ชุดสืบสวนควบคุมตัว 'พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์' คดีการหายตัวไปของพี่ชายผู้พิพากษาประจำศาลอาญากรุงเทพใต้ เจ้าตัวปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง ด้านเลขาฯ ศาลยุติธรรมยกเคสร้ายแรงแทรกแซงพิจารณาคดี พร้อมป้องกันจัดคอร์ทมาแชลอารักขา-ระวังเหตุร้าย

ที่มาภาพ: สำนักข่าวไทย

23 ก.พ.2563 มีรายงานข่าวว่าชุดสืบสวนของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ และ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย พรรคพลังประชาชน พร้อมพวกรวม 3 คน โดยควบคุมตัวมายังกองปราบปราม เพื่อสอบสวนขยายผลในคดีการหายตัวไปของพี่ชายผู้พิพากษาประจำศาลอาญากรุงเทพใต้

พ.ต.ท.บรรยิน ​ถูกควบคุมตัว​ หลังตำรวจมีหลักฐานเชื่อมโยงว่า​อาจเกี่ยวข้องคดีฆาตกรรมพี่ชายผู้พิพากษาประจำศาลอาญากรุงเทพใต้​ ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ มีรายงานว่า​ ผู้พิพากษาคนนี้เป็นหนึ่งในผู้พิพากษาคดีการโอนหุ้นที่ พ.ต.ท.บรรยิน เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265,268 จากกรณีการโอนหุ้นร่วม 300 ล้านบาท​ของนายชูวงษ์​ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

เจ้าตัวปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง

โดยหลังถูกควบคุมตัวมายังกองปราบปรามทันที่ลงจากรถ พ.ต.ท.บรรยิน ยังมีสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกล่าวสั้นๆ กับผู้สื่อข่าวว่า ยังงงๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยถูกคุมตัวตั้งแต่ 6 โมงเช้า มั่นใจว่าตัวเองบริสุทธิ์ และไม่เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ และจนถึงขณะนี้ยังติดต่อทนายความไม่ได้

ด้าน นางสาวบุษยา ตั้งภากรณ์ ลูกสาวพ.ต.ท.บรรยิน เดินทางมาที่กองปราบปราม หลังทราบข่าว จากน้องชายโทรมาบอกว่า พ่อถูกจับและกำลังเอาตัวเข้ามาสอบสวนที่กองปราบปราม พร้อมเปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่า พ่อถูกจับในความผิดใด แต่หากเป็นเรื่องคดีที่พ่อตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีที่ศาลอยู่ระหว่างการพิจารณาคดี ส่วนตัวไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เชื่อว่า พ่อทำทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุผลเสมอ  และวันนี้อยากขอความเป็นธรรมให้ครอบครัว เพราะเชื่อว่า ตลอดระยะเวลาครอบครัวถูกกลั่นแกล้ง

ต่อมาในเวลา 13.00 น. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีดังกล่าว ได้เดินทางลงพื้นที่บ้านกระดี่ ต.ตาคลี ซึ่งเป็นจุดที่คนร้ายที่จับกุมได้ 2 คน ก่อนหน้านี้ รับสารภาพ โดยอ้างว่า มีการนำเสื้อผ้าและทรัพย์สินของพี่ชายผู้พิพากษา ไปเผาในป่าหญ้าในพื้นที่ดังกล่าว ก่อนที่จะมีการนำร่างของผู้ตายไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานตะเคียนเลื่อน ต.กลางแดด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดย ผบ.ตร.ได้เดินทางไปตรวจทั้ง 2 จุด ด้วยตนเองแต่จนถึงขณะนี้  การค้นหา ยังไม่เจอศพของผู้ตาย แต่อย่างใด จากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงได้เดินทางไปรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับคดี  ที่ศูนย์ฝึกตำรวจภูธรภาค 6 อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแถลงความคืบหน้าคดีในวันอังคารนี้ เวลา 11.00 น. ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

