Skip to main content
sharethis

11 เม.ย. 2563 ศบค. แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ 45 คน รวมผู้ติดเชื้อสะสม 2,518 คน เสียชีวิตเพิ่ม 2 คน รวมผู้เสียชีวิตสะสม 35 คน และรักษาหายสะสม 1,135 คน ยืนยันไม่ปกปิดตัวเลข และขอประชาชนงดสังสรรค์ช่วงสงกรานต์

11 เม.ย. 2563 Thai PBS รายงานว่า นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า ไทยพบผู้ป่วย COVID-19 เพิ่ม 45 คน ป่วยสะสม 2,518 คน เสียชีวิตเพิ่ม คน 2 รวม 35 คน หายดีแล้ว 1,135 คน รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 1,135 คน โดยผู้ป่วยใหม่เชื่อมโยงกับคนที่เดินทางเข้ามาในไทยและเข้ากักตัวในสถานที่ที่รัฐกำหนด วันนี้กลุ่มดังกล่าวป่วยเพิ่ม 9 คน แบ่งเป็น จ.สงขลา 8 คน และกรุงเทพฯ 1 คน

ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่ม 2 คน เป็นชายไทยอายุ 46 ปี ทำงานในโรงรับจำนำ มีโรคอ้วนและประวัติอาศัยกับแม่และน้องสาวที่เป็นผู้ป่วยก่อนหน้านี้ โดยเข้ารักษาอาการไข้สูงและไอเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 9 เม.ย. แพทย์ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ขณะที่ผู้เสียชีวิตคนที่ 2 เป็นชายไทยอายุ 65 ปี อาชีพทำความสะอาด โดยวันที่ 19 มี.ค.เดินทางกลับ จ.พะเยา จากนั้นเข้ารักษาวันที่ 24 มี.ค. ต่อมาวันที่ 28 มี.ค. อาการหนัก แพทย์ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ จากนั้นผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวและเสียชีวิต 10 เม.ย.

ยืนยันไม่ปิดตัวเลขป่วย COVID-19

โฆษก ศบค. ยืนยันว่า ไม่ได้ปกปิดตัวเลขผู้ป่วย COVID-19 หรือนำตัวเลขป่วยไปรวมกับกลุ่มป่วยไข้หวัดใหญ่ ส่วนสาเหตุที่ปีนี้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ลดลง เนื่องจากประชาชนจำนวนมาก สวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า ช่วยป้องกันโรคดังกล่าวด้วย

ขณะที่กรมควบคุมโรค จัดทำข้อมูลวันที่ 4-10 เม.ย.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย COVID-19 จำนวน 495 คน แบ่งเป็นสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน 144 คน หรือร้อยละ 29 โดยพบจากติดเชื้อคนในครอบครัว 81 คน โดยเฉพาะสามีภรรยา รองลงมาเป็นสถานที่ทำงาน 33 คน หรือร้อยละ 23 และการรวมกลุ่ม พบปะเพื่อน 26 คน หรือร้อยละ18 และอื่น ๆ ร้อยละ 3 ซึ่งช่วงสงกรานต์นี้ขอให้งดสังสรรค์ เพราะมีโอกาสติดเชื้อ ย้ำว่าไม่อยากให้ป่วย ถึงแม้อายุน้อยก็มีโอกาสเสียชีวิต

“สงกรานต์ขอให้งดเล่นสาดน้ำ จัดกิจกรรม หรือสังสรรค์ ขอให้ทุกคนร่วมมือกันด้วย เพราะวัฒนธรรมไม่ว่าชาติศาสนาใดก็มีความสำคัญ แต่สุขภาพต้องมาก่อน ถึงจะสืบสานวัฒนธรรมต่อไปได้”

ผู้ป่วยวิกฤตคนแรกกลับบ้าน หลังสู้ COVID-19 นานเกือบ 1 เดือน

ศ.นพ.สมนึก สังฆานุภาพ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟสบุ๊คระบุว่า เช้าวันนี้เรามาส่งผู้ป่วยวิกฤติรายแรกที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจกลับบ้าน หลังจากที่พวกเรา อาจารย์แพทย์ แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่หน้าด่านทุกสาขาได้ต่อสู้กับ COVID-19 มาเป็นเวลา 4 สัปดาห์

ผู้ป่วยรายแรกของเราที่เป็นผู้ป่วยวิกฤตที่ต้องเข้าไอซียู ใส่ท่อช่วยหายใจ และใช้เครื่องช่วยหายใจมาเป็นเวลาเกือบเดือน โดยสู้จนสุดกำลัง โดยเฉพาะทีมแพทย์และพยาบาลไอซียู ผู้ป่วยอาการดีขึ้นเรื่อยเรื่อยจนสามารถย้ายออกจากไอซียูมาที่หอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต และตรวจไม่พบเชื้อซ้ำกัน 2 ครั้ง อาการดีขึ้นจนสามารถกลับบ้านได้

“นี่คือผลงานที่เราไม่เคยคิดว่าจะสามารถทำได้เมื่อเดือนที่แล้ว กับโรคที่เราไม่รู้จักมาก่อนพวกเราทุกคนจึงอยากแบ่งปันความรู้สึกดีดีนี้ให้กับ โรงพยาบาลทุกแห่งในประเทศไทยเป็นกำลังใจที่จะต่อสู้กับโรคนี้ต่อไป”
ในขณะเดียวกัน ผู้ป่วยอีกหลายรายที่อยู่ในขั้นวิกฤตในไอซียูของเรายังมีอาการหนักและต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดทุกๆ คนก็ยังคงต้องใช้พลังที่มีอยู่ทั้งหมดในการรักษาผู้ป่วยเหล่านี้ต่อไป แต่สิ่งดีดีที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับพวกเราเองทุกคนเช่นกัน

คาดนักเรียน AFS กลับด้วยเครื่องบินสหรัฐฯ หลัง 16 เม.ย.

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความคืบหน้าการรับนักเรียนแลกเปลี่ยน ในโครงการ AFS จากสหรัฐฯ กลับไทยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกัน ซึ่งคาดว่านักเรียนส่วนใหญ่ที่มีความพร้อมจะสามารถพากลับมาได้ทันที

ส่วนจะเป็นวันไหนนั้นยังไม่ทราบ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลยกเลิกแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะได้หารือกันเรียบร้อยและได้ข้อยุติแล้วว่า สามารถให้นักเรียน AFS มาพร้อมกับเครื่องบินสหรัฐฯ ที่จะมารับกำลังพลที่ฝึกหนุมานการ์เดี้ยน 2020 เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งนักเรียนที่มีความพร้อม จะสามารถเดินทางกลับมาพร้อมเครื่องบินของสหรัฐฯ ได้

“ทางกองทัพและรัฐบาลมีแผนที่จะรับนักเรียน AFS กลับหลังวันที่ 16 เม.ย.2563 นี้ ทันทีที่น่านฟ้าไทยเปิดแล้ว ก็สามารถเดินทางกลับได้ ทั้งนี้ตามกระบวนการทั้งหมด ต้องรอการดำเนินการ และการยืนยันจากกระทรวงการต่างประเทศด้วย”

นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากกองทัพต่างๆ ชะลอโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้กระทรวงต่างๆ ปรับลดงบประมาณร้อยละ 10 เพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤติ COVID-19 รวมทั้งกองทัพอากาศที่แจ้งยกเลิกการประกาศเชิญชวนเสนอโครงการจัดหาเครื่องบินฝึก T-50 TH ระยะที่ 4 จำนวน 2 เครื่อง พร้อมอะไหล่และอุปกรณ์ที่จำเป็นรวมมูลค่าเกือบ 2,500 ล้านบาท และกองทัพเรือที่ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2 และ 3 วงเงิน 22,000 ล้านบาท

ที่มาเรียบเรียงจาก Thai PBS [1] [2] [3] 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net