หลังยุบพรรคอนาคตใหม่ หลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ เครือข่ายอนุรักษนิยม ดูเหมือนจะได้ชัยชนะเบ็ดเสร็จทางอำนาจ

คือไม่ต้องพูดถึงอำนาจทหาร ตำรวจ รัฐราชการ ที่แต่งตั้งในยุค คสช. 5 ปี วางผู้สืบทอดไว้อีก 5-10 ปี อำนาจกฎหมาย องค์กรอิสระ 250 ส.ว.เลือกนายกฯ ทั้งตัวบุคคลและกลไกกติกา กำหนดไว้หมดแล้ว

ชัยชนะล่าสุด คืออำนาจในสภา ที่ได้มาจากอำนาจศาล ตีความเงินกู้เป็นเงินบริจาค ยุบพรรคที่ได้รับเลือกจากเจตนารมณ์ประชาชน 6.3 ล้าน นอกจากตัดสิทธิ 11 กรรมการบริหาร ลูกพรรคยังถูกรุมทึ้ง เข้าสู่ "ทางสายกุ๊ย" ซึ่งเด็กอมมือก็รู้ว่าปัจจัยสำคัญคืออะไร

นี่ทำให้ภาพลักษณ์สภาต่ำตม เลวร้ายยิ่งกว่าครั้งยุบพรรคพลังประชาชน ซึ่งปั่นกระแส "เลวชั่วโกง" ปลุกม็อบยึดทำเนียบปิดสนามบิน บีบให้คนจำนวนหนึ่งยอมรับว่ายุบพรรคทำให้เกิดความสงบ ขณะที่คนอีกจำนวนหนึ่งก็เชื่อว่า ตุลาการภิวัตน์เป็นที่พึ่งให้ "ธรรมชนะอธรรม"

แต่ครั้งนี้ หลังตุลาการภิวัตน์ กลับเปิดตลาดกันโจ๋งครึ่ม

นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาความชอบธรรม ซึ่งฝั่งอนุรักษนิยมไม่เคยแยแส การเลือกตั้งที่ผ่านไปจะครบปี ถูกพลิกผลอย่างสิ้นเชิง 7 พรรคฝ่ายค้านที่ควรจะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ถูกบั่นทอนด้วยสูตรคำนวณเศษคน พรรคประชาธิปัตย์ที่หัวหน้าประกาศ "ไม่เอาประยุทธ์" พอพ่ายแพ้ก็พลิกผัน พรรคเศรษฐกิจใหม่ที่หัวหน้างึมงำ ไม่เอาการสืบทอดอำนาจ ก็เหลือเสียงเดียวครึ่งๆ กลางๆ โดยยังไม่นับ "งูเห่า" ที่โผล่ทั้งเพื่อไทย อนาคตใหม่ก่อนถูกยุบ และประชาชาติ

คำถามคือ ศีลธรรมอนุรักษนิยมยังเหลืออยู่ที่ไหนกัน ไหนล่ะ คนดีปกครองบ้านเมือง คนดีแบบไหน ดูดนักการเมืองที่พวกตัวเคยประณามมาตั้งพรรค ใช้สอยให้ลอยหน้าลอยตา แล้วยังใช้พรรคร่วมมากวาดต้อน ส.ส.ให้พลิกอุดมการณ์จากที่ประชาชนเลือก

คนดีแบบไหนกันที่อุ้มรัฐมนตรี "ค้าแป้ง" เดี๋ยวกลุ่มก๊วนในพรรคยังจะกดดันให้ปรับ ครม. เพื่อให้สอดคล้องกับโควตาที่ต้องเลี้ยงดู ส.ส.

ศีลธรรมอนุรักษนิยมฝากไว้กับใคร กับประยุทธ์ที่ลอยอยู่โด่เด่ หรือกับ "ป้อม ป่ารอยต่อ"

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงแฟลชม็อบนักศึกษา ซึ่งเป็นภาพสะท้อน คนรุ่นใหม่ปฏิเสธการครอบงำของอุดมการณ์อนุรักษนิยม ที่พยายามตีกรอบความคิด ให้ยอมรับโครงสร้างอำนาจถอยหลัง

แฟลชม็อบเกิดทุกมหาวิทยาลัย แม้แต่มหาวิทยาลัยที่ไม่เคยเกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองเลยตลอด 6 ปี ตั้งแต่จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ ไปถึงราชภัฏ ราชมงคล ลูกคนจนลูกเศรษฐี เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่า ไม่ใช่พวกความคิดล้าหลัง ไม่งั้นเพื่อนล้อแย่เลย

บางคนหาว่านี่เป็นแฟชั่น แต่ไม่ใช่เลย แม้อาจยังไม่มีพลังถึงขั้น 14 ตุลา แต่ก็เป็นการประกาศชัยชนะทางความคิด ของอุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย เหนืออุดมการณ์อนุรักษนิยม อย่างแทบจะสมบูรณ์ ในหมู่คนรุ่นใหม่

"นักศึกษาที่ขี้ริ้วขี้เหร่เรื่องการเมืองแค่ไหน จังหวะนี้ต้องสลัดมุมมองทางการเมืองตัวเองเพื่อพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่สลิ่ม" นักศึกษาธรรมศาสตร์คนหนึ่งกล่าว

สำหรับคนรุ่นใหม่ อำนาจอนุรักษนิยมนอกจากกดทับเสรีภาพทางความคิด ยังทำให้ประเทศถอยหลัง และจะ "พากันตายหมด" แม้ยังไม่แน่ว่าจะรวมพลังต่อต้าน หรือขับไล่ได้ แต่ชัดเจนว่าคนรุ่นนี้และรุ่นต่อๆ ไปที่จะเติบโตขึ้นในโลกยุค 4G 5G ไม่มีวันยอมรับเลย

แล้วประเทศจะเดินต่อไปอย่างไร ภายใต้อำนาจระดับบนที่ผนึกแน่น ไม่ยอมคลาย ใส่เกียร์ถอยหลังโดยไม่แยแสใคร เพราะเชื่อว่าประชาชนแตกหักไม่ได้ ตราบใดที่ตำรวจ ทหาร กฎหมาย และรวมทั้งทุน เป็นหนึ่งเดียวกัน

จะให้ประชาชนยอมทนรัฐบาลนี้ รัฐสภานี้ ไปอีก 3 ปี แล้วเลือกตั้งใหม่ แล้ว 250 ส.ว.ก็โหวตประยุทธ์ หรือตัวแทนประยุทธ์ กลับมาใหม่ อย่างนั้นหรือ

แต่อาจไม่ต้องใช้ 250 ส.ว.ก็ได้ ครั้งหน้าอาจชนะเบ็ดเสร็จ เพราะการเมืองถอยหลังไปสู่ระบบอุปถัมภ์ รัฐมนตรียังพูดซื่อๆ เงินเดือนสองแสนไม่พอใช้ ส.ส.ฝ่ายค้านที่ไม่มีอำนาจรัฐ ไม่สามารถของบ ขอโครงการ ท่อน้ำเลี้ยงถูกสะบั้น ก็คงต้องยอมสยบ เครือข่ายหัวคะแนนในชนบทก็จะถูกโน้มน้าว เลือกฝ่ายค้านเข้าไปจะไม่ได้พึ่งรัฐ โดยไม่นับการสาดกระสุนไม่อั้น หรือใช้อำนาจโดยไม่หวั่นใบเหลืองใบแดงยุบพรรค

แม้แต่อดีตพรรคอนาคตใหม่ เลือกตั้งครั้งหน้า ก็คงจะไม่ถล่มทลายอีก ด้วยหลายปัจจัย

แนวโน้มต่อไปจึงเป็นการชนะเลือกตั้ง ภายใต้การเมืองสามานย์ แต่ไม่มีทหารขับรถถังออกมาโค่น เหมือนยิ่งลักษณ์ทักษิณ

นี่กระมัง อนาคตประเทศ ภายใต้อำนาจเบ็ดเสร็จที่ประชาชนต่อสู้ไม่ได้

แต่ถามอีกครั้ง ไหนล่ะ อุดมการณ์อนุรักษนิยม ศีลธรรม ความสัตย์ซื่อ ดีงาม ที่ฝ่ายอนุรักษนิยมอ้างกันมาหลายสิบปี

มันพังทลายไปหมดแล้ว จากความไม่ชอบธรรม และความอยุติธรรม เหลือแต่อำนาจและผลประโยชน์เท่านั้น ที่เป็นของจริง

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/news_3699227