สื่อนอกตีปมโควิด-19 ระบาดจากสนามมวยลุมพินี สะท้อนธุรกรรมอำพรางกองทัพ

สื่อนิคเคอิเอเซียนรีวิวรายงานเกี่ยวกับกรณีโควิด-19 ระบาดจากสนามมวยลุมพินีซึ่งกลายเป็นการเปิดโฉมหน้าให้เห็นถึงทั้งความไม่โปร่งใสของรัฐบาลอำนาจนิยมไทยและวัฒนธรรมการลอยนวลพ้นผิดของกองทัพไทยที่ทำให้สนามมวยแห่งนี้กลายเป็นแหล่ง "หมุนเงิน" ในแบบที่ประชาชนไม่สามารถตรวจสอบได้มาหลายสิบปี

(ที่มาภาพ: Facebook/ ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก Army PR Center, ภาพเผยแพร่วันที่ 1 เม.ย. 63)

2 เม.ย. 2563 สื่อ นิคเคอิเอเซียนรีวิว  ระบุถึงเรื่องที่ทางการไทยระบุจำนวนตัวเลขผู้ป่วยจากโควิด-19 โดยมีผู้ป่วยมากกว่า 50 รายจากทั้งหมด 1,300 กว่ารายเป็นกลุ่มผู้ติดเชื้อจากการอยู่ในสถานที่รวมกันของคนหมู่มากอย่างสนามมวยลุมพินี และเป็นไปได้ว่าอาจจะมีอีกประมาณ 130 รายที่ติดเชื้อจากงานที่จัดขึ้นที่นั่น

งานดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่ผ่านมา ฝืนขอเรียกร้องของหน่วยงานการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ซึ่งขอร้องให้ยกเลิกการแข่งมวยเพื่อลดการกระจายของโควิด-19 สื่อไทยระบุว่ามีจำนวนผู้เข้าชมในวันนั้นราว 5,000 คน ซึ่งเดินทางมาจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย

ทางกองทัพไทยเปิดเผยว่าการจัดงานชกมวยในครั้งนั้น ส่วนหนึ่งเพราะต้องการระดมทุนให้กับชั้นเรียนนายร้อยที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ จบมา ผู้เข้าชมการชกมวยมีทั้งคนดังทางการเมือง ชนชั้นนำที่เป็นดารา รวมถึงนายทหารระดับสูงและกลุ่มผู้บริหารธุรกิจที่ทำการค้าขายกับกองทัพ ทั้งนี้ยังมีเรื่องความกังวลที่กลุ่มผู้นำระดับสูงในรัฐบาลบางคนเป็นหนึ่งในผู้ที่ติดโควิด-19 จากกลุ่มเข้าไปในสนามมวยในวันที่ 6 มี.ค. ด้วย

บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสนามมวยลุมพินีที่ถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 คือ พล.ต. ราชิต อรุณรังษี ผู้ที่ในตอนนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมสวัสดิการทหารบกและเป็นผู้ดำเนินการสนามมวยลุมพินี อีกคนหนึ่งคือดาราอย่าง แมทธิว ดีน ผู้เข้าร่วมในงานด้วย นอกจากนั้นยังมีกลุ่มคนที่เป็นพันธมิตรทางการเมืองกับรัฐบาลทหารก็ได้รับการตรวจพบว่ามีเชื้อโควิด-19 เช่นกัน

นิคเคอิเอเซียนรีวิว ระบุว่าเรื่องนี้เน้นย้ำให้เห็นถึงการที่กองทัพไทยมีเครือข่ายความสัมพันธ์ทางธุรกิจโยงใยกับส่วนอื่นๆ แบบที่เคยถูกเปิดโปงครั้งใหญ่มาแล้วในช่วงเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ศ.สุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในไทยเปิดเผยว่ากองทัพไทยมีส่วนพัวพันกับธุรกิจ 15 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์ สถานีวิทยุมากถึง 126 แห่ง ปั้มน้ำมัน 100 แห่ง สนามกอล์ฟมากกว่า 30 แห่ง รวมถึงเป็นผู้บริหารโดยตรงของสนามม้า สนามยิงปืน ร้านอาหาร การก่อสร้างถนน ร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด และสนามมวย