อย่างไรก็ตามคดีนี้ก่อนหน้านี้ ตำรวจสามารถจับกุม ผู้ร่วมขบวนการดังกล่าว ได้ก่อนหน้านี้ 2 คน ซึ่งจากการสอบปากคำ มีการซักทอดว่า พ.ต.ท.บรรยิน มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว ซึ่งมีรายงานว่าหลักฐานสำคัญ คือภาพวงจรปิด ขณะที่ผู้ต้องหา บุกไปอุ้มตัวพี่ชายผู้พิพากษา จากรถแท็กซี่ หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ เมื่อเดือน ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา ก่อนจะหายตัวไป นอกจากนี้ยังมีคลิปเสียงขู่ผู้พิพากษา ซึ่งการบุกอุ้มในครั้งนี้ เพื่อต้องการให้พี่ชาย ช่วยเหลือเจรจากับผู้พิพากษา ให้ยกฟ้องในคดี ปลอมเอกสาร การโอนหุ้นกว่า 300 ล้านบาท ของนายชูวงษ์ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ ตำรวจจึงขออำนาจศาลออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน กับพวก อีก 4 คน ซึ่งจับกุมได้ทั้งหมดแล้วรวม 6 คน ในพื้นที่จังหวหวัดนครสวรรค์ โดยจับกุมได้ในพื้นที่ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อช่วง 06.00 น. ที่ผ่านมา โดยมีการปูพรมค้นพื้นที่ที่เกี่ยวข้องในคดี รวม 30 จุด ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และนครสรรค์ โดยมีการรวบรวมของกลางที่ตรวจยึดได้เข้ามารวบรวมไว้ที่กองปราบปราม โดยจะมีการแจ้งดำเนินคดีเบื้องต้น ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ และร่วมกันเรียกค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย    

เลขาฯ ศาลยุติธรรม ระบุประสาน ตร.เก็บความลับ รวมหลักฐานมัดคนร้ายจนออกหมายจับตัวได้

ด้าน นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีตำรวจกองปราบปรามจับกุม พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จากการขยายผลกรณีอุ้มพี่ชายผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ว่า เท่าที่ทราบเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 17.30 น. มีคนร้ายจากที่ปรากฏหลักฐาน 3-4 คนร่วมกันอุ้มลักพาตัวนายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ หายขึ้นไปบนรถที่จอดเตรียมไว้บริเวณหน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งนายวีรชัยเป็นพี่ชายของผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่เป็นเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้น นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง

ภายหลังการลักพาตัว ในวันเดียวกัน กลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์คุยกับผู้พิพากษาอาวุโสท่านนั้น เพื่อข่มขู่คดี โดยให้ยกฟ้องคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ (คดีดังกล่าวกำหนดนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 20 มี.ค.นี้ ซึ่งในคดีมี พ.ต.ท.บรรยิน เป็น 1 ในจำเลยร่วมกับสาวโบรคเกอร์และสาวพริตตี้) หลังจากนั้นผู้พิพากษาอาวุโส จึงได้เข้าแจ้งความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีบันทึกเทปสนทนาการข่มขู่ดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน 

โดยในส่วนของสำนักงานศาลยุติธรรม และศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้ประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีการตั้งทีมสืบสวนขึ้นมาในวันดังกล่าวทันที และการสืบสวนสอบสวนก็ติดตามคดีเรื่อยมา แต่ด้วยความห่วงใยเรื่องความปลอดภัยของตัวประกัน จึงต้องอยู่ในชั้นความลับไม่สามารถที่จะเป็นข่าวได้ โดยทีมสืบสวนสอบสวน สามารถสืบทราบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุบ้าง และทราบว่ามีคดีที่เกี่ยวพันกับเหตุการณ์ลักพาตัวครั้งนี้ 2 คดี คือคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ และคดีปลอมเอกสารการโอนหุ้น 300 ล้านบาทโดยทุจริต เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ทีมสืบสวนจึงได้ติดตามสถานที่กบดานคนร้าย กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา จึงได้ขออนุญาตศาลอาญาออกหมายจับ และสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ตามที่เป็นข่าว นอกจากนี้ยังมีการขอหมายค้น 20 กว่าจุด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานมัดตัวคนร้ายให้ครบถ้วนซึ่งทราบว่าสามารถจับคนร้ายได้ 3 คนแล้ว และกำลังตามจับบางส่วนที่ยังหลบหนีอยู่ สำหรับเรื่องจำนวนคนร้ายที่ก่อเหตุนั้น ถ้าสืบสวนไปเกี่ยวพันถึงใคร ตำรวจก็คงจะขอหมายจับเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

