการที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น เราจะเริ่มต้นด้วยการคืนอำนาจอธิปไตยในการกำหนดอนาคตของประเทศให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง ให้พวกเขาได้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบรัฐธรรมนูญที่จะปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่ใช่เพียงแค่พวกปรสิตที่เกาะกินสังคมอยู่ในปัจจุบัน

สามัญชนพร้อมที่จะเดินทางร่วมไปกับคณะอนาคตใหม่ และเพื่อนสหายร่วมอุดมการณ์ เพื่อที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมาให้ได้ เราจะสร้างขบวนการเคลื่อนไหวทั้งภายในสภาผูแทนราษฎร และการเคลื่อนไหวภายในพื้นที่สังคมเพื่อผลักดันให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัฐธรรมนูญที่มาจากชีวิตของผู้คน รัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายเพื่อชีวิตที่ดีกว่าของผู้คนในประเทศนี้

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะสร้างสรรค์สังคมไทย ผลักดันประชาธิปไตยที่จะกระจายอำนาจลงไปถึงฐานรากของสังคม สังคมที่เคารพสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมเป็นธรรม สังคมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนสำหรับลูกหลานของเราในอนาคต

เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส ระบุขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์

ด้าน ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส เลขาธิการกลุ่มเพื่อไทยพลัส ได้ โพสต์เฟสบุ๊คตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส - Treerat Sirichantaropas ระบุว่า “ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามของกระบวนการยุติธรรม” มงแต็สกีเยอ ได้กล่าวไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว

ตัดสลับกลับมาที่ปัจจุบัน กว่า 88 ปี ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้มีพรรคการเมืองที่เคยโดนยุบมาแล้วกว่า 92 พรรค ไม่ว่าจะเป็น พรรคชาติไทย (2551) พรรคไทยรักไทย (2550) พรรคแผ่นดินไทย (2550) พรรคพลังประชาชน (2551) พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (2550) พรรคมัชฌิมาธิปไตย (2551) พรรคไทยรักษาชาติ (2562)

และมาถึงวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่าศาลจะมีเหตุผลใดก็ตาม แต่สำหรับผมแล้ว การยุบพรรคการเมือง เป็นการลงโทษที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่ทำได้กับพรรคการเมือง และ ประชาชน

เพราะพรรคการเมือง คือตัวแทนและศูนย์รวมของคนที่มีอุดมการณ์ร่วมกัน

ไม่ว่าอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ จะตรงใจ หรือไม่ตรงใจกับผู้มีอำนาจ แต่ “ความเห็นต่าง” คือ “เรื่องปกติ” ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเห็นต่างในครอบครัว , การเห็นต่างกับเพื่อนร่วมงาน , หรือการเห็นต่างทางอุดมการณ์ ความคิด และการเมือง

ซึ่งผมคาดหวังโดยเสมอ ที่จะเห็นสังคมไทยเต็มไปด้วยความหลากหลาย และอยู่รวมกันได้อย่างสวยงาม

แต่การกระทำของผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการ #ยุบพรรค หรือ #การปฏิวัติรัฐประหาร แสดงให้เห็นถึงความจำนงของผู้มีอำนาจที่ “ไม่อยากให้ประเทศไทยเจริญเติบโต พัฒนาไปได้ด้วยตัวมันเองเลย”

แทนที่ท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย จะเลือกให้ประเทศเรามี ‘วิวัฒนาการ’ ทางการเมือง ท่านกลับทำสิ่งตรงกันข้าม คือ การ‘ฆ่า’การวิวัฒนาการ ไม่ว่าจะเป็น การออกรัฐธรรมนูญใหม่ตลอดทุกครั้งที่มีการรัฐประหาร , การเอา ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง มีอำนาจมาคาน ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง , การปรับทัศนคติคนที่เห็นต่างทางการเมือง , การใช้อำนาจ ม.44 ในการโยกย้ายข้าราชการที่เห็นต่าง

และ เลวร้ายที่สุดคือการตัดสิทธิ์ทางการเมือง และฆ่าพรรคของ ผู้ที่เห็นต่าง กับผู้มีอำนาจ

จึงทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ประเทศเรานั้นอยู่ในระบอบใดกันแน่ และพวกเรากำลังจะเดินหน้าไปทางไหน

แต่สิ่งนึงที่ผมมั่นใจจากการตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่วันนี้ คือ “นี่ไม่ใช่จุดจบ แต่นี่คือจุดเริ่มต้น ของการต่อสู้ครั้งที่ยิ่งใหญ่”

ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ #ชาวอนาคตใหม่ ทุกท่านครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net