เปิด 6 ขุมทรัพย์กองทัพ (และนายพล) หาเงินจากไหน ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน

สื่อต่างประเทศยังรายงานถึงเรื่องการกราดยิงครั้งเลวร้ายที่สุดในไทยซึ่งเกิดขึ้นที่นครราชสีมาเมื่อเดือน ก.พ. 63 ซึ่งมีมูลเหตุมาจากความไม่พอใจเรื่องการซื้อขายที่ดินซึ่งเป็นธุรกิจแฝงที่ทหารระดับสูงทำกับทหารระดับชั้นล่างกว่า การเปิดเผยในเรื่องนี้ทำให้รัฐบาลประยุทธ์อยู่ในภาวะอิหลักอิเหลื่อ พวกเขาพยายามควบคุมความเสียหายต่อภาพลักษณ์และพยายามดำรงสถานะ "ความเป็นองค์กรศักดิ์สิทธิ" ของกองทัพด้วยการให้สัญญาว่าจะมีการปฏิรูปถ่ายโอนให้ธุรกิจเอกชนที่กองทัพมีส่วนในการบริหารไปให้กับกระทรวงการคลังบริหารแทนภายในเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้

นายทหารระดับสูงที่เกษียณอายุแล้วกล่าวให้สัมภาษณ์ต่อนิคเคอิเอเซียนรีวิว ตั้งข้อสงสัยว่ากองทัพจะสามารถกู้หน้าด้วยวิธีการนี้ได้จริงหรือไม่ จากการที่ธุรกิจใหญ่เหล่านี้ฝังรากอยู่กับความเป็นอภิสิทธิชนและรายได้ที่กองทัพได้รับเหล่านี้ก็หล่อเลี้ยงวัฒนธรรมอำนาจจากบนลงล่างของกองทัพ คนในระดับสูงของกองทัพจะยอมสูญเสียแหล่งรายได้หลายล้านบาทที่ถูกนำมาใช้แม้ไปถึงกระทั่งค่างานศพของตัวเองเหล่านี้ได้ง่ายๆ จริงหรือ

พรรคการเมืองฝ่ายค้านของไทยยังได้เคยเปิดโปงเรื่องเงินนอกงบประมาณที่อธิบายที่มาไม่ได้ราว 19,000 ล้านบาทมาตั้งแต่ราวปลายปี 2562 เมื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคยเรียกร้องให้มีความโปร่งใสโดยตั้งคำถามว่าเงินนอกงบประมาณเหล่านี้มาจากไหนและจะถูกนำไปใช้ทำอะไรบ้าง โดยที่เงินจำนวนนี้เป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณกระทรวงกลาโหม 233,300 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 7 ของงบประมาณแห่งชาติประจำปี 2563 ของไทย ซึ่ง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ออกมาตอบในเรื่องนี้ว่าเป็นเงินสวัสดิการกองทัพ

การระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ส่งผลต่อรากฐานทางธุรกิจที่ได้รับการคุ้มครองจากกองทัพ ทั้งนี้ยังมีแหล่งข่าวทางการทหารระบุว่าความพยายาม "ปฏิรูป" ธุรกิจกองทัพนั้นเป็น "แค่การแสดง" เท่านั้นและจะทำไม่ได้จริงๆ ภาพลักษณ์ของกองทัพจะเสื่อมเสียเพราะธุรกิจมืดเหล่านี้ทำตัวเหมือนเป็นพวกที่แตะต้องไม่ได้

เรียบเรียงจาก

Coronavirus exposes Thai military's off-the-books enterprises, Nikkei Asian Review, Mar. 31, 2020

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท