Skip to main content
sharethis

16 เม.ย. 2563 วานนี้ ปิยบุตร แสงกนกกุล คณะก้าวหน้า อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้กล่าวถึงมาตรการเยียวยาประชาชนของรัฐบาลในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 เทียบกับการช่วยเหลือกลุ่มทุน และคนส่วนน้อยของประเทศ ผ่านทางเพจเฟสบุ๊คว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์โควิด-19 คือ การแจกเงิน 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนให้กับประชาชน คิดเป็นงบประมาณที่ต้องใช้ในมาตรการนี้ประมาณ 45,000 ล้านบาท ซึ่งมีข้อวิพากษ์วิจารณ์มาตรการนี้อย่างมาก เช่น ระบบการคัดกรองที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ประชาชนตกหล่นจากมาตรการนี้จำนวนมาก อีกทั้งยังมีปัญหาการเข้าถึงมาตรการที่มีอุปสรรคมากมาย

ปิยบุตร กล่าวต่อว่า มาตรการแจกเงินให้กับประชาชนเป็นการสะท้อนถึงวิธีคิด และอุดมการณ์ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน หากยังจำได้ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ทั้งในรัฐบาล คสช. และรัฐบาลชุดสืบทอดอำนาจ ได้มีนโยบายต่างๆ จำนวนมากที่เอื้อนายทุน คนรวย และคนส่วนน้อย มีการใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อเอื้อประโยชน์ให้คนกลุ่มน้อย มีการตัดสินใจให้สัมปทานร้านค้าสนามบินเจ้าเก่า 30,000 ล้านบาท มีการยึดหนี้ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ 25,000 ล้านบาท อุ้มทีวีดิจิตอล 3,000 ล้านบาท ลดหยอนภาษีให้กองทุนต่างๆ 14,000 ล้านบาท และในช่วงวิกฤตการณ์ครั้งนี้ก็มีการเยียวยาร้านค้าสนามบินอีกหลายร้อยล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ออกมาตรการตั้งกองทุนดูแลหุ้นกู้อีก 400,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมการที่กองทัพนำเงินภาษีไปใช้ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อีกปีละหลายหมื่นล้านบาท แต่เมื่อย้อนกลับมาดูมาตรการช่วยเหลือประชาชนกลับใช้เงินเพียง 45,000 ล้านบาท และกว่าประชาชนแต่ละคนจะได้เงินต้องลงทะเบียน ต้องร้องขอ และกราบกรานกว่าจะได้เงินในส่วนนี้มา

“มีคนจำนวนมากตกสำรวจไม่ได้รับเงินเยียวยาก้อนนี้ แต่นโยบายเอื้อคนรวย คนส่วนน้อย ใช้เงินหลายล้านล้านบาท คนได้ประโยชน์มีไม่ถึงร้อยคนแต่กลับใช้เวลาในการตัดสินใจเพียงไม่กี่นาที เพียงไม่กี่วัน และการบังคับใช้มาตรการเหล่านี้ก็สะดวกรวดเร็วไม่มีอุปสรรคขัดข้องอะไรเลย แต่นโยบายมาตรการที่ช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ซึ่งจะมีคนได้ประโยชน์หลายล้านคน ตัดสินใจกันยากลำบากเหลือเกิน เงื่อนไขยุบยิบเยอะแยะเต็มไปหมด” ปิยบุตร กล่าว 

ปิยบุตร ตั้งคำถามต่อไปว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะมีรัฐบาลเพื่ออะไร มนุษย์ยอมสูญเสียเสรีภาพให้กับรัฐ เพื่อหวังว่ารัฐจะปกป้อง และดูแลเรา มนุษย์ยอมเอาเงินไปจ่ายภาษีให้รัฐ เพื่อหวังว่ารัฐจะใช้งบประมาณเหล่านี้มาปกป้องดูแล หากรัฐ หรือรัฐบาลไม่ทำหน้าที่ปกป้องประชาชน ไม่ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่แล้วเราจะมีรัฐ และรัฐบาลไปทำไม

“ระบอบประชาธิปไตย คือ ประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด และอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ดังนั้นรัฐบาลในประเทศประชาธิปไตยต้องมีหน้าที่ดำเนินนโยบาย และตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชนคนส่วนใหญ่ การจัดสรรทรัพยากรต้องมุ่งไปที่ประชาชนคนส่วนใหญ่ หากไม่เป็นเช่นนี้ รัฐบาลนั้น ก็จะเป็นรัฐบาลของคณาธิปไตย คือเป็นการปกครองโดยคนส่วนน้อย เพื่อคนส่วนน้อย” ปิยบุตร กล่าว

เขากล่าวต่อไปถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กระทรวงการคลังเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา(14 เม.ย.) ซึ่งเป็นประจักษ์พยานได้อย่างดีว่า รัฐไทย รัฐบาลไทย ข้าราชการไทย เห็นหัวคนส่วนใหญ่หรือไม่ ทุกวันนี้ถ้อยคำที่ว่า ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย กลายเป็นเพียวตัวหนังสือที่เขียนเอาไว้ในเศษกระดาษที่เราให้ชื่อว่า รัฐธรรมนูญ แต่ในความเป็นจริงอำนาจสูงสุดของประเทศตกอยู่ในมือของคนไม่กี่กลุ่ม

“พวกเขาเอาเงินของพวกเราไปช่วยพวกของเขา พวกเขาเอาเงินของพวกเรามาช่วยพกเราอยู่บ้างแต่ก็เป็นไปอย่างจำกัดจำเขี่ย และที่ช่วยพวกเรานั้นก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของพวกเขา เพราะกลัวว่าเราจะลุกขึ้นมาต่อต้าน ทุกท่านครับถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาตั้งคำถามดังๆ ขบคิด ส่งเสียงไปดังๆ ว่า ประเทศไทยจะอยู่กับแบบนี้ต่อไปจริงๆ หรือ ในที่สุดแล้วอัตราความมั่งคั่ง GDP ลำดับมหาเศรษฐีที่ปรากฎในนิตยสารฟอร์บส์ เศรษฐีตลาดหุ้น ธนาคารสถาบันการเงิน อาวุธยุทโธปกรณ์ แสงยานุภาพทางการทหาร ยศฐาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งแห่งที่ ความร่ำรวย ปราสาท เคหสถาน รถสปอต สินค้าฟุ่มเฟื่อย ทั้งหลายทั้งหมดนี้ จะมีคุณค่าอะไรอีกหากเพื่อนมนุษย์ เพื่อนร่วมชาติไม่อาจแม้แต่จะมีชีวิตรอดไปได้ในแต่ละวัน ”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net