นายสราวุธ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า วันนี้ตน พร้อมด้วยนายอาคม รุ่งแจ้ง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ , นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ รองเลขาธิการประธานศาลฎีกาตัวแทนของนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ซึ่งติดภารกิจเดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ เดินทางไปให้กำลังใจผู้พิพากษาอาวุโสในศาลอาญากรุงเทพใต้ พร้อมแจ้งข่าวการจับกุมคนร้ายให้ได้ทราบซึ่งท่านผู้พิพากษาก็ยังอยู่ในภาวะเสียใจ โดยสำนักงานศาลยุติธรรมก็จะดูแลความปลอดภัยต่อไป ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา เราได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดหน่วยคุ้มกันดูแลความปลอดภัยมาโดยตลอด ซึ่งหลังเกิดเหตุท่านก็ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนี้หลักฐานทั้งหมดที่ทางศาลมี ได้ส่งให้ตำรวจกองปราบหมดแล้ว ทั้งกล้องวงจรปิด ที่จับภาพคนร้าย พบไม่ต่ำกว่า 3 คน ที่มาดักรอที่หน้าศาลอาญากรุงเทพใต้ตั้งแต่ก่อนลักพาตัวประมาณ 1 ชั่วโมง ส่วนเรื่องวงจรปิดจับภาพ พ.ต.ท.บรรยินได้เลยหรือไม่นั้น ต้องถามเจ้าหน้าที่ซึ่งแจ้งว่ามีพยานหลักฐานครบถ้วนในการออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยินกับพวกแล้วซึ่งรายละเอียดจะอยู่ในสำนวนสอบสวนที่ตำรวจจะแถลงต่อสื่อมวลชนเอง

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า หลังจากวันนี้เรื่องการคุ้มกัน ความปลอดภัยผู้พิพากษา และบริเวณศาล นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว เจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือคอร์ทมาร์แชล (Court Marshal) จะเข้าไปเสริมการดูแลในเรื่องคุ้มกัน และการเดินทางปฏิบัติหน้าที่

"เรื่องนี้เราต้องขอบคุณ ผบ.ตร.ที่ได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก จนสามารถจับตัวคนร้ายได้ ช่วงที่ผ่านมานายไสลเกษ ประธานศาลฎีกาให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ท่านจะพูดทุกครั้งในการประชุม ก.ต. และ ก.บ.ศ. ด้วยความห่วงใยความปลอดภัยของผู้ถูกลักพาตัว แต่เราต้องเก็บเป็นความลับเพื่อคำนึงความปลอดภัย ที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. , พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. , พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ได้รายงานความคืบหน้าให้ประธานศาลฎีกาทราบอยู่เป็นระยะมาตลอด" เลขาสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุ

นายสราวุธกล่าวอีกว่า เหตุการณ์การจับตัวประกันเพื่อต่อรองให้ตัดสินคดีที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในศาลยุติธรรมมาก่อน เป็นเรื่องกระทบความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษาหลังจากนี้หน่วยของศูนย์รักษาความปลอดภัย ตาม พ.ร.บ.เจ้าพนักงานตำรวจศาล พ.ศ.2562 มาตรา 5 บัญญัติให้เจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือคอร์ทมาแชล (Court Marshal) มีหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ และความปลอดภัยของตัวบุคคล ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องวางมาตรการในเชิงป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก ต่อไปหากมีคดีสำคัญหรือเกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลเราก็จะต้องวิเคราะห์เรื่องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิด เราอาจต้องมีการอารักขาตัวองค์คณะ ดังนั้นเราจึงต้องมีการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าพนักงานตำรวจศาล หรือคอร์ทมาแชล เร็ว โดยปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างการอบรมเพื่อบรรจุเเต่งตั้งชุดใหม่ให้ได้คุณภาพตามเกณฑ์ที่กำหนด

ที่มาเรียบเรียงจาก Thai PBS | สำนักข่าวไทย | คมชัดลึก