ศรีสุวรรณเตรียมร้อง คณะกรรมการแข่งขันการค้า สอบกรณี CP ซื้อกิจการเทสโก้-โลตัส

12 มี.ค. 2563 ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า มีการประมูลซื้อ-ขายกิจการเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทยและในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล 3 ราย ได้แก่ กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์  กลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น ผลปรากฎว่า กลุ่มซีพี ชนะการประมูลซื้อเทสโก้-โลตัส ด้วยราคา 3.38 แสนล้านบาท โดย CPALL ถือ 40% กลุ่มซีพีถือ 60% (ซีพี เมอร์แชนไดซิ่ง 20%) นั้น

การเข้ามาเป็นข้าวของกิจการค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ในกิจการของเทสโก้-โลตัสดังกล่าว อาจเข้าข่ายมีอำนาจหรืออิทธิพลเหนือตลาดได้ เนื่องจากกลุ่มซีพีมีกิจการโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ คือ แม็คโครอยู่แล้วซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดถึง 37.4%  (ไทยมีโมเดิร์นเทรดเพียง 3 ราย คือ บิ๊กซี มีส่วนแบ่งตลาด 24.2% แม็คโคร มีส่วนแบ่งตลาด 37.4% และเทศโก้-โลตัส มีส่วนแบ่งตลาด 38.4%) และเมื่อเข้ามาซื้อกิจการของเทศโก้-โลตัส ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 38.4% ก็จะทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 75.8% นอกจากนั้นยังมีร้านสะดวกซื้อหรือร้านค้าปลีกขนาดเล็ก คือ 7-11 อีกนับพันแห่งทั่วประเทศ

โดยเมื่อวันที่ 18 ม.ค.2550 คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้ออกประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด โดยกำหนดกรอบของคำว่า “ส่วนแบ่งตลาดและยอดเงินขาย” ไว้ดังนี้ (1) ผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่งหรือบริการใดบริการหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป และมียอดขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป หรือ (2) ผู้ประกอบธุรกิจสามรายแรกในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่งหรือบริการใดบริการหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมารวมกันตั้งแต่ร้อยละ 75 ขึ้นไป และมียอดขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป เว้นแต่มีผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งในสามรายแรกที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าร้อยละ 10 และมียอดขายในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท

ดังนั้นการเข้าซื้อกิจการเทสโก้-โลตัสของกลุ่มซีพี จึงอาจเข้าข่ายเป็น “ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด” ซึ่งขัดต่อ ม.3 ประกอบ ม.25 และ ม.50 แห่งพรบ.ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า 2560 ได้ ทั้งนี้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดสามารถสร้างหรือทำลายการแข่งขันได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยและผู้บริโภคโดยตรง

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เพื่อดำเนินการวินิจฉัยและสั่งระงับการกระทำการดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค.63 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ณ อาคารจอดรถ 5 ชั้น ชั้น 5 ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท