Skip to main content
sharethis

ความเป็นไทยฟูมฟาย ภาคภูมิใจในยุคฝรั่งตายเป็นเบือ แห่แชร์โพสต์คนไทยต่างแดน เปรียบเทียบว่าอยู่อังกฤษอเมริกา มีเงินแค่ไหนก็รักษาโควิดไม่ได้ ระบบสาธารณสุขไม่ดูแล ใครที่ด่าประเทศไทยแย่ รัฐบาลแย่ ออกไปอยู่ต่างประเทศไหม

แต่ไม่ยักย้อนดูตัว คนไทยต่างแดน มีเงินแค่ไหนก็กลับประเทศไม่ได้ ต้องทำตามกฎ Fit to Fly ขอใบรับรองแพทย์ก่อนบิน ซึ่งในสถานการณ์โรคระบาด หาง่ายเสียที่ไหน มีแล้วก็บินไม่ได้ ตกค้างรอเป็นหมื่น ไทยแลนด์โอนลี่ ไม่มีประเทศไหนทำกับพลเมืองของตัวเองอย่างนี้

แล้วพอคนที่ตกระกำลำบาก เรียกร้องขอกลับ พวกฟูมฟายก็ใช่ว่าอยากต้อนรับ กลัวจะเป็นภาระ อย่าเพิ่งกลับดีกว่าไหม

ประเทศไทยชนะแล้ว? ตัวเลขติดเชื้อใหม่เหลือน้อยมาก สถานการณ์ระบาดควบคุมได้ แต่ชนะเพราะอะไร เพราะรัฐบาลหรือ ไม่ใช่เลย

ตั้งแต่แรก ก็ไม่ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ไม่กักตัวคนกลับจากต่างประเทศ เลือกปฏิบัติเฉพาะ "ผีน้อย" รัฐล้มเหลวจัดการปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง ตั้งแต่หน้ากากอนามัยขาดแคลน ไปจนห้ามสนามมวย สุดท้ายต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน ใช้อำนาจแบบรัฐทหาร รัฐราชการเจ้านายประชาชน สั่งปิดเมืองบังคับเข้มข้น เคอร์ฟิว ตั้งด่าน มุ่งเอาชนะไวรัสด้วยวิธิคิดแบบทหาร ไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประชาชนตัวเป็นๆ จนทำให้ตัวเลขคนฆ่าตัวตายจะแซงคนตายเพราะโควิด คนถูกจับเพราะกฎระเบียบเคร่งครัด มากกว่าคนติดเชื้อสิบเท่า

กระทั่งประธานศาลฎีกาต้องออกคำแนะนำ ให้ลงโทษคนฝ่าฝืนเคอร์ฟิวด้วยวิธีที่เหมาะสม อย่าเพิ่มคนเข้าคุก

ประเทศไทยชนะเพราะอะไร อันดับแรก น่าจะเป็นเพราะภูมิอากาศ วัฒนธรรมการใช้ชีวิต ทำให้ไวรัสไม่แพร่ระบาดกว้างและรวดเร็วเท่าจีนยุโรป ถัดมา ระบบสาธารณสุขของเรา แม้อาจไม่ดีที่สุดในโลก ก็มีประสบการณ์และความพร้อมรับมือโรคระบาดอันดับต้นๆ ของโลก โดยไม่ใช่แค่แพทย์พยาบาล ที่รับมือด้านรักษา ที่สำคัญคือนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค เครือข่ายสาธารณสุข ลงไปถึง อสม. ที่สอบสวนติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้ออย่างแข็งขัน รวมถึงการที่ประชาชนทุกคนเข้าถึงสิทธิรักษาพยาบาล ไม่ถูกทอดทิ้งจนโรคระบาดลุกลาม

บวกกับสำนึกทางสังคม การพร้อมใจใส่หน้ากาก Work from Home แล้วใช้มาตรการทางปกครองบางอย่าง เช่น สั่งปิดพื้นที่เสี่ยง กักตัวผู้ใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ ผู้เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีความจำเป็นต้องใช้อำนาจฉุกเฉินเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงบ้าง เฉพาะพื้นที่ เช่น ภูเก็ต เพื่อลุยตรวจเชื้อเชิงรุก

