Skip to main content
sharethis

ดูข้อค้นพบ ข้อเสนอ คำบอกเล่าของทหารเกณฑ์ที่ตกเป็นเหยื่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนสารพัดระหว่างการรับใช้ชาติในรายงานโดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล มีทั้งการธำรงวินัยโหด ลดทอนความเป็นมนุษย์ ไปจนถึงล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืนทหารที่เข้าไปฝึกใหม่ แนะ ให้ฝึกครูฝึกให้เคารพสิทธิ เลิกวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิด ตั้งกรรมาธิการสืบสวนอิสระและรับข้อร้องเรียน

ภาพระหว่างการคัดเลือกทหารเกณฑ์ (แฟ้มภาพ)

ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อทหารเกณฑ์เป็นเรื่องลับแต่ก็ไม่ลับในหมู่คนไทยที่ได้ยินกันมานานผ่านรูปแบบเรื่องเล่าขำขันของทหารที่เคยผ่านการฝึกมาบ้าง การเปิดเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์บ้าง ไปจนถึงการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของทหารหลายราย ที่เสียชีวิตในนามของการฝึก จากไปโดยไม่มีข้าศึกคนไหนมาเอาชีวิตนอกไปจากครูฝึก รุ่นพี่ และวิธีการกดขี่ข่มเหงในนามการบังคับบัญชา

ศพสุดท้ายอีกกี่ครั้ง?: รวมกรณีซ้อมทรมาน-ตายแปลกในค่าย คุก บ้านพักนายทหาร

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนจัดทำรายงานเรื่อง “We were just toys to them” (“เราก็เป็นแค่ของเล่นเขา”)เป็นงานค้นคว้าที่สัมภาษณ์ทหารเกณฑ์ ครูฝึกทั้งที่ปลดประจำการแล้วและยังประจำการอยู่ รวมถึงนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาทั้งหมด 26 คน และพบว่ามีการปฏิบัติมิชอบอย่างเป็นแบบแผนรวมทั้งและอย่างกว้างขวางมาเป็นเวลานานต่อทหารเกณฑ์ใหม่ โดยในหลายครั้งมีลักษณะเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา

แคลร์ อัลการ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย รณรงค์ และนโยบาย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า การปฏิบัติมิชอบต่อทหารเกณฑ์ใหม่ในกองทัพไทย เป็นสิ่งที่รู้กันอย่างกว้างขวางแต่ถูกเก็บเป็นความลับ งานวิจัยของเราเผยให้เห็นว่า การปฏิบัติมิชอบเช่นนี้เกิดขึ้นจนเป็นปรกติ มากกว่าจะเป็นข้อยกเว้น กองทัพมักพยายามปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อย่างจงใจ

“เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้นในสายการบังคับบัญชามีส่วนรับผิดชอบต่อวัฒนธรรมความรุนแรง และการเหยียดศักดิ์ศรีของมนุษย์ ทางการไทยต้องดำเนินการโดยทันที เพื่อยุติการปฏิบัติมิชอบและลดทอนความเป็นมนุษย์เช่นนี้ ก่อนจะถึงรอบการเกณฑ์ทหารประจำปี ซึ่งจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ และให้ตั้งคณะกรรมการการตรวจสอบเพื่อสอบสวนอาชญากรรมเหล่านี้”

ทำร้ายร่างกาย-ลดทอนความเป็นมนุษย์

รายงานระบุว่า ทหารเกณฑ์ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายอย่าง นอกจากจะถูกลงโทษทางร่างกายแล้ว ทหารเกณฑ์ต่างพูดถึงการฝึกรูปแบบต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อดูหมิ่นศักดิ์ศรี การลงโทษโดยการทำร้ายร่างกาย การฝึกท่าที่เป็นอันตราย และการกลั่นแกล้งให้อับอาย มีการบังคับให้กระโดดลงไปในบ่อเกรอะ และบังคับให้ทานข้าวโดยใช้ปากเท่านั้น “เหมือนหมา”

