ครม. เห็นชอบร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2563 วงเงิน 100,395 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นงบกลางเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 กระทรวงการคลังมากสุด 3.6 หมื่นล้านบาท กระทรวงกลาโหม 1.8 หมื่นล้านบาท คมนาคม 1.1 หมื่นล้านบาท มหาดไทย 6 พันล้านบาท
แฟ้มภาพ
21 เม.ย. 2563 วันนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2563 วงเงิน 100,395 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นงบกลางเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 โดยจะนำเข้าสภาพิจารณาวาระ 1 ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังมากสุด 3.6 หมื่นล้านบาท กระทรวงกลาโหม 1.8 หมื่นล้านบาท คมนาคม 1.1 หมื่นล้านบาท มหาดไทย 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงหลังการประชุมวันนี้ว่า ในวันอังคารหน้า (28 พ.ค.) ที่ประชุม ครม. จะพิจารณาเกี่ยวกับการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ว่ามีความจำเป็นต้องขยายเวลาต่อไปอีกหรือไม่ โดยระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในภาพรวมนั้นดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าสังเกตสถานการณ์ต่อไป และนำข้อมูลจากหลายฝ่ายมาประกอบการตัดสินใจอย่างถี่ถ้วน
โดยหลักเกณฑ์และแนวทางการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 กำหนดให้รายการที่นำงบประมาณรายจ่ายไปจัดทำร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย มีดังนี้
1.รายจ่ายประจำในทุกงบรายจ่ายที่ยังไม่มีการเบิกจ่ายและไม่มีข้อผูกพันหรือสามารถชะลอข้อผูกพันได้ ณ วันที่ 7 เม.ย. 2563 ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการสัมมนา การฝึกอบรม การประชาสัมพันธ์ การจ้างที่ปรึกษา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ (รวมถึงการศึกษาดูงานในต่างประเทศที่อยู่ในหลักสูตรการฝึกอบรม) รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องต่างๆ อาทิ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พักและค่าพาหนะ และการดำเนินกิจกรรมที่มีการจ้างผูัจัดกิจกรรมหรือดำเนินการเอง
และรายการและงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถชะลอการดำเนินการได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการหรือไม่สามารถดำเนินการได้ทั้งหมดหรือบางส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ.2563
2.รายจ่ายลงทุนในทุกงบรายจ่าย
รายการปีเดียวที่ยังไม่ประกาศดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ 7 เม.ย. 2563 หรือไม่สารถลงนามจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในวันที่ 31 พ.ค. 2563
รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการใหม่ในปีงบประมาณพ.ศ.2563 ที่ยังไม่สามรถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ 7 เม.ย. 2563 ให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีแรกลดลงร้อยละ 5
รายการและงบประมาณที่หน่วยรับงบประมาณพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถชะลอการดำเนินการได้โดยไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการหรือไม่สามารถดำเนินการได้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2563
3.หน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ องค์กรอัยการ องค์กรมหาชน และหน่วยงานของรัฐที่กฎหมายกำหนดให้รับงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนและทุนหมุนเวียน ที่พิจารณาเห็นว่ารายการที่ได้รับงบประมาณไม่สามารถดำเนินการได้ตามวัตถุประสงค์ของการตั้งงบประมาณ หรือมีเงินรายได้ เงินรายได้สะสมคงเหลือเพียงพอต่อการดำเนินภารกิจของหน่วยงานทดแทนงบประมาณที่ได้รับ โดยใช้หลักเกณฑ์และแนวทางตามข้อ 1 และข้อ 2 โดยอนุโลม
ทั้งนี้ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 มีวงเงินทั้งสิ้น 3.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น
รายจ่ายประจำ 2.4 ล้านล้านบาท (ร้อยละ 75.1 )
ค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ 1.12 ล้านล้านบาท (ร้อยละ 35.1)
รายจ่ายลงทุน 6.44 แสนล้านบาท (ร้อยละ 20.1)
รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 8.9 หมื่นล้านบาท (ร้อยละ 2.8 )
รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 6.2 หมื่นล้านบาท (ร้อยละ 2)
โดยงบกลาง มีวงเงิน 518,770 ล้านบาท แบ่งเป็น
1.ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเสด็จพระราชดำเนินและต้อนรับประมุขต่างประเทศ 1พันล้านบาท
2.ค่าใช้จ่ายชดใช้เงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน 3 พันล้านบาท
3.ค่าใช้จ่ยตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 2.5 พันล้านบาท
4.ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ 7.12 หมื่นล้านบาท
5.เงินชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้าง 5 ร้อยล้านบาท
6.เงินช่วยเหลือข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานของรัฐ 4.9 พันล้านบาท
7.เงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ 2.65 แสนล้านบาท
8.เงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการ 1.04 หมื่นล้านบาท
9.เงินสมทบของลูกจ้างประจำ 6.7 ร้อยล้านบาท
10.เงินสำรอง เงินสมทบ และเงินชดเชยของข้าราชการ 6.2 หมื่นล้านบาท
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)