Skip to main content
sharethis

โฆษก ศบค.แถลงหลังพบตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลง ในวันที่ 7 เม.ย.ว่า เป็นผลจากการประกาศเคอร์ฟิวมา 4 คืน

นี่ใช่คนเดียวกันไหม กับหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ก็ไหนว่าโควิด-19 มีระยะฟักตัว 14 วัน กว่าจะตรวจพบเชื้ออย่างน้อยใช้เวลา 3-5 วัน ทำไมประกาศเคอร์ฟิว 4 คืนเท่านั้น หดหายทันใจ

เคอร์ฟิวแค่ 22.00-04.00 น. ด้วยซ้ำ ก็ไหนวิษณุ เครืองาม บอกว่าเชื้อโรคไม่เลือกเวลา

เห็นกันชัดๆ ว่า ตัวเลขที่ลดลง 2-3 วันนี้ มาจากมาตรการสาธารณสุข ที่ควบคุมต่อเนื่องมาหลายสิบวัน ตัวเลขที่ลดลงแต่ละวัน เป็นผลจากการควบคุมเมื่อสิบกว่าวันก่อน

เออ ถ้าช่วงนี้ไม่ลด แล้วหลังวันที่ 12-13 เมษา ตัวเลขลดลงเห็นได้ชัด ค่อยบอกได้ว่าเป็นผลงานประกาศจับโควิดตอนกลางคืน ค่อยคุยได้ว่าโควิดกลัวตำรวจทหาร เป็นเพราะการไล่จับเด็กแว้น ขี้เหล้า คนไม่เชื่อฟัง หรือคนที่บังเอิญกลับบ้านไม่ทัน เพราะไอ้พวกนี้เป็นตัวการ ทำให้โควิดระบาด

ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงตอนนี้ ไม่ใช่ผลงานตำรวจทหาร ไม่ใช่ฝีมือการจับกุม แต่เป็นฝีมือการควบคุม ติดตามสอบสวนโรค ของระบบสาธารณสุข โดยอาศัยฝ่ายปกครองเป็นผู้ประสานงาน และออกคำสั่งต่างๆ เช่น ปิดพื้นที่เสี่ยง เมื่อพบผู้ติดเชื้อก็ติดตามกักตัวผู้ใกล้ชิด รวมไปถึงเครือข่าย อสม. อปท. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่ร่วมมือกันกักตัวผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยง

ใครพอมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโควิด อ่านตัวเลขที่กรมควบคุมโรคแถลงรายวันก็จะเห็นชัด ผู้ติดเชื้อแยกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกคือผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งมาจากคลัสเตอร์ใหญ่ๆ เช่น สนามมวย ผับ พิธีศาสนามาเลเซีย ผู้ติดเชื้อรุ่นแรก ครบวงจร 14 วันไปแล้ว ที่พบใหม่คือรุ่นที่สอง คนในครอบครัว คนสนิท หรือคนเดินทางร่วมกัน

กลุ่มที่สองผู้ติดเชื้อใหม่ประปราย ได้แก่คนกลับจากต่างประเทศ ผู้มีอาชีพเสี่ยง และบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งเมื่อหยุดการเดินทางจากต่างประเทศ ก็ลดลงเป็นลำดับ

ตัวเลขมันจะลดลงอยู่แล้วครับ เห็นก่อนประกาศเคอร์ฟิวอีก แม้ช่วงนั้นยังพบร้อยกว่าคน ก็เป็นผู้ติดเชื้อรุ่นที่สอง ซึ่งทยอยลดลงเมื่อครบ 14 วัน

ทั้งหมดนี้เป็นผลงานมาตรการสาธารณสุข พบผู้ติดเชื้อก็ตามตัวผู้ใกล้ชิดทันที โดยประสานมาตรการทางปกครองบางระดับ แต่กลับไปยกผลงานให้ทหารตำรวจตรวจเคอร์ฟิว?

รู้กันหรอกน่า เมื่อมาตรการสาธารณสุขได้ผล ทั้งที่บริหารกระท่อนกระแท่น รัฐบาลก็จะต้องเลิกเคอร์ฟิว แต่กลัวโดนวิจารณ์มาตรการเปล่าประโยชน์ จึงต้องตีปี๊บ

แต่ความจริงปิดไม่มิด โควิดเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ คลัสเตอร์ของการระบาดไม่ได้มาจากเด็กแว้น คนเมาข้างถนน แม้จำเป็นต้องห้ามคนเหล่านี้ไม่ให้มั่วสุม หรือจับกุมตามกฎหมายที่มีอยู่แล้ว แต่การเอาโทษหนัก ดึงสังคมมาประณาม เป็นเพียงการแสดงอำนาจ โดยใช้ตำรวจทหาร ซึ่งเกินความจำเป็น แล้วยังไปกระทบคนทำงานจำนวนมาก ที่ใช้ขนส่งสาธารณะ ที่ต้องรีบเดินทางกลับบ้านตอนค่ำ กระทบการขนส่งสินค้า เช่นกรณีตลาดสี่มุมเมือง หรือกลายเป็นคดีฆ่ากัน อย่างกรณีผู้ใหญ่บ้านยิงพระ ซึ่งใครผิดใครถูกก็ไม่น่าเกิดขึ้นเลย

ในขณะที่มาตรการซึ่งรัฐบาลควรทำเสียก่อนนี้ เช่น จัดสถานที่ให้คนเดินทางจากต่างประเทศทั้งไทยทั้งต่างชาติกักตัว ก็เพิ่งทำ ถ้าทำเสียตั้งแต่ 22 มี.ค. พร้อมคำสั่งผู้ว่า กทม. ป่านนี้ก็เกิน 14 วันแล้ว

ประชาชนอย่าสับสน ว่ารัฐใช้ 2 มาตรการควบกัน มาตรการควบคุมโรค สำเร็จด้วยระบบสาธารณสุข แม้ช่วงแรกรัฐออกคำสั่งช้าไป ส่วนมาตรการจับกุม แม้ต้องมีควบคู่กัน แต่ไม่จำเป็นต้องเกินเลยถึงขั้นมีคนติดคุกเป็นพันๆ

 

 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/353250

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net