Skip to main content
sharethis

กกต. มีมติดำเนินคดีอาญากับ 'ธนาธร' รู้ว่าตัวเองขาดคุณสมบัติสมัคร ส.ส. ปมถือหุ้นสื่อ แต่ยังให้พรรคส่งสมัคร 'ธนาธร' โต้ระบบการเมืองล้มละลายแล้วในแง่ความชอบธรรม ต้องแก้ทั้งระบบกฎหมาย

11 มีนาคม 2563 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าว กรณีคณะกรรมการ กกต. มีมติให้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญากับธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ รู้ตัวว่าขาดคุณสมบัติในการสมัครรีบเลือกตั้งเป็นส.ส. เพราะถือหุ้นสื่อบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด  

โดยระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 14/2562 เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.ของนายธนาธร สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3 ) เนื่องจาก นายธนาธร เป็นผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสื่อมวลชนอยู่ในวันที่พรรคอนาคตใหม่ยื่นสมัครเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562

ต่อมาเมื่อวันที่ 10 มี.ค.63 คณะกรรมการการเลือกตั้งได้พิจารณาข้อเท็จจริง พยานหลักฐานและพฤติการณ์ในสำนวนการไต่สวน ประกอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องดังกล่าวข้างต้นแล้ว เห็นว่า นายธนาธรรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.แต่ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง มาตรา 151 จึงมีมติให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีอาญา

 

'ธนาธร' โต้ระบบการเมืองล้มละลายแล้วในแง่ความชอบธรรม ต้องแก้ระบบกฎหมาย

วันเดียวกัน เฟสบุ๊คแฟนเพจ 'Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 

[ ปัญหาที่ใหญ่กว่าการมุ่งกำจัด #ธนาธร ก็คือระบบการเมืองที่กำลังล้มละลาย ]

เมื่อวานนี้มีข่าว กกต. แจ้งความดำเนินคดีอาญากับผมเพิ่มเติมอีกหนึ่งคดีจากการลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว โดยที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามจากการถือหุ้นวีลัค ตามแนวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

คดีนี้แสดงให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งว่าระบบการเมืองที่สืบทอดจากการรัฐประหารต้องการกำจัดพวกผมให้สิ้นซากไปจากการเมืองไทย โดยใช้ทุกวิถีทางรวมทั้งใช้กฎหมายและองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือ

แต่ปัญหาที่สำคัญมากกว่าคดีที่ผมโดนเพิ่มก็คือ ”ระบบการเมือง” แบบที่เป็นอยู่นี้ “ล้มละลาย” ไปแล้ว ทั้งในแง่ความชอบธรรมทางการเมือง ทั้งในแง่การไม่มีประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการของประชาชน ระบบการเมืองนี้เป็นระบบที่ใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล มุ่งกำจัดศัตรูทางการเมืองเพื่อกดทับอำนาจของประชาชน และหาผลประโยชน์ให้พวกพ้องไม่กี่คน ไม่ได้ยึดถือผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนเป็นที่ตั้ง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดในวันนี้ก็คือกรณีโควิด-19 ที่ไม่มีความสามารถและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ รัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ทั้งยังปล่อยให้พวกพ้องไปแสวงหาผลประโยชน์จากความเดือดร้อนของประชาชน

ระบบการเมืองเช่นนี้ไม่ควรดำรงอยู่อีกแล้ว ซึ่งไม่ใช่แค่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือรัฐมนตรีบางคนต้องออกไปเท่านั้น แต่เราต้องแก้ไขระบบกฎหมาย ระบบราชการที่รวมศูนย์ ศาล กระบวนการยุติธรรม รวมทั้งองค์กรอิสระ ส.ว. แต่งตั้ง และรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ คสช. ทั้งหมดด้วย

ไม่เช่นนั้นต่อให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอีกกี่ครั้ง ประชาชนก็จะยังเจอปัญหาแบบเดิมอีกอยู่ดี

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net