รังสิมันต์ ทวงสัญญาปฏิรูปกองทัพจาก ผบ.ทบ. หลังสิบเอกเปิดโปงทุจริตถูกขู่เอาชีวิต

28 เม.ย. 2563 รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เปิดเผยผ่านเฟสบุ๊คแฟนเพจ Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม ระบุถึง ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี ซึ่งการออกมาร้องเรียนการทุจริตเงินเบี้ยของทหารชั้นผู้น้อยภายในศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ซึ่งกระทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 เป็นอย่างน้อย

รังสิมันต์ ชี้ว่า ส.อ.ณรงค์ชัยพยายามร้องเรียนต่อหน่วยงานภายในกองทัพมาก่อนหน้าที่จะเปิดเรื่องต่อสื่อมวลชน แต่ปรากฎว่า เขาถูกสอบสวนวินัยอยู่เพียงฝ่ายเดียว จนต้องยอมเสี่ยงออกจากค่ายมาขอความช่วยเหลือทั้งจากผู้มีปากเสียงในสังคม ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือแม้กระทั่ง ป.ป.ช.

“สิ่งที่เขาควรได้รับคือการให้ความคุ้มครองในฐานะพยาน แต่สิ่งที่เขาได้รับในความเป็นจริงกลับเป็นคำขู่จากผู้บังคับบัญชาว่าจะให้เขาตายในห้องขัง” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์เห็นว่า เรื่องดังกล่าวทำให้ย้อนนึกถึงภายหลังจากเหตุการณ์จ่าทหารก่อเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา จนมีผู้เสียชีวิตถึง 30 คน (รวมผู้ก่อเหตุ) เป็นเหตุสะเทือนขวัญผู้คนทั้งประเทศ เวลานั้นได้ยิน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาประกาศว่าจะดำเนินการปฏิรูปกองทัพภายใน 90 วัน เห็นกองทัพตีฆ้องร้องป่าวว่าจะริเริ่มสะสางปัญหาต่างๆ เช่น การจัดระเบียบธุรกิจของกองทัพที่จะให้กรมธนารักษ์มาช่วยดูแล การขีดเส้นให้นายทหารเกษียณย้ายออกจากบ้านพัก หรือการตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร้องเรียนปัญหาต่อ ผบ.ทบ. ได้โดยตรง แม้เป็นเรื่องยากยิ่งที่สังคมจะยอมเชื่อคำของผู้นำกองทัพได้ เนื่องจากที่ผ่านมาศรัทธาที่ประชาชนมีต่อทหารนั้นแทบมลายสิ้นไปแล้วด้วยน้ำมือของทหารเอง หลายคนเลือกที่จะไม่คาดหวัง แต่สำหรับตนแล้วยังคงเผื่อใจอยู่ลึกๆ ถึงโอกาสหนึ่งในล้านที่ พล.อ.อภิรัชต์จะตระหนักและเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและจริงใจ

กระนั้นก็ตาม รังสิมันต์ชี้ว่า ถึงตอนนี้ เหลืออีกไม่เพียง 2 สัปดาห์ก็จะครบกำหนด 90 วันที่ พล.อ.อภิรัชต์รับปากไว้ นอกจากเราจะไม่ได้เห็นความคืบหน้าอะไรเป็นชิ้นเป็นอันออกมาจากกองทัพแล้ว เรากลับยังต้องเห็นถึงความโหดร้ายที่ ส.อ.ณรงค์ชัยต้องเผชิญ ซึ่งตนได้ทราบมาว่า ส.อ.ณรงค์ชัยพยายามร้องเรียนผ่านคอลเซ็นเตอร์ถึง พล.อ.อภิรัชต์ไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไหนกันการปฏิรูปกองทัพของ พล.อ.อภิรัชต์? ทำไมจึงปล่อยให้นายทหารผู้สุจริตเที่ยงธรรมต้องประสบชะตากรรมอันยากเข็ญเช่นนี้ได้
.
“แม้ว่าเวลานี้สังคมจะให้ความสนใจกับเรื่อง COVID-19 เป็นหลัก แต่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่ยืนยันเรื่องการปฏิรูปกองทัพมาโดยตลอด ผมไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปได้ โดยสำหรับประเด็นการทุจริตคอร์รัปชันนั้นผมทราบว่า ส.อ.ณรงค์ชัยได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการทหารและคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบของสภาผู้แทนราษฏรแล้ว ส่วนเรื่องการข่มขู่คุกคามนั้นมีความเกี่ยวข้องกับงานของคณะกรรมการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนโดยตรง ผมในฐานะกรรมาธิการจะขอนำเรื่องนี้หารือต่อที่ประชุมต่อไป” รังสิมันต์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติมว่า กรณีเปิดโปงการทุจริตซึ่ง  ส.อ.ณรงค์ชัย เป็นผู้ออกมาร้องเรียนนั้น เริ่มเป็นข่าวเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2563 โดย ส.อ.ณรงค์ชัย ได้เดินทางไปยื่นเรื่องที่ สำนักงานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น (คปต.) โดยยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ วีระ สมความคิด เลขาธิการ คปต.พร้อมหลักฐานแสดงการทุจริตเบี้ยเลี้ยงการเดินทางของทหารในศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก และค่าใช้จ่ายในโครงการอบรมต่อต้านยาเสพติด ที่ตนได้มีส่วนรู้เห็นในฐานะเสมียนงบประมาณ

ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2562 เดือน ก.ย. ส.อ.ณรงค์ชัย ได้ไปยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ก่อนจะถูกกลั่นแกล้งและข่มขู่ จนทำให้หนีราชการออกมาเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2563 เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

ขณะที่วานนี้ วีระ สมความคิด และณัฏฐา มหัทธนา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง พร้อมด้วย ส.อ.ณรงค์ชัย นำหลักฐานเข้าร้องเรียน กับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) ที่พรรคเสรีรวมไทย 

ส.อ.ณรงค์ชัย กล่าวว่า ตนพบปัญหาการทุจริตในโครงการต่างๆ ของหน่วยงาน โดยเฉพาะการออกหนังสืออนุมัติการเดินทางชั่วคราวเพื่อไปทำกิจกรรมนอกพื้นที่ ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารพบว่ามีการออกเอกสารซ้ำหลายครั้ง เปลี่ยนแปลงเฉพาะเลขหนังสือและวันที่ทำกิจกรรม แต่รายชื่อผู้ร่วมกิจกรรมยังเป็นคนเดิมทุกครั้ง โดยมีการบังคับให้กำลังพล 25 นายที่มีชื่อร่วมกิจกรรม เซ็นชื่อรับเบี้ยเลี้ยง แต่ ส.อ.ณรงค์ชัย ยืนยันว่าไม่เคยร่วมกิจกรรมและไม่เคยได้รับเบี้ย และเมื่อตัดสินใจนำหลักฐานทั้งหมดออกมาเปิดเผยข้อมูลเรื่องดังกล่าว แต่กลับถูกต้นสังกัดข่มขู่ และเตรียมแจ้งความดำเนินคดีฐานขโมยทรัพย์สินราชการ จึงเรียกร้องให้กมธ.ป.ป.ช.ตรวจสอบ

ด้านวีระ ชี้ว่า ได้นำหลักฐานที่มีอยู่ยื่นต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ประกอบด้วย หนังสือขออนุมัติเดินทางไปราชการชั่วคราวของศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สายสรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ลงวันที่ 18 เม.ย. 2560 ระบุไปราชการตั้งต่วันที่ 19-21 เม.ย. 2560 ที่จังหวัดนครราชสีมา และอีกครั้งในเดือน มิ.ย. 2560 โดยมีการเบิกงบประมาณ 18,360 บาท ซึ่งรายชื่อนายทหารกลุ่มเดิมจำนวน 25 รายชื่อ แต่ไม่มีผู้ใดได้เดินทางไปราชการตามที่มีการเบิกงบประมาณ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานยืนยันการบังคับให้ลงชื่อการไปราชการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธา โดยเบิกงบประมาณจำนวน 12,240 บาท รวมทั้งหลักฐานการอนุมัติโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ป้องกันยาเสพติดช่วงเดือน ก.ค. 2562 โดยใช้รายชื่อนายทหารกลุ่มเดิม และมีการทำโครงการเขียนใบเสร็จเอง ระบุว่าเป็นการจัดซื้อวัสดุจากร้านค้าในจังหวัดปทุมธานี 4,000 บาท นอกจากนี้ยังมีการเบิกงบประมาณจากการทำโครงการจัดอบรมเยาวชนป้องกันยาเสพติดซึ่งไม่มีการอบรมเกิดขึ้นจริงอีก 15,600 บาท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท