Skip to main content
sharethis

ศาลยกฟ้อง ม.116 จำเลยสหพันธรัฐ ใส่เสื้อดำกิน KFC เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2561 ชี้การใส่เสื้อดำไม่ได้ทำให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน แต่ลงโทษฐานเป็นอั้งยี่จำคุก 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี ให้รอลงอาญา 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง และบำเพ็ญประโยชน์รวม 24 ชม.

26 มี.ค. 2563 เว็บไซต์ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลอาญา-ถนนรัชดา อ่านคำพิพากษาคดีสหพันธรัฐไท เหตุใส่เสื้อสีดำกินเคเอฟซี ที่เซ็นทรัล รามอินทรา ในวันที่ 5 ธ.ค. 2561 โดยพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด (สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5) เป็นโจทก์ฟ้องรานี (สงวนนามสกุล) เป็นจำเลยในข้อหายุยงปลุกปั่น และเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ 209 โดยในวันนี้ศาลได้พิพากษาจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท ฐานเป็นอั้งยี่ จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาลลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญามีกำหนด 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง โดยให้จำเลยบำเพ็ญประโยชน์ 24 ชม. ส่วนข้อหายุยงปลุกปั่น ให้ยกฟ้อง 

ด้านรานีเผยหลังฟังคำพิพากษาว่า ผลของคำพิพากษาวันนี้ถือว่าได้รับความเป็นธรรม เพราะการกระทำของตนเองก็ไม่ได้สร้างความปั่นป่วนใดๆ แต่จริงๆ แล้วตนเองไม่ควรถูกดำเนินคดีตั้งแต่แรก และหลังจากถูกดำเนินคดีทำให้ชีวิตได้รับผลกระทบหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน ซึ่งตนได้ตัดสินใจลาออกจากงานก่อนกำหนด เนื่องจากเครียด รวมถึงเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นระหว่างที่ถูกดำเนินคดี และความกังวลเรื่องความปลอดภัย

คำพิพากษาชี้ จำเลยให้การเป็นประโยชน์ และการใส่เสื้อดำไม่ได้ทำให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

ประเด็นแรก จำเลยกระทำความผิดตามมาตรา 209 ผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ศาลเห็นว่า จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลตัดสินได้ โดยไม่ต้องฟังพยานโจทก์ 

ประเด็นที่สอง จำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา มาตรา 116 กระทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินหรือไม่ 

ศาลเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยเป็นสมาชิกกลุ่มสหพันธรัฐไท ซึ่งเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 บทบัญญัติดังกล่าวต้องมีเจตนาพิเศษเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ศาลเห็นว่า การที่มีภาพถ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบัตรเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปอยู่ในรายการสหพันธรัฐไททางยูทูบ ไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำของจำเลย ซึ่งตามทางนำสืบโจทก์ก็สืบว่า ผู้ที่จัดทำรายการคือแกนนำไม่ใช่การกระทำของจำเลย และไม่ปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ชักชวน ส่วนการโพสต์ภาพถ่ายเจ้าหน้าที่ และบัตรเจ้าหน้าที่ ก็โพสต์เข้าไปในกลุ่มไลน์ ไม่ใช่ยูทูบ ส่วนการเป็นเพื่อนกับเอกชัย หรือประเวศ ในเฟซบุ๊กซึ่งเคยเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา มาตรา 112 จำเลยก็ไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิดและเป็นความผิดในคดีอื่น 

แม้ข้อเท็จจริงที่ พ.ต.ท.เสวก บุญจันทร์ เบิกความ เห็นว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่การกระทำอันเป็นการกระทำความผิดเดียวกัน เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการกระทำที่จะก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร ทั้งในการนำสืบของตำรวจที่อยูในที่เกิดเหตุก็พบจำเลยใส่เสื้อดำเท่านั้น การใส่เสื้อดำไม่ได้ทำให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน พยานหลักฐานโจทก์ยังสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย พิพากษายกฟ้องในข้อหาความผิดตามมาตรา 116 

จึงพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ลงโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาของศาล ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท พิเคราะห์แล้วจำเลยไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน ไม่น่าจะกระทำผิดอีก และกลับตัวเป็นคนดี เห็นควรให้รอการลงโทษจำคุก 2 ปี และให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง โดยให้จำเลยบำเพ็ญประโยชน์ 24 ชม. 

ทั้งนี้ จำเลยถูกขังที่กองบังคับการปราบปรามเป็นเวลา 2 วัน หลังถูกจับตามหมายจับ เมื่อจำเลยไม่ถูกลงโทษจำคุก จึงคิดเป็นเงินชดเชยที่ถูกขังวันละ 500 บาท เหลือที่จำเลยต้องชำระค่าปรับ 19,000 บาท

อ่านรายละเอียดคดีต่อได้ที่ : ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net