“บางทีครูฝึกเขาสั่งให้เราหมอบบนพื้นห้องน้ำ หมอบเป็นแถวต่อหลังกันไป แล้วให้เอาหน้าไปตรงก้นคนข้างหน้า แล้วให้จูบ กับให้สูดหายใจ มีแบบนี้ประมาณสามสี่รอบ รู้สึกอึดอัดครับ มันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องทำ” เหม กล่าวกับแอมเนสตี้ฯ

"ช่วงฝึกตีระฆังเวลามีเหตุฉุกเฉิน มีทหารสองคน คนหนึ่งเป็นมุสลิม ตีไม่ดี เขาเลยซ่อมด้วยการให้ลงบ่อเกรอะ เป็นบ่อที่อยู่ตรงพื้นหลังห้องน้ำ เป็นบ่อสี่เหลี่ยมประมาณ 1X1 เมตร ครูเขาก็เปิดฝาแล้วบังคับให้ลงไป พวกนี้ต้องแก้ผ้าจนเหลือแต่กางเกงในตอนลง (หลังจากขึ้นมาจากบ่อ) ต้องยืนตากแดด ประมาณสามสิบนาทีถึงหนึ่งชั่วโมงจนแห้ง คนที่เป็นมุสลิมเขาร้องไห้เลยตอนจะลง เขาบอกว่าเขากลัวว่าจะมีหมูอยู่ในบ่อ แต่เขาก็ต้องลง" "สาโรช" เล่าให้แอมเนสตี้ฯ ฟัง

"ผมเคยโดนตบครั้งหนึ่ง ตอนที่ไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ครูฝึกคนหนึ่งลงโทษผมให้ทำท่าออกกำลังกาย วิดพื้น พุ่งหลัง อะไรแบบนี้ พอ 15 นาทีผ่านไปมันเริ่มหนักมาก ผมก็เลยบอกว่าผมทำไม่ไหวแล้ว แบบผมจะเป็นลมแล้ว เขาก็ยังบอกให้ผมทำต่อ แต่ผมทำไม่ได้ผมก็เลยไม่ได้ทำต่อ เขาก็บอกให้ผมยืนขึ้นแล้วก็ตบหน้าผมฉาดเลย คนนี้เป็นจ่าครับ” "อิทธิ์" หนึ่งในผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวกับแอมเนสตี้ฯ

ทหารเกณฑ์บอกว่าพวกเขามักถูกลงโทษด้วยการทุบตี เตะต่อย และตกเป็นเป้าหมายการทำร้ายร่างกายรูปแบบอื่นๆ โดยครูฝึกใช้ทั้งมือ ไม้หน้าสาม รองเท้าบูททหาร หมวกทหาร และในบางครั้งยังใช้ด้านเป็นอาวุธ 

“ไม่มีวันไหนที่ไม่โดนซ่อม” ผู้ให้สัมภาษณ์คนหนึ่งบอกกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล “ครูฝึกเขามีเหตุผลจะซ่อมเราทุกครั้ง บางทีก็บอกว่าตอบไม่ดังพอ อาบน้ำช้าเกินไป ไม่ทำตามคำสั่งเป๊ะๆ สูบบุหรี่”

อีกคนหนึ่งบอกว่า “ทหารเกณฑ์... เคยโดนจับได้ว่าดื่ม (เหล้า) เขาเลยโดนซ้อมหนักมาก ผมเห็นเลือดกบปากเขาเลย” 

"ทหาร (ถูกสั่ง) ให้ถอดเสื้อผ้าออกหมด ถ้าปิดไฟปุ๊บตรงนี้จะมืดมาก แล้วเขาจะใช้เป็นที่ไว้ซ้อมคน บางทีเขาก็ให้เราซ่อมท่าออกกำลังกายทั้งที่โป๊ๆ แบบนั้นแหละ เขาก็จะกระทืบเรามั่ง ต่อยเรามั่ง กฎข้อแรกของเขาเลยคือไม่ให้โดนหน้าหรือแขนขา ได้แค่เฉพาะช่วงตัว เขาไม่อยากให้มีใครเห็นรอย ทั้งจ่า ทั้งครูฝึกเลยที่ทำแบบนี้กับพวกเรา" 

"หน้าผมมันดูเหมือนหาเรื่องหน่อยๆ ผมเลยโดนซ้อมบ่อย" "รักษ์" เล่าให้แอมเนสตี้ฯ ฟัง

“บางทีรุ่นพี่เขาจะทำแรงๆ เหมือนเขาเล่นเกมอยู่ มีครั้งหนึ่งเขาแจกเสื้อยืด รุ่นพี่ถามว่ามีใครอยากได้ เสื้อยืดไหม มีคนยกมือแล้วก็เดินออกไปเอา แล้วรุ่นพี่ก็ต่อยเข้าไปที่หน้าอกเขาเลย ใช้กำปั้นต่อยผ่านเสื้อยืดนี่แหละ คนนั้นก็เป็นลมไปเลย ผมช็อคมาก เหมือนไม่ใช่เรื่องจริง ยังดีที่สุดท้ายเขาอาการดีขึ้น” "อั๋น" เล่าให้แอมเนสตี้ฯ ฟัง

ทหารเกณฑ์ยังบอกว่าถูกบังคับให้ฝึกอย่างหนักจนเกินกำลัง โดยเป็นรูปแบบหนึ่งของการลงโทษ รวมถึงการถูกบังคับให้ยืนในท่าที่มักทำให้เป็นลมหรือได้รับบาดเจ็บ

จากข้อมูลของอีกคนหนึ่งระบุว่า “ทหารเป็นลมสามถึงสี่คนทุกวัน เขามีห้องพยาบาลอยู่คนพวกนี้ก็จะถูกส่งไป” อีกคนหนึ่งบอกกับแอมเนสตี้ฯ ว่า “คนที่เป็นลมบ่อยๆ ส่วนมากเขาจะให้พัก แล้วก็กลับมาฝึกใหม่ แล้วก็เป็นลมอีก”

“บางทีเขาก็ตบหัวทหาร (ไม่ใช่หน้า) แรงๆ แต่ไม่แรงพอให้สลบเขาจะตบรอบหรือสองรอบ ส่วนใหญ่จะเป็นตอนที่มีการทำผิดร้ายแรง ถ้าเขาเห็นใครสูบบุหรี่อยู่หลังห้องน้ำเขาก็จะเข้าไปตบ... บางคนที่เล่นยา (ในค่าย) ก็จะโดนลงโทษแนวนี้ ส่วนใหญ่จะโดนกระทืบ ถ้านั่งอยู่จะโดนเตะที่คอ ก็แรงจนล้มเลย... ตอนฝึกอาวุธ บางทีครูฝึกก็ฟาดหมวกกันน็อกใส่ ส่วนใหญ่คนที่ทำไม่ถูก แบบชี้ปืนไปทางคน อื่นหรือไม่ล็อกปืนไว้ ตอนนี้จะไม่มีกระสุน" "อั๋น" เล่าให้แอมเนสตี้ฯ ฟัง

นายทหารข่มขืนทหารเกณฑ์ คนหลากหลายทางเพศตกเป็นเหยื่อ

รายงานข้อมูลการละเมิดทางเพศและการกลั่นแกล้งให้อับอายจึงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ผู้ให้สัมภาษณ์ระบุว่าถูกครูฝึกบังคับให้ช่วยตนเองจนสำเร็จความใคร่ และให้หลั่งน้ำอสุจิต่อหน้าคนอื่น อีกหลายคนบอกว่าถูกละเมิดทางเพศ หรือเป็นพยานต่อการข่มขืน ทหารเกณฑ์ที่ระบุว่าหรือถูกเข้าใจว่าเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศกล่าวว่า ครูฝึกมักเลือกพวกเขาเป็นเป้าหมายของความรุนแรง การคุกคาม และการเลือกปฏิบัติทางเพศ 