เหล่านี้คือปัจจัยที่ทำให้ประเทศไทยชนะ แต่ที่ล้นเกินมา คือต้นทุนที่ต้องจ่ายโดยไม่จำเป็น และไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจ น่าเอาไปอวดใครแม้แต่น้อย

หรือคนไทยอยากอวดชาวโลกว่าเราเอาชนะไวรัสได้ ด้วยการจับคนฝ่าเคอร์ฟิวเป็นหมื่นๆ จับคนงานเทปูนทำโอทีเอกสารไม่ครบ จับคนไปส่งยาโรงพยาบาลเพราะขากลับตีรถเปล่า จับเด็กแว้น จับคนเล่นไพ่ จับคนกินเหล้า ท้ายที่สุดก็จับคนบริจาคข้าวของ คนใจบุญจะแจกเงินคนตกงาน ต้องไปแจกในสถานที่ซึ่งรัฐเจ้านายจัดให้

คนไทยต้องจ่ายต้นทุนแพงลิบเกินจำเป็น กับมาตรการทำสงครามเอาชนะไวรัสแบบทหาร ไม่ใช่แบบสาธารณสุข ซึ่งเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจ และสิทธิมนุษยชน ขณะที่รัฐราชการก็เสียแรงเปล่า

ยกตัวอย่าง การตั้งด่านตรวจวัดไข้ ที่หมอสุภัทร ฮาสุวรรณกิจ เรียกว่า "ขี่ช้างจับไวรัส" กทม.แถลงผลงานตั้งด่าน 26 มี.ค.-19 เม.ย. เรียกตรวจยานพาหนะ 212,071 คัน ตรวจคัดกรองบุคคล 457,579 คน พบเข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง 70 คน ส่งสาธารณสุขคัดกรองเพิ่มเติม พบว่า 60 คนปกติ 6 คนผ่านทางไปจังหวัดอื่น 4 คนส่งตรวจเชื้อ ไม่พบสักคน แค่ยังรอผล 1 คน

ในจังหวัดต่างๆ การตั้งด่าน-กักตัว ช่วงต้นที่คนแห่กลับจาก กทม. มีความจำเป็น แต่ไม่ทราบเพราะอะไร ภายใต้สิ่งที่โฆษก ศบค.เรียกว่า "กระจายอำนาจ" ทุกวันนี้กลับกลายเป็น "ระบอบนครรัฐ" ผู้ว่าฯ ต่างคนต่างออกคำสั่ง ปิดเมืองปิดถนน คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า ผ่านได้ห้ามจอด เว้นแต่ขนส่งสินค้าจำเป็น ตั้งด่านรถติดยาวเหยียด บางจังหวัดก็ห้ามโดยไร้เหตุผล เกษตรกรต้องขับรถอ้อมไกล มหาดไทยต้องออกคำสั่งให้ใช้มาตรฐานเดียวกัน

นั่นหรือกระจายอำนาจ ไม่ใช่เลยครับ กลายเป็นรัฐใครรัฐมัน ต่างคนต่างเอาตัวรอด อยากเป็นพื้นที่สีเขียว รักษาพื้นที่ได้ ข้าราชการก็มีความดีความชอบ ก็เลยสุดโต่งกระทั่งกีดกันคนจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งความจริงก็เป็นเพื่อนเป็นญาติ ติดต่อค้าขาย ข้ามไปข้ามมาทุกวัน บัดนี้กลายเป็น "ประเทศเพื่อนบ้าน" กระทบทั้งวิถีชีวิตและการทำมาหากิน

โควิดสร้างความเสียหายมหาศาล กระทบไปทั้งโลก ประเทศไทยโชคดี กระทบน้อยกว่าเขา แต่เรากลับเสียหายเกินกว่าเหตุ เพราะอำนาจรัฐราชการใต้ระบอบทหารนี่เอง

 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/hot-topics/news_4012758

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net