Skip to main content
sharethis

8 เม.ย. 2563  'เชียงใหม่' ติดเชื้อเพิ่ม 1 คน สะสม 39 คน พร้อมเปิดตัว 14 DAYS Application | 'ลำปาง' ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายที่ 4 เป็นลูกชายของผู้ป่วยรายที่ 1 เคยตรวจไม่พบเชื้อ แต่ตรวจอีกรอบพบเมื่อวันที่ 7 เม.ย.| 'เชียงราย' ผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 3 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียง 6 ราย


'ลำปาง' ยืนยันพบผู้ติดเชื้อรายที่ 4 เป็นลูกชายของผู้ป่วยรายที่ 1 เคยตรวจไม่พบเชื้อ แต่ตรวจอีกรอบพบเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่มาภาพ: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์

8 เม.ย. 2563 ศูนย์ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจ จังหวัดเชียงใหม่ (ศ.ข.ฉ.ก.) ได้แถลงข่าวสถานการณ์เชื้อไวรัส COVID-19 ในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ ประจำวันที่ 8 เม.ย. 2563 เพื่อแจ้งข้อมูลความคืบหน้าของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่โดยไลฟ์สดผ่านเพจข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจจังหวัดเชียงใหม่

นายแพทย์กิตติพันธุ์ ฉลอม แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันด้านระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดเชียงใหม่ว่าวันนี้ (8 เม.ย. 2563) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม 1 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อสะสมในพื้นที่ 40 ราย รักษาอาการหายกลับบ้านแล้ว 7 ราย ยังอยู่ในโรงพยาบาล 33 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย นอกจากนี้จังหวัดเชียงใหม่มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค 867 ราย กลับบ้านแล้ว 768 ราย ยังคงอยู่ในโรงพยาบาล 99 ราย ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการตรวจอย่างต่อเนื่อง และส่วนมากมีผลเป็นลบ ด้านการเฝ้าระวังผู้ที่เดินมาจากพื้นที่เสี่ยง จะมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่คอยติดตามให้ผู้ที่เดินทางกักตัว 14 วัน

สำหรับผู้ป่วยรายล่าสุด เป็นภรรยาของผู้ป่วยยืนยันชาวดัชท์ อายุ 36 ปี เริ่มมีอาการเมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) และได้เข้ารับการตรวจ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยกักตัวเพื่อตรวจอยู่แล้ว เพราะสัมผัสใกล้ชิดกับสามีที่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ คอยดูแลสามีตลอดตั้งแต่เดินทางมาถึง สำหรับผู้เสี่ยงสูงคือ หลานสาว แต่ผลการตรวจไม่พบการติดเชื้อ แต่ยังต้องกักตัวอยู่ที่บ้านเพื่อสังเกตอาการ ส่วนผู้สัมผัสรายอื่นที่เป็นผู้อาศัยร่วมบ้าน และคนที่มาเยี่ยม รวม 8 คน แม้ว่าจะตรวจเบื้องต้นแล้วไม่พบอาการ แต่ก็ให้กักตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน

พร้อมกันนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้เปิดตัวแอพพลิเคขั่น '14 DAYS' ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่จะให้ประชาชนประเมินตนเองได้ หากได้เดินทางไปในสถานที่ต่างๆ และเกิดสงสัยว่าจะเสี่ยง หรือเดินทางไปในพื้นที่ที่เคยพบเจอผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ โดยแอพพลิเคชั่นนี้พัฒนาโดยกลุ่มคลัสเตอร์ดิจิตอลเชียงใหม่ ที่เป็นกลุ่มนักดิจิตอลมาร่วมกันพัฒนาขึ้น เบื้องต้นระบบสามารถใช้กับระบบแอนดรอยด์ ส่วนระบบ iOS ยังอยู่ในช่วงการพัฒนาเพิ่มเติม ซึ่งภายหลังจากที่มีการติดตั้งระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตัวระบบจะบังคับให้เปิด GPS และแอพพลิเคชั่นจะเก็บข้อมูลเส้นทางที่เดินทางไป โดยข้อมูลจะถูกเก็บข้อมูลไว้ในเครื่องของผู้ใช้เท่านั้น ซึ่งผู้ใช้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าตนเองมีความเสี่ยงติดเชื้อหรือไม่ หากเส้นทางที่เดินทางไปไม่ทับซ้อนกับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยติดเชื้อ ระบบจะแจ้งว่าท่านปลอดภัย แต่หากอยู่ในไทม์ไลน์ของผู้ป่วยติดเชื้อ ระบบจะแจ้งว่าท่านมีความเสี่ยง และให้ประเมินอาการตนเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างเพื่อนำมาตรวจหาเชื้อ และกักตัวไว้ก่อน 14 วัน จนกว่าผลตรวจจะออกมา

'ลำปาง' พบผู้ติดเชื้อรายที่ 4 เป็นลูกชายของผู้ป่วยรายที่ 1

ช่วงบ่ายวันที่ 8 เม.ย. 2563 ที่บ้านดง หมู่ 7 ต.หลวงใต้ อ.งาว จ.ลำปาง นายณรงค์ศักด์ โอสธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดลำปาง ได้แถลงถึงกรณีพบผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในพื้นที่ จ.ลำปาง เพิ่มจำนวน 1 ราย เป็นรายที่ 4

โดยผู้ป่วยยืนยันรายที่ 4 เป็นลูกชายของผู้ป่วยรายที่ 1 อายุ 39 ปี อยู่ในกลุ่มที่สัมผัสผู้ติดเชื้อในครอบครัว ซึ่งผู้ติดเชื้อรายที่ 4 ประกอบอาชีพเปิดร้านขายของชำ เป็นคนขายของหลักในร้าน โดยมีประวัติได้รับการปลูกถ่ายไต เริ่มมีอาการไข้ ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ มาตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค. แต่ไม่ได้ไปการรักษา ต่อมาเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2563 ได้มารับการรักษาที่ โรงพยาบาลงาว จ.ลำปาง ด้วยอาการไข้ ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ และเข้ารับการตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อในวันที่ 3 เม.ย. 2563 พร้อมมารดาแต่ผลเป็นลบ ต่อมาได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลงาว แผนกผู้ป่วยใน และเนื่องจากผู้ป่วยยังมีไข้ จึงได้รับการส่งตรวจเพื่อยืนยันการติดเชื้อ ซึ่งผลการตรวจ ยืนยันว่าผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 ในวันที่ 7 เม.ย. 2563 

นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ยังได้กล่าวอีกว่าขณะนี้ในพื้นที่ บ้านดง ได้มีการนำเครื่องอุปโภค บริโภค โดยได้รับการสนับสนุนมาจากหลายภาคส่วน ทั้งรัฐและเอกชน นำมาแจกจ่ายให้กับผู้อาศัยในชุมชน โดยยืนยันว่า มีเพียงพอ และเหลือเอื้อเฟื้อไปยังประชาชนที่อยู่ชุมชนใกล้เคียง ที่ได้รับผลกระทบจากการปิดทางเข้าออก พร้อมย้ำในช่วงสงกรานต์ที่ใกล้จะถึง ขอให้ประชาชนทุก ยังคงปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างเคร่งครัด และอย่าเพิ่มความเสี่ยงการรับเชื้อต่อตนเอง และแพร่เชื้อต่อผู้อื่น

อย่างไรก็ตามทางจังหวัดลำปาง ยังคงดำเนินการ ตรวจสอบกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยง และติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยมีภาคีเครือข่าย ผู้นำชุมชน ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครสาธารณสุข โรงพยาบาล และสำนักงานสาธารณสุขอำเภองาว ในการออกติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยทุกวัน ร่วมกับค้นหาผู้ที่มีอาการป่วย เพิ่มเติมในชุมชนอีกด้วย

'ลำพูน' ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม ยังคงมีผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4 ราย

ที่ศาลากลางจังหวัดลำพูน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย นายสุริยพงณช์ สุริยะพงฑากุล นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูน, นายแพทย์โภคิน ศักรินทร์กุล นายแพทย์ชำนาญการพิเศษโรงพยาบาลลำพูน และ นายทองสุข ขัตินนท์ นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ ผู้แทนสำนักงานประกันสังคมจังหวัดลำพูน แถลงข่าวจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) จังหวัดลำพูนต่อสื่อมวลชน ซึ่งขณะนี้ยังคงพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน กล่าวว่าสรุปข้อมูลสถานการณ์โควิด 19 จังหวัดลำพูน ประจำวันที่ 8 เม.ย. 2563 ไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม มีผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 4 ราย มีผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศสะสม 505 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศเขตโรคติดต่ออันตราย 4 ประเทศ ได้แก่ จีน (รวมฮ่องกง และมาเก๊า) จำนวน 48 ราย อยู่ในระยะเฝ้าระวัง 6 ราย เกาหลีใต้ 37 ราย อยู่ในระยะเฝ้าระวัง 3 ราย อิตาลี 3 ราย พ้นกำหนดระยะเฝ้าระวังแล้วทั้ง 3 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศพื้นที่มีการระบาดต่อเนื่องและควรหลีกเหลี่ยงการเดินทาง (29 ประเทศ) จำนวน 268 ราย อยู่ในระยะเฝ้าระวัง 34 ราย ประเทศอื่นๆ ที่มีการรายงานการเกิดโรค 149 ราย อยู่ในระยะเฝ้าระวัง 9 ราย ผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑลจำนวนสะสม 1,202  คน ยังอยู่ในระยะเฝ้าระวังแล้ว 672 ราย