ทหารเกณฑ์ใหม่มักถูกครูฝึกละเมิดทางเพศอย่างสม่ำเสมอและร้ายนแรง ทหารเกณฑ์ส่วนใหญ่บอกกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่า พวกเขาเคยมีประสบการณ์ เคยเห็นการละเมิดทางเพศ หรือได้ยินเรื่องราวจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ มีแค่สองคนเท่านั้นที่บอกว่าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

ทหารเกณฑ์เก้าคนซึ่งเข้ารับการฝึกในเก้าจังหวัดและห้าผลัดที่แตกต่างกันบอกว่า มีการละเมิดทางเพศแบบกลุ่มในรูปแบบที่เรียกว่า “รถไฟ” โดยมักเกิดขึ้นในห้องอาบน้ำ ทหารเกณฑ์ถูกบังคับให้จับอวัยวะเพศของเพื่อนทหารและยืนต่อแถวกันขณะที่เปลือยยู่ พร้อมทั้งเดินเป็นวงกลม

ทหารเกณฑ์แปดคนซึ่งเข้ารับการฝึกในแปดจังหวัดและสี่ผลัดที่แตกต่างกัน บอกกับแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลว่า พวกเขาและทหารเกณฑ์อีกหลายสิบคนถูกครูฝึกบังคับให้ช่วยตัวเองจนสำเร็จความใคร่ และให้หลั่งอสุจิออกมาต่อหน้าคนอื่น

ทหารเกณฑ์ที่ระบุว่าหรือถูกเข้าใจว่าเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศกล่าวว่า มักตกเป็นเป้าหมายของการละเมิดทางเพศ เนื่องจากวิถีทางเพศ และอัตลักษณ์หรือการแสดงออกทางเพศของตน โดยอาจถูกบังคับให้สร้างความบันเทิงหรือบีบนวดให้ครูฝึก ในบางกรณีได้เกิดการละเมิดทางเพศด้วย

จากการเก็บข้อมูลของแอมเนสตี้ฯ พบว่ามีสามกรณีที่เป็นการข่มขืน มีหนึ่งกรณีที่เป็นการพยายามข่มขืน อีกหนึ่งกรณีเป็นการทำเหมือนว่าข่มขืน และมีอีกสองกรณีที่ทหารเกณฑ์ถูกบังคับให้ “ตอบสนองความใคร่” ของครูฝึก ซึ่งมีลักษณะที่อาจเป็นการข่มขืน เหยื่อการข่มขืนเกือบทั้งหมดระบุว่าตัวเองเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือมีผู้อื่นระบุว่าเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศ 

“ช่วงพักหลังฝึกเสร็จ ครูฝึกก็จะเรียกพวกเราที่เป็น 'ตุ๊ด' สี่คนให้ไปเต้นแล้วก็เล่นตลกให้ทหารคนอื่นดู เป็นแบบนี้มากกว่าสิบครั้ง โดยเฉพาะช่วงที่เป็นวันหยุด เขาขู่ว่าถ้าไม่ยอมท าจะไม่ให้อาบน้ำหรือกินข้าว

“เขาชอบพูดจาไม่ดีใส่ ชอบพูดว่า “ถ้าเต้นสวยเดี๋ยวคืนนี้จะให้นอนกับคนนั้นคนนี้” บางทีเขาก็ให้ทหารพูดใส่เราว่า “เต้นสวยจังเลย คืนนี้มาเป็นเมียพี่นะ”ผมรู้สึกแย่นะ รู้สึกว่าเราเข้ากองทัพมาเพราะเป็นหน้าที่เราไง แต่เต้นมันไม่ใช่หน้าที่ ผมโกรธมากแล้วก็ตั้งคำถามตลอดว่าทำไมเราต้องโดนบังคับให้ทำอะไรแบบนี้" "ฟง" กล่าวกับแอมเนสตี้ฯ

“หลังฝึกเสร็จ พวกผู้ชายก็จะไปนอน ครูฝึกจะเรียกพวกเรา (ทหารเกณฑ์ที่มีความหลากหลายทาง เพศ) ให้ไปนวดให้ตอนกลางคืน บางทีจ่าก็เป็นคนเรียก ผมโดนเรียกสี่ห้าครั้ง ถ้าจ่าชอบผมเขาก็จะ เรียกผม ผมก็พยายามบอกปัดตลอด เขาจะพยายามลูบตรงหน้าอกหรือไหล่ผม แบบลูบไล้ แล้วพูดว่า “ไปทำยังไงมามีนมเหมือนผู้หญิงเลย ไปเสริมมารึเปล่าเนี่ย” บางทีก็ “ผิวนิ่มเหมือนผู้หญิงเลย น่าจับ” ผมก็พยายามปัดๆ เขาไปแต่ผมก็จะโดนซ่อม บางทีก็โดนพุ่งหลัง 50 ที ผมเลยรู้ว่าหน้าที่ของเราคือห้ามพูดว่าไม่ เขาสั่งอะไรมาเราต้องทำตามหมด" 

“วันหนึ่งครูเขาสั่งให้เราช่วยตัวเอง อันนี้เป็นตอนหลังจากวันเยี่ยม เขาบอกว่าเราจะได้ผ่อนคลาย ต้องเอาน้ำ (อสจุิ) ให้เขาดู ผมรู้สึกว่ามันไม่จำเป็นอะไร ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ต้องมาทำด้วยกัน พวกผมรู้สึกอายนะเพราะเราต้องทำแบบนี้ต่อหน้าทุกคน แล้วมันเป็นเรื่องที่ส่วนตัวมากๆ" "กร" กล่าวกับแอมเนสตี้ฯ 

"(ประมาณ) หกโมง ตอนที่...(ทหารเกณฑ์) ต้องไปอาบน้ำ มีนายร้อยคนหนึ่ง... เขาจะบอกให้ทหารอาบให้เสร็จเร็วๆ ภายในหกโมงครึ่ง แล้วเขาก็จะบังคับให้ทหารคนหนึ่งมีอะไรกับเขาในห้องน้ำนั่นแหละ เกิดขึ้นหลายครั้งเลยครับ น่าจะช่วง (วันเดือนปีที่เฉพาะเจาะจง) นายร้อยคนนั้นทำแบบนี้กับ (ทหารเกณฑ์) ทุกผลัดครับ ยังโอเคอยู่ที่ถ้ามีผลัดใหม่เข้ามาเขาก็จะเลิกมายุ่งกับเรา 

"เราต้องยืนเคารพธงชาติตอนหกโมงแล้วหลังจากนั้นค่อยไปอาบน้ำ บางทีผมได้อาบตอนที่เขามีอะไรกันนี่แหละ แล้วนายร้อยเขาก็จะขู่ผมว่า “ปิดปากไว้นะ รู้ใช่ไหมว่าจะเจออะไรถ้าเอาไปพูด”แต่เขาไม่ได้สั่งซ่อมนะ มีสองคนที่ผมรู้จักที่เขาเคยบังคับให้มีอะไรด้วย เป็นผู้ชายแท้ทั้งสองคนเลย ช่วงฝึกตอนแรกนายร้อยเขาจะเลือกทหารมาก่อนสามคน แล้วเขาจะให้นวด เขาชอบคนไหนที่สุดเขาก็จะมีอะไรกับคนนั้นแหละ ตอนแรกๆ ก็เริ่มจากแค่ทางปากครับ แล้วมันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นการสอดใส่ ตอนที่ผมเห็นคือเป็นทาง ปาก คนที่โดนเรียกเขากลัวไม่กลัวบอกใครหรอก เขาเป็นนายทหารตำแหน่งสูง มีคนหนึ่งที่เจอแบบนี้มีลูกมีเมียแล้วแต่ก็ต้องทำ เขาบ่นไม่ได้ก็ต้องทนๆ ไป เขารู้อยู่ว่าพอมีผลัดใหม่เข้ามาเขาก็จะรอด" "แดง" กล่าวกับแอมเนสตี้ฯ 

แคลร์กล่าวว่า การละเมิดสิทธิทั้งหลายในรายงาน “ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงตามกฎหมายไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ ควรมีการนำตัวผู้ที่มีส่วนรับผิดชอบมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” 

ยูวาล กินบาร์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของแอมเนสตี้ฯ หนึ่งในทีมวิจัย ให้สัมภาษณ์ประชาไทว่า แอมเนสตี้ฯ ได้สอบถามนายทหารในกองทัพหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนายพลในกองทัพแคนาดา หรือร้อยโทในกองทัพนอร์เวย์ ไปจนถึงนายทหารไทยที่ได้รับการฝึกจากประเทศตะวันตก ต่างก็เห็นว่าการละเมิดสิทธิในนามของการฝึกเช่นนี้ ถือเป็นแนวคิดการฝึกทหารในศตวรรษที่ 19 ที่อยากให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำทุกอย่างตามคำสั่ง แต่ในศตวรรษที่ 21 นี้ ทหารควรเป็นทหารที่คิดเป็น ไม่ใช่การถูกสั่งให้ไปทางไหนก็ไปเหมือนกับฝูงแกะ และการละเมิดสิทธิเช่นนี้กับทหารเกณฑ์นั้นเป็นเรื่องที่ผิด

"ผมคิดว่ามันไม่มีตรรกะและหลักการของมนุษย์ (ในการฝึกที่ละเมิดสิทธิฯ ของไทย) ผมคิดว่ามันเป็นผลมาจากการให้อำนาจกับคนที่ไม่ได้ถูกฝึกมาอย่างเพียงพอมากจนเกินไป พวกเขา (ครูฝึก) ก็เลยทำให้วุ่นวาย... พวกเขาทำตามจินตนาการอะไรก็ตามที่แล่นเข้ามาในหัว พวกเขาสร้างความบันเทิงโดยละเมิดสิทธิทหารใหม่ หลักการในกองทัพควรจะเป็นไปเพื่อการฝึกทหาร สิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหลักการนั้นเลย"

"พวกเขา (นายทหารที่สอบถาม) พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การทุบตี การดูหมิ่นและการล่วงละเมิดทางเพศเป็นวิธีการฝึกที่ผิด สำหรับเรา (แอมเนสตี้ฯ) รัฐบาลเรียกให้ประชาชนไปเป็นทหาร ในนาทีที่คนเหล่านั้นไปเป็นทหาร พวกเขาก็อยู่ภายใต้การคุ้มครองและรับผิดชอบของรัฐบาล ทหารไม่ได้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ ทหารไม่ได้สูญเสียสิทธิมนุษยชนไป" ยูวาลกล่าว

แอมเนสตี้ฯ ระบุว่า ระหว่างวิจัย แอมเนสตี้ฯ ได้รับจดหมายตอบจาก พล.อ.อ.เฉลิมชัย ศรีสายหยุด รองเสนาธิการทหาร ทำการแทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งระบุว่าในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย มีนโยบายในการบริหารจัดการกองทัพ “โดยดูแลทหารกองประจำการดุจญาติมิตรในครอบครัว”แต่ถ้อยแถลงเช่นนี้แทบไม่สอดคล้องกับข้อค้นพบในรายงานเลย ก่อนหน้านี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะต่อรายงานข่าวว่ามีการปฏิบัติมิชอบต่อทหารเกณฑ์ จนถึงขั้นเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ซึ่งทางการไม่ได้ดำเนินการเยียวยาแก้ไขอย่างเป็นผลแต่อย่างใด 

