Skip to main content
sharethis

ก.คลัง เผยยอดลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาท ผ่านเว็บ 'เราไม่ทิ้งกัน.com' ทะลุ 10 ล้านคน เตรียมตรวจสอบสิทธิ์ใครเข้าเกณฑ์โอนเงินภายใน 7 วัน - เตือนมีเว็บไซต์ปลอมมากกว่า 44 เว็บไซต์

29 มี.ค. 2563 สำนักข่าวไทย รายงานว่านายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ที่ใช้ลงทะเบียนรับสิทธิ์เงินเยียวยาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนนั้น เกิดปัญหาเนื่องจากก่อนเปิดระบบมีประชาชนสนใจรอลงทะเบียนที่ www.เราไม่ทิ้งกัน.com กว่า 2 ล้านคน และในช่วง 5 นาทีแรกของการลงทะเบียนมีผู้เข้ามาลงทะเบียนมากถึง 20 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มากและเกินกว่าที่ระบบจะรองรับได้ที่ 3.48 ล้านคนต่อนาที 

ทั้งนี้ ทางธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบจำเป็นต้องปิดระบบการลงทะเบียนชั่วคราว และหลังจากนั้นไม่นานระบบการปฏิบัติงานได้เข้าสู่ภาวะปกติ และมีจำนวนผู้ที่สามารถลงทะเบียนผ่านเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้ (29 มี.ค.2563) เวลา 06.00 น. มีผู้ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 9.6 ล้านคน และยังเปิดให้ลงทะเบียนได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นระบบจะแจ้งผลการลงทะเบียนและสิทธิ์ตามมาตรการ ตอบกลับมายังผู้ลงทะเบียนผ่านทางข้อความ SMS เมื่อลงทะเบียนแล้ว ระบบพร้อมจ่ายเงินเยียวยาเข้าบัญชีเร็วสุดภายใน 7 วันทำการ โดยจะโอนเงินให้บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประจำตัวประชาชน ผ่านบัญชีธนาคารที่มีชื่อและนามสกุลเจ้าของบัญชีตรงกับชื่อและนามสกุลนำมาลงทะเบียน และขอเน้นย้ำว่าการขอรับสิทธิ์ตามมาตรการนี้ไม่ใช่วิธีมาก่อนได้ก่อน ประชาชนทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์จะได้รับการเยียวยาจากรัฐบาลครบทุกคน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนตื่นตัวและรักษาสิทธิ์ของตนเอง โดยทางกระทรวงการคลังขอน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น พร้อมจะนำปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปปรับปรุงแก้ไขกับระบบปฏิบัติการของกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำหรับนโยบายอื่นของกระทรวงเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนต่อไป

ขณะนี้มีผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบหรือกลุ่มมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสในช่วงวิกฤติเอารัดเอาเปรียบผู้ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 ผ่านวิธีการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการเปิดเว็บไซต์ปลอม ซึ่งมีมากกว่า 44 เว็บไซต์ และพยายามแสวงหาผลประโยชน์ผ่านโซเชียลมีเดียจากมาตรการนี้ โดยอ้างว่าจะรับลงทะเบียนให้เพื่อแลกเปลี่ยนกับความสะดวก รวมทั้งขอค่าตอบแทนบางส่วนจากเงินที่ได้รับจากมาตรการช่วยเหลือนี้ ดังนั้น พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อผู้ที่หาผลประโยชน์โดยไม่ถูกต้องเหล่านั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการนำข้อมูลส่วนตัวของท่านไปใช้ประโยชน์อื่นใดในทางที่ไม่ถูกต้อง และส่งผลให้ท่านได้รับความเสียหายทางการเงินตามมา 

ทั้งนี้ อยากเตือนไปยังกลุ่มผู้มีพฤติกรรมดังกล่าว ขอให้หยุดการกระทําทันที เนื่องจากขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด และพร้อมจะดําเนินการตามกฎหมายทันที ซึ่งการกระทําดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจําท้ังปรับ

ล่าสุด news.ch7.com รายงานเมื่อเวลา 13.00 น.ของวันนี้ (29 มี.ค. 2563) มีคนลงทะเบียนทะลุ 15.3 ล้านคนแล้ว

ธนาคารเปิดให้บริการตามปกติ แต่งดให้บริการเปิดบัญชีใหม่ และบริการผูกพร้อมเพย์ที่สาขา ระหว่างวันที่ 30-31 มี.ค. 2563

นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ขอแจ้งว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) ธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ รวมถึงธนาคารออมสินที่ได้ประกาศปิดทำการไปก่อนหน้านี้ พร้อมเปิดให้บริการตามปกติ แต่งดให้บริการเปิดบัญชีใหม่ และบริการผูกพร้อมเพย์ที่สาขา ระหว่างวันที่ 30-31 มี.ค. 2563 แต่สามารถดำเนินการผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และออนไลน์  เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่ขอความร่วมมือให้ยกเว้นกิจกรรมที่จะก่อให้เกิดการเดินทางหรือเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกัน เพื่อไม่ให้การแพร่ระบาดขยายไปในวงกว้างและเป็นการรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม

ทั้งนี้ ทุกธนาคารยังคงให้ความสำคัญต่อสวัสดิภาพและความปลอดภัยของลูกค้า พนักงาน และสาธารณชน และขอแนะนำให้ลูกค้าเลือกเปิดบัญชี ผูกพร้อมเพย์ และทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์และออนไลน์ของธนาคารต่าง ๆ เป็นลำดับแรก ซึ่งปัจจุบันยังคงให้บริการได้ตามปกติ เช่น เครื่องบริการถอนเงิน-ฝากเงินอัตโนมัติ (ATM/CDM) โมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) และอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง (Internet Banking) เป็นต้น ทั้งนี้ การผูกพร้อมเพย์สามารถทำได้ด้วยตนเองที่เครื่อง ATM และทาง Online โดยไม่ต้องเข้ามาที่สาขาเช่นกัน

สำหรับลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ตามมาตรการเยียวยา 5,000 บาท (3 เดือน) ของรัฐบาลนั้น ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่ธนาคาร สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้บัญชีเงินฝากของธนาคารใดก็ได้ที่มีอยู่แล้ว เพียงชื่อ-นามสกุลเจ้าของบัญชี ต้องตรงกับผู้ที่ลงทะเบียน หรือเลือกให้โอนเงินเข้าบัญชีที่ผูกพร้อมเพย์กับหมายเลขประจำตัวประชาชนได้เช่นกัน

ธปท. สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ ต้องขออภัยในความไม่สะดวก ทั้งเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือร่วมใจของลูกค้าและคนไทยทั้งประเทศจะสามารถก้าวข้ามสถานการณ์แห่งความยากลำบากในครั้งนี้ด้วยกันได้ในที่สุด กรณีต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ Call Center สถาบันการเงินทุกแห่ง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net