23 ก.พ. ผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ยังรักษาใน รพ. 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย รวมสะสม 35 ราย เท่าเดิม

23 ก.พ. 2563 กระทรวงสาธารณสุขแถลง ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ COVID-19 รักษาใน รพ. 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย รวมสะสม 35 ราย เท่าเดิม ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,355 ราย รวมคัดกรองไปแล้ว 3,046,342 ราย ให้กลับบ้านได้-ติดตามอาการ 1,071 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังรักษาใน รพ. 284 ราย

23 ก.พ. 2563 สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 23 ก.พ. 2563 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1.สถานการณ์ ถึงวันที่ 23 ก.พ. 2563 ณ เวลา 08.00 น.        

1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 14 ราย กลับบ้านแล้ว 21 ราย รวมสะสม 35 ราย

2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.-22 ก.พ. 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 1,355 ราย คัดกรองจากสนามบิน 68 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 1,287 ราย รวมคัดกรองไปแล้ว 3,046,342 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 1,071 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 284 ราย

3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 30 ประเทศ และ 2 เขตบริหารพิเศษ ข้อมูลตั้งแต่ 5 ม.ค.-23 ก.พ. 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 78,673 ราย เสียชีวิต 2,459 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 76,932 ราย เสียชีวิต 2,441 ราย

2.สธ.เผยข่าวดี วันนี้ผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านเพิ่ม 1 ราย 

กระทรวงสาธารณสุขเผย ผู้ป่วยนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนกลับบ้านเพิ่ม 1  ราย ยังคงเข้มคัดกรองทุกด่านตรวจคัดกรองแล้วกว่า 3 ล้านคน

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และนายแพทย์ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่าวันนี้มีผู้ป่วยยืนยันกลับบ้านได้เพิ่มอีก 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนอายุ 54 ปี รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันรักษาหายกลับบ้านแล้ว 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 60 ของผู้ป่วยในประเทศไทย เหลือนอนในโรงพยาบาล 14 ราย ส่วนใหญ่อาการดีขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่ใช้เครื่องเอคโม (ECMO) หรือเครื่องช่วยพยุงการทำงานของปอด และรายที่เป็นวัณโรคร่วมด้วย อาการคงที่ ยังคงใช้เครื่องช่วยหายใจทั้ง 2 ราย

สำหรับการเดินทางระหว่างประเทศนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่มีคำแนะนำห้ามการเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด ตลอดจนยังไม่มีการกำหนดเป็นมาตรการที่จำเพาะสำหรับผู้เดินทางระหว่างประเทศ ในส่วนของประเทศไทยในฐานะสมาชิกองค์การอนามัยโลก ได้ดำเนินการตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและคัดกรอง ผู้เดินทางระหว่างประเทศ ในทุกช่องทางเข้าออกประเทศ ครอบคลุม ทั้งด่านบก เรือ อากาศ ตลอดจนการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน อย่างไรก็ตามการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยจะประสบความสำเร็จไม่ได้หากขาดความร่วมมือจากประชาชน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดอย่างต่อเนื่องหรือมีการระบาดภายในประเทศ (local transmission) ได้แก่ จีน (รวม ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน) ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ (รายชื่อของประเทศที่มีรายงานการระบาดจะมีการประกาศแจ้งเป็นระยะกรุณาติดตามได้ที่เว็บไซต์กรมควบคุมโรค) ขอให้ท่านรับผิดชอบสังคม โดยการเฝ้าระวังอาการตนเองอย่างน้อย 14 วัน งดไม่ไปที่ชุมชน งดใช้ขนส่งสาธารณะ งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น หากมีอาการสงสัยป่วยขอให้สวมหน้ากากอนามัย วัดไข้ทุกวัน  หากอาการไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์แจ้งประวัติการเดินทาง หรือโทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

นอกจากนี้ ในขณะนี้มีความห่วงใยของผู้ปกครอง และสถานศึกษาต่างๆ ที่มีนักเรียน นักศึกษา รวมทั้งบุคลากรของสถานศึกษา กลับจากการเดินทางไปต่างประเทศ และมีข้อกังวลเรื่องการติดเชื้อ โดยพบว่ามีหลายสถานศึกษาที่ให้นักเรียน นักศึกษาและบุคลากร ไปโรงพยาบาลเพื่อขอตรวจหาเชื้อและขอใบรับรองแพทย์ก่อนไปโรงเรียนนั้น กระทรวงสาธารณสุขเข้าใจถึงความกังวลของผู้ปกครองและผู้บริหารของสถานศึกษาในกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขไม่แนะนำให้ไปขอตรวจและขอใบรับรองแพทย์เนื่องจาก 1.การไปตรวจหาเชื้อในช่วงที่ไม่มีอาการ โอกาสพบเชื้อน้อยมาก หรือหากตรวจแล้วพบว่าเป็นลบก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไม่ป่วยจึงไม่มีความจำเป็นที่จะไปขอตรวจ ในขณะที่ไม่มีอาการ 2.การไปโรงพยาบาลโดยไม่มีความจำเป็น จะเป็นการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการได้รับเชื้อจากโรงพยาบาล และที่สำคัญอาจนำเชื้อต่างๆ ไปติดผู้ป่วยในโรงพยาบาลซึ่งมีร่างกายไม่แข็งแรงได้ 3.ควรรีบไปตรวจเมื่อมีอาการตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

สำหรับสถานศึกษาที่มีนักเรียนนักศึกษาที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดขอให้ปฏิบัติตนดังนี้

1.ขอความร่วมมือให้นักเรียน นักศึกษา บุคลากรที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด พักอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน (self quarantine at home)

2.สถานศึกษาควรจัดให้มีมาตรการคัดกรองนักเรียน นักศึกษา บุคลากรทุกวันโดยวัดไข้และสังเกตอาการ ไอ มีน้ำมูก เพื่อจะแยกตัวไปยังสถานที่เตรียมไว้ได้ทันที

3.นักเรียน นักศึกษา บุคลากรที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีรายงานการระบาด ให้สังเกตอาการป่วยของตนเอง งดออกไปในที่สาธารณะ ที่มีคนอยู่จำนวนมาก งดใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น วัดไข้ทุกวัน ไม่ใช่ของร่วมกับผู้อื่น ไม่ใช้ขนส่งสาธารณะ หากอาการไม่ดีขึ้นให้ใส่หน้ากากอนามัยและรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง หรือ    โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

4.สถานศึกษา ควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่หรือครูอนามัยเพื่อประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

5.สถานศึกษาต้องจัดให้มีอุปกรณ์สำหรับการล้างมือและแอลกอฮอล์เจลอย่างเพียงพอ สำหรับนักเรียน นักศึกษา บุคลากร

3.ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็นสวมหน้ากากอนามัยแบบผ้าที่สะอาดเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก ผู้ป่วยและผู้ที่มีอาการ ไอ จาม ควรใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ สำหรับหน้ากากอนามัยประเภท N95 จะใช้ในเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาใกล้ชิดกับผู้ป่วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท