กทม. จ่อปลดล็อก 8 กิจการ ร้านอาหาร ตลาด ร้านตัดผม สนามกอล์ฟ-วิ่ง-เทนนิส-แบด และร้านตัดขนสุนัข เน้นมาตรการความสะอาด ป้องกัน เว้นระยะห่าง ไม่รวมกลุ่ม 

29 เม.ย.2563 วันนี้ ไทยพีบีเอสรายงานว่า  ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงผลประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม. เรื่องผ่อนปรนให้เปิดกิจการ 8 ประเภท ระบุว่า ได้ต่ออายุปิดสถานที่ทำการที่มีความเสี่ยงสูงทั้งหมด ทั้งผับ บาร์ สถานบันเทิง เพื่อให้สอดคล้องกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยให้ปิดถึงวันที่ 31 พ.ค.นี้

สำหรับการเปิดกิจการ 8 ประเภทนั้น ยังรอข้อกำหนดการจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เพื่อให้เปิดพร้อมกันทั่วประเทศ ลดความแออัดและการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด เช่น กรณี กทม.ประกาศเปิดก่อน อาจทำให้มีคนจาก จ.นนทบุรี เข้ามาตัดผมใน กทม.ได้ ส่วนการจำหน่ายสุรา ต้องรอการพิจารณาในหลักการจากรัฐบาลก่อน และ กทม.จะประกาศมาตรการต่อไป

ร้านอาหาร ที่นั่งห่าง 1.5 เมตร งดบุฟเฟ่ต์ งดทานเป็นครอบครัว

ในส่วนของร้านอาหารที่ไม่ได้อยู่ในห้างสรรพสินค้า ต้องปฏิบัติตามข้อแนะนำ ได้แก่ คัดกรองอุณหภูมิพนักงานและลูกค้าทุกคน, จัดระยะห่างของที่นั่งอย่างน้อย 1.5 เมตร, งดให้บริการให้ลูกค้าประกอบอาหารที่โต๊ะ เช่น ชาบู สุกี้ ปิ้งย่าง แต่สั่งแบบสำเร็จแล้วมารับประทานได้, งดให้บริการในลักษณะตักเอง หรือบุฟเฟ่ต์ แต่สามารถให้บริการที่สั่งจากรายการอาหารได้, งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดและงดดื่มในร้าน, งดการเล่นดนตรีหรือแสดงสด, จัดให้มีแผ่นใส หรือฉากกั้นอาหาร, จัดจุดล้างมือ หรือเจลล้างมือที่จุดเข้า-ออกร้านอาหาร รวมถึงต้องทำความสะอาดทุกชั่วโมง หากไม่สามารถทำได้ ให้งดให้บริการสุขา นอกจากนี้ต้องทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครั้งเมื่อลูกค้าใช้ และทำความสะอาดพื้น ราวจับ ลูกบิด เคาท์เตอร์อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง

ส่วนร้านอาหารที่ติดเครื่องปรับอากาศ ต้องระบายอากาศทุก 2 ชั่วโมง และมีมาตรการทำความสะอาดภาชนะ ขณะที่การรอคิวอาหารต้องมีการเว้นระยะห่างลูกค้า 1.5 เมตร โดยร้านค้าต้องมีสัญลักษณ์จุดยืนให้ลูกค้า ส่วนผู้ให้บริการ หรือพนักงานต้องรวบผม ใส่ถุงมือ สวมหน้ากากและเฟซชิลด์ หากที่มีอาการป่วยให้หยุดปฏิบัติงานแล้วไปพบแพทย์ ซึ่งผู้ปรุงอาหารและพนักงานต้องล้างมือทุกครั้งก่อนทำอาหารและเสิร์ฟอาหาร พนักงานต้องเว้นระยะในการผู้คุยกับลูกค้า นอกจากนี้ ขอความร่วมมือไม่รับประทานอาหารเป็นครอบครัว เพราะต้องปฏิบัติตามมาตรการ โดยให้ซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านและย้ำว่ามาตรการนี้ไม่รวมร้านอาหารในซูเปอร์มาเก็ต

ตั้งแผงค้าห่าง 1.5 เมตร-สวมหน้ากากทุกคน

มาตรการดูแลตลาดให้จัดเว้นระยะห่างระหว่างผู้ใช้บริการ และมีจุดคัดกรองสำหรับผู้เข้ามาใช้บริการจุดทางเข้าตลาด รวมทั้งจุดล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าพื้นที่ การจัดแผงค้าให้มีระยะห่างกันมากกว่า 1.5 เมตร และทำความสะอาดตลาดด้วยน้ำยาที่ถูกต้อง รวมทั้งทำความสะอาดส้วมในตลาดให้ได้มาตรฐาน และเน้นย้ำให้ทุกคนสวมหน้ากากตลาดเวลา งดเปิดบริการเครื่องเล่นในตลาด เช่น ม้าหมุน บ้านบอล ส่วนอาหารปรุงสำเร็จในตลาด ให้ทำฉากกั้นเพื่อป้องกันละอองไอจามไปสัมผัสอาหาร ย้ำว่าการออกประกาศนี้ให้มีการบังคับใช้มาตรการตามกฎหมาย เพื่อให้ตลาดได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ

บริการเฉพาะ "ตัด-สระ-ไดร์"

