Skip to main content
sharethis

ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลง เคอร์ฟิววันแรก มียานพาหนะผ่านจุดตรวจทั้งสิ้น 7,598 คัน จำนวนคน 10,610 คน พบผู้กระทำความผิด 177 คน ว่ากล่าวตักเตือน 94 คน ดำเนินคดี 42 คดี กำลังตำรวจใช้ทั้งสิ้น 21,649 นาย กำลังพลเรือนอาสาสมัครและทหาร 3 หมื่นนาย

เมื่อคืนวันที่ 3 เม.ย. 2563 ฝ่ายปกครองจังหวัดนครศรีธรรมราช รวบสามหนุ่มฝ่าฝืนเคอร์ฟิว พร้อมน้ำต้มพืชกระท่อม ส่งดำเนินคดี 2 ข้อหา | ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

4 เม.ย. 2563 พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) แถลงข่าวศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ว่าตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาชี้แจงผลการปฏิบัติงานด้านเคอร์ฟิว เมื่อวานนี้ (3 เม.ย.) เวลาประมาณ 21.00 น. ผบ.สส. และ ผบ.ตร. ได้ไปปล่อยแถวเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับตำรวจ ทหาร พลเรือน ในการทำงานที่วงเวียนโอเดี้ยน ในส่วนของกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 สังกัดตำรวจนครบาล และตรวจเยี่ยมจุดตรวจจุดสกัดต่างๆ จากการปฏิบัติ เราจะพยายามพิจารณาใช้ดุลยพินิจผ่อนผันสำหรับผู้มีเหตุจำเป็นต่างๆ ตามประกาศ ข้อกำหนด

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของภาพรวมการทำงานเมื่อคืนทั่วประเทศ มียานพาหนะผ่านจุดตรวจทั้งสิ้น 7,598 คัน จำนวนคน 10,610 คน ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค การเกษตร การเข้าเวรทำงาน แพทย์ โรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่สามารถหยุดได้ในเวลากลางคืน โดยพบการฝ่าฝืนหรือไม่มีเหตุผลในช่วงประกาศห้าม มียานพาหนะจำนวนทั้งสิ้น 144 คัน จำนวนคน 177 คน รวมกลุ่มชุมนุมหรือมั่วสุมเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อในเคหสถาน เป็นยานพาหนะ 3 คัน จำนวนคน 8 คน ผลการดำเนินการมีการตักเตือน 94 คน และดำเนินคดี 42 คน การดำเนินคดีเน้นกลุ่มมั่วสุมเพื่อแข่งรถ ไม่มีเหตุผลเพียงพอ เช่น ไปงานเลี้ยง ขัดต่อประกาศเคอร์ฟิว บางคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและเมาสุราด้วย ส่วนกำลังตำรวจใช้ทั้งสิ้น 21,649 นาย กำลังพลเรือนอาสาสมัคร ทหาร 3 หมื่นนาย

ถามถึงกรณีมีกลุ่มคนไม่ยอมกักตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานมีอำนาจควบคุมตัวดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่าหลังจากเหตุการณ์ที่สุวรรณภูมิ ผบ.สส. และ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ตนไปร่วมอำนวยการกับทางผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ร่วมกับคณะศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หลังจากนั้นมี 1 ไฟล์ทที่กลับมารวมกัน ระหว่างต่อเครื่องบินมาจากอเมริกา, เกาหลี รวม 214 คน เราก็ได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้โดยสารชุดสุดท้ายเมื่อคืนเป็นที่เข้าใจเรียบร้อย ได้นำผู้โดยสารจำนวนดังกล่าวไปยังสถานกักกันของทางรัฐที่ อ.สัตหีบ เรียบร้อย เสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 01.00 น. ได้รับความร่วมมืออย่างดี

ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวเตือนผู้ฝ่าฝืนการกักตัวว่า อยากฝากกรณีที่ท่านไม่ยินยอมกักกันของทางรัฐ อาจเข้าข่ายความผิดฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการควบคุมโรค เรื่องนี้ทาง ตร. ได้รับคำสั่งให้ไปร่วมติดตามตัวผู้ที่ยังฝ่าฝืนอยู่ ทราบว่าขณะนี้มีการมารายงานตัวแล้ว 6 คน เหลืออีก 152 คน เราก็จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นเพื่อเข้าไปติดตามตัวมา เรารู้ชื่อที่อยู่หมดแล้ว ถ้าประสงค์จะรายงานตัว ในส่วนของต่างจังหวัดขอให้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางทุกจังหวัด ส่วนกรุงเทพฯ เตรียมที่รองรับไว้แล้ว ขอให้ติดต่อมาที่ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน จะมีเจ้าหน้าที่รองรับเพื่อไปกักกันในโรงแรมแห่งหนึ่ง

เมื่อถามกรณีประชาชนต้องการเดินทางข้ามจังหวัดในเวลากลางวัน แต่บางจังหวัดปิดพื้นที่การเข้าออก ประชาชนควรสอบถามไปที่หน่วยงานไหนว่าสามารถเดินทางเข้าออกได้หรือไม่ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า การจะไปที่ไหนควรมีการศึกษาระเบียบของพื้นที่ ทาง ตร. มีผู้ตอบข้อสงสัยได้ที่เบอร์ 1599 ให้ข้อแนะนำข้อกำหนดต่างๆ และต่อไปเราก็จะชี้แจงทำความเข้าใจกับศูนย์ 191 ทุกจังหวัด เพื่อรองรับเวลาประชาชนโทรมาสอบถาม กรณีไหนที่จะผ่อนผันหรือไม่ผ่อนผัน อะไรเป็นข้อห้าม ข้อแนะนำ

ที่มาเรียบเรียงจาก ไทยโพสต์ | โพสต์ทูเดย์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net