ในระยะสั้น แอมเนสตี้ฯ แนะนำอย่างยิ่งให้กองทัพใช้มาตรการป้องกันหลายประการ ทั้งการออกคำสั่งอย่างชัดเจนห้ามไม่ให้มีการปฏิบัติมิชอบใดๆ ตามที่ระบุไว้ในรายงานนี้ รับประกันว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะทำหน้าที่ตรวจสอบและกำกับดูแลครูฝึกอย่างสม่ำเสมอและกำหนดให้นายทหารออกตรวจในช่วงเวลากลางคืน 

เพื่อประกันให้เกิดการสอบสวนอย่างรอบคอบและโปร่งใส เพื่อสืบหาสาเหตุรากเหง้าของการปฏิบัติมิชอบที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางเช่นนี้ แอมเนสตี้ฯ กระตุ้นให้รัฐสภาจัดตั้งคณะกรรมการการตรวจสอบ เพื่อสอบสวนและรายงานข้อมูลของการปฏิบัติต่อทหารเกณฑ์ในกองทัพไทย รวมถึงเสนอให้มีมาตรการที่จำเป็นเพื่อยุติการปฏิบัติมิชอบใดๆ ต่อทหารเกณฑ์ และให้ยุติวัฒนธรรมที่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทหารเกณฑ์ภายในกองทัพไทย

ผู้ตรวจการกองทัพ: ตรวจสอบมุมมืดสิทธิทหาร โมเดลต่างชาติและเงื่อนไขของไทย

คณะกรรมการการตรวจสอบควรมีความเป็นอิสระ เป็นมืออาชีพ และได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณอย่างเพียงพอ มีอำนาจในการสอบถามข้อมูลจากบุคคลใดๆ  ที่จำเป็น รวมถึงทหารเกณฑ์และครูฝึกทั้งที่ปลดประจำการแล้วและที่ยังประจำการอยู่ และสามารถเรียกดูเอกสารที่เกี่ยวข้องได้

“ภายหลังเหตุกราดยิงที่เป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ที่โคราชเมื่อเดือนที่แล้ว พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกยอมรับว่า กองทัพบกจำเป็นต้องจัดให้มีกลไกรับข้อร้องทุกข์จากทหารระดับล่าง ดังนั้นเพื่อให้มีการปฏิบัติตามคำสัญญานี้ กองทัพไทยต้องจัดตั้งหน่วยงานซึ่งมีอำนาจหน้าที่ ได้รับการฝึกอบรม และได้รับการสนับสนุน เพื่อให้สามารถรับฟังข้อร้องเรียนของทหารและดำเนินการแก้ไขปัญหาได้

“ที่สำคัญ ทหารเกณฑ์และทหารอื่นๆ ต้องสามารถร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้อย่างปลอดภัยและเป็นความลับ ทางการต้องกระตุ้นให้เกิดวัฒนธรรมที่เคารพศักดิ์ศรีของทุกคน โดยไม่คำนึงถึงเรื่องลำดับอาวุโส ตำแหน่ง วิถีทางเพศ และอัตลักษณ์ทางเพศ”แคลร์กล่าว

ในปี 2561 ชายหนุ่ม 104,734 คนถูกขึ้นบัญชีเป็นทหารเกณฑ์ จากจำนวนผู้ที่ได้รับหมายเรียกในเบื้องต้น 356,978 คน ทหารเกณฑ์ส่วนใหญ่จะเข้าประจำการกับกองทัพบก โดยมีรอบการขึ้นประจำกองร้อยสองผลัดต่อปี ในช่วงเดือนพฤษภาคมและเดือนพฤศจิกายน แต่ในวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ทางการประกาศเลื่อนการเกณฑ์ทหารที่จะเริ่มขึ้นช่วงต้นเดือนเมษายนออกไปหลายสัปดาห์ เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net