Skip to main content
sharethis


นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และสมาชิกสภาที่ 3 (แฟ้มภาพ)

12 เม.ย. 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และสมาชิกสภาที่ 3 เปิดเผยต่อสื่อมวลชนระบุว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ผู้ได้รับผลกระทบหนักสุดจะเป็นคนทำงานหาเช้ากินค่ำ ชนชั้นแรงงาน ผู้ไร้ซึ่งกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นที่ดินหรือทรัพยากรอื่นๆ นอกจากคนที่ต้องใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือนแล้ว พนักงานสถานประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหารต่างๆ และนักร้อง-นักดนตรีที่ทำงานกลางคืนและคนทำงานรับจ้างรายวัน การขาดรายได้ในแต่ละวันและจะสะสมไปอีกหลายเดือนคือยาฆ่าตัวตายชนิดหนึ่งที่วิกฤตครั้งนี้มอบให้ เพราะเขามีรายได้รายวันเพื่อหล่อเลี้ยงครอบครัวอีกหลายชีวิต จึงเป็นความท้าทายของรัฐบาลอย่างยิ่งที่จะพิสูจน์ความสามารถในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ได้อย่างไร เนื่องจากมีการประเมินว่า มาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลดำเนินการอยู่จะมีคนตกงานถาวรหรือว่างงานชั่วคราวมากกว่า 10 ล้านคน จากประเทศที่เคยมีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในโลก

เป็นเรื่องปกติที่ประชาชนจะวิพากษ์วิจารณ์นโยบายและการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าเหมาะสมหรือไม่ เพียงพอหรือเปล่า ผมรู้สึกเศร้าใจที่คนในรัฐบาลลืมบทบาทและภาระหน้าที่ของตนเอง แล้วออกมาข่มขู่คุกคามจะฟ้องร้องปิดปากประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน แทนที่จะไปบริหารจัดการสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้อย่างเต็มความสามารถ เนื่องจากประชาชนให้สิทธิพิเศษไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดท่านได้ตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่แล้ว แต่นักการเมืองบ้านเรากลับขาดจริยธรรมเสียเองทั้งที่มี พระราชบัญญัติมาตรฐานทางจริยธรรมและบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

"ผมอยากให้ทุกฝ่ายได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ร่วมกัน รัฐบาลใช้อำนาจบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์วิกฤติอย่างเต็มที่ ฝ่ายค้านช่วยทำงานตรวจสอบงบประมาณและการทำงานของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรอิสระ-กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าใช้อำนาจละเมิดสิทธิมนุษยชนและละเมิดกฎหมายหรือไม่ ส่วนประชาชนไทยก็ให้ความร่วมมือและวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐได้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่จะมาไล่ฟ้องปิดปากกัน" นายเมธา ระบุ

นโยบายการช่วยเหลือคนตกงานและผู้ได้รับผลกระทบเบื้องต้น 5,000 บาท/เดือน เป็นเรื่องที่ดีและถือเป็นเรื่องฉุกเฉิน ตอนนี้รัฐบาลมีข้อมูลการลงทะเบียนเป็น Big Data ขนาดใหญ่จะทำอย่างไรให้มีการบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นประสิทธิภาพต่อไปเพื่อเข้าสู้ระบบสวัสดิการถ้วนหน้าให้ได้และไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติในอนาคต เพราะประชาชนคงไม่ได้รับผลกระทบแค่ 3 เดือนแน่ ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่ถูกสั่งปิดโดยคำสั่งของรัฐ พนักงานก็ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเยียวยาจากมาตรการดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการสถานบริการต่างๆ ที่ถูกสั่งปิดด้วย เมื่อนายจ้างอยู่ได้ ลูกจ้างก็อยู่ได้เช่นกัน เพราะบริษัทก็ต้องดูแลพนักงาน ทำอย่างไรให้พวกเขาอยู่ได้ โดยเฉพาะคนทำงานกลางคืนที่สูญเสียรายได้รายวัน

นโยบายการเลื่อนจ่ายและลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคม โดยให้นายจ้างจ่าย 4% ลูกจ้าง 1% เป็นการชั่วคราวไม่ได้แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจให้ผู้ได้รับผลกระทบทั้งนายจ้างและลูกจ้างแต่อย่างใด เพราะหลายแห่งไม่มีเงินจะจ่ายเนื่องจากทำธุรกิจไม่ได้ ซ้ำร้ายสำหรับคนตกงานยังได้รับเงินประกันสังคมล่าช้า โดยเริ่มจ่ายสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ทั้งที่ลงทะเบียนตั้งนานแล้วแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

"ผมอยากเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการพิเศษเพื่อลดเงินสมทบประกันสังคมชั่วคราวในสถานการณ์วิกฤติ 1 ปี และมีมาตรการคืนเงินกองทุนประกันสังคมให้แก่นายจ้างและลูกจ้างหากมีการแสดงเจตจำนงค์ โดยจ่ายคืนเงินสะสมเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพคล่องในสถานประกอบการและในช่วงว่างงาน โดยอาจจ่ายคืนได้ไม่เกิน 50% จากเงินสะสมที่จะได้รับในวัยชรา เพราะเขาอาจไม่มีชีวิตถึงวัยชราก็ได้หากไม่มีข้าวกิน ไม่ใช่มีแค่โครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานและการปล่อยกู้ที่มีดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกเท่านั้น อย่าปล้นประชาชนในภาวะวิกฤต เนื่องจากนี่เป็นเงินสะสมของเขาเองไม่ใช่เงินของรัฐบาล" นายเมธา ระบุ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net