ทั้งนี้มีผู้เข้าเกณฑ์ฝ้าระวัง (PUI) สะสม 128 ราย ไม่พบเชื้อ 122 ราย พบผู้ป่วยยืนยัยติดเชื้อสะสม 4 ราย ทั้ง 4 รายอยู่ในการกำกับดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาล ซึ่งยังไม่ได้กลับบ้าน อาการทั่วไปปกติดียังอยู่ในการดูแลของแพทย์ รอผลตรวจ 2 ราย ในส่วนกรณีของการรอผลตรวจอีก 2 รายนั้นอยู่ในการกำกับดูแลของแพทย์ในโรงพยาบาล และเป็นผู้เข้าเกณฑ์ต้องสงสัยเฝ้าระวังตามกระบวนการทางการแพทย์ความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

'เชียงราย' ผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 3 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลเพียง 6 ราย

8 เม.ย. 2563 ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข หรือ EOC สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้รายงานให้ทราบว่าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2563 มีผู้ป่วยติดเชื้อโรคไวรัสโควิด 19 จากยอดสะสมรวม 9 ราย ของจังหวัดเชียงราย ล่าสุดมีผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เพียง 6 ราย และกลับบ้านแล้ว 3 ราย ซึ่งยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ และไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2563 ที่ต้องกักตัวเองมีเจ้าหน้าที่ติดตามดูแลอาการและเฝ้าระวังในพื้นที่รวม 26 คน จากกลุ่มที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเชีย 4 คน ประเทศกัมพูชา 22 คน นอกจากนี้ผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศที่ต้องกักตัวเองในบ้านรวมยอดสะสม 156 คนจากประเทศเกาหลีใต้ 15 คน และจากประเทศอื่น ๆ 141 คน และผู้ที่เดินทางจากกรุงเทพฯ และจังหวัดปริมณฑล 5 จังหวัดที่ต้องกักตัวและเจ้าหน้าที่ติดตามอาการเฝ้าระวัง รวมจำนวน 3,534 คน มีการ ติดตามครบ14 วันแล้ว 2,024 คน

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงราย ออกประกาศกำหนดระงับการเดินทางชั่วคราว ห้ามรถโดยสารสาธารณะทุกหมวด ทุกประเภทการขนส่ง ที่บรรทุกผู้โดยสารต่างด้าวเดินทางเข้า-ออก จังหวัดเชียงราย และห้ามรถตู้โดยสารส่วนบุคคลหรือรถยนต์ส่วนบุคคลที่บรรทุกผู้โดยสารต่างด้าวทุกกรณี เดินทางเข้า-ออก จังหวัดเชียงราย ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม มีความผิดได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้ปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ ปีพ.ศ. 2558 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2563 จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2563 และจังหวัดเชียงรายแจ้งให้ระงับการใช้เส้นทางสายรองเชื่อมต่อไปจังหวัดเชียงใหม่ และไปจังหวัดพะเยา ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. 2563 นี้เป็นต้นไป เพื่อควบคุมป้องกันแพร่เชื้อโรคโควิด 19 ซึ่งเป็นเส้นทางสายรองทั้ง 7 เส้นทาง ส่วนการเดินทางสายหลักมาจากจังหวัดพะเยา และจังหวัดเชียงใหม่  ยังคงเปิดให้มีการเดินทางตามปกติ แต่กำหนดมาตรการผ่านด่านคัดกรองจะต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องมามาตรการของจังหวัดเชียงรายอย่างเคร่งครัด โดยผ่านด่านคัดกรองในเส้นทางหลัก สายพหลโยธิน ทั้ง สายอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย – อำเภอเชียงคำจังหวัดพะเยา และ สายอำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย -​ อำเภอฝางจังหวัดเชียงใหม่  ส่วนเส้นทางสายรองอื่นๆ ระงับชั่วคราวจึงแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน

ที่มาเรียบเรียงจาก ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจของจังหวัดเชียงใหม่ | สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ [1] [2] [3] [4]



 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net