ร้านเสริมสวยให้บริการได้เพียง ตัด สระ ไดร์ เท่านั้น ต้องมีการคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้ารับบริการ ไม่ให้มีพื้นที่นั่งคอยในร้าน และให้ทำนัดก่อนใช้บริการ รวมทั้งจัดจุดล้างมือและเจลแอลกอฮอล์บริการ โดยต้องเปิดเป็นรอบ รอบละไม่เกิน 2 ชั่วโมง และต้องพักทำความสะอาดไม่ต่ำกว่า 20 นาที โดยอ้างอิงจากเวลาการตัดผมของผู้ชาย 2 คน ผู้หญิง 1 คน ให้เจ้าของร้านลงเวลาทำความสะอาดไว้เป็นหลักฐานด้วย ส่วนการจัดเก้าอี้ทำผมให้ห่างกัน 1-2 เมตร ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ร่วมกันด้วยแอลกอฮอล์ 70% ทุกครั้งหลังมีผู้ใช้บริการ และต้องจดบันทึกผู้มาใช้บริการทุกคนสำหรับกรณีผู้มาใช้บริการติดเชื้อจะได้ตรวจสอบได้

ขณะที่ผู้ให้บริการต้องใส่หน้ากากและใส่เฟซชิลด์ด้วย งดเว้นการตัดขนจมูก แคะหู ล้างตา นวด แคะ แกะ เกา จับใบหน้าของผู้ใช้บริการระหว่างสระผม ผู้ใช้บริการต้องใช้หน้ากากกันสเปรย์ โดยหน้ากากต้องทำความสะอาดทุกครั้ง ย้ำว่าทั้งพนักงานและผู้ใช้บริการห้ามรับประทานอาหารในร้านเด็ดขาด

"สนามกอล์ฟ" งดการแข่งขัน

โรงพยาบาล สถานพยาบาล และคลินิก ซึ่งไม่รวมคลินิกเสริมความงาม หรือคลินิกลดน้ำหนัก ต้องรอมาตรการจากกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้มีมาตรการเดียวกันในการป้องกัน COVID-19 ส่วนสนามกอล์ฟและสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ ให้มีการคัดกรองวัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง 1.5 เมตรในพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน หรือ คลับเฮ้าส์ และให้มีการเข้า-ออกทางเดียว ขณะที่ร้านอาหารให้ใช้มาตรการเดียวกันกับร้านอาหารที่กล่าวไปแล้ว ให้งดกิจกรรมรวมกลุ่มระหว่างการเล่น ห้ามจัดแข่งขันทุกประเภท ทั้งรายการและบุคคล ทำความสะอาดพื้นที่ ห้องน้ำ และให้บันทึกชื่อ เบอร์โทรศัพท์ วัน เวลา ผู้รับบริการทุกคนและมีการนัดคิวก่อนใช้บริการ ส่วนพนักงานต้องใส่หน้ากากและใส่เฟซชิลด์ แคตดี้ต้องทำความสะอาดรถกอล์ฟโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อและวิธีการที่ถูกต้อง และต้องอยู่ห่างลูกค้าอย่างน้อย 1.5 เมตร ห้ามพนักงานหรือแคตดี้รวมกลุ่มกัน

เปิด 3 สนามกีฬา วิ่ง เทนนิส แบด - สวนสาธารณะงดรวมกลุ่ม

สนามกีฬาสามารถเปิดได้ 3 ประเภทก่อน คือ สนามวิ่ง สนามเทนนิส และสนามแบดมินตัน โดยอาจจะมีการอนุมัติเปิดเพิ่มต่อไป สำหรับมาตรการต้องมีจุดคัดกรอง เว้นระยะห่าง 1.5 เมตรในพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน และให้มีการเข้า-ออกทางเดียว ห้ามจัดการแข่งขันหรือรวมกลุ่มกัน จำกัดจำนวนผู้เล่นต่อสนาม ห้ามมีผู้ชม จัดให้มีการบันทึกชื่อ เบอร์โทรศัพท์ วัน เวลา ผู้รับบริการทุกคน และมีการนัดคิวก่อนใช้บริการ สวนสาธารณะทั้งของรัฐและเอกชน ต้องมีจุดคัดกรอง มีเจลแอลกอฮอล์ จำกัดทางเข้า-ออก ต้องเว้นระยะห่าง ต้องมีการออกกำลังกายที่ไม่รวมกลุ่ม เช่น วิ่ง แบดมินตัน เดิน ขี่จักรยานต์ งดเว้นการออกกำลังกายแบบรวมกลุ่ม เช่น เต้นแอโรบิก รำมวยจีน ไทเก๊ก บาสเกตบอล ฟุตบอล งดเล่นเครื่องออกกำลังกายในสวมสาธารณะ งดเว้นการจับกลุ่มนั่งคุยกัน และกำหนดให้มีการทำความสะอาดห้องน้ำ

"ตัดขนสุนัข" ต้องนัดล่วงหน้า-จัดรอบบริการ

สถานที่สุดท้าย คือ ร้านตัดขนสุนัข จัดให้มีการคัดกรองผู้มาใช้บริการ งดให้บริการผู้มาใช้บริการแบบวอล์กอิน ให้มีการนัดหมายล่วงหน้า จัดเจลแอลกอฮอล์ และกำหนดให้มีการบริการเป็นรอบ ๆ ละ 2 ชั่วโมง และพักทำความสะอาดไม่ต่ำกว่า 20 นาที ให้ทำตารางลงเวลาไว้เป็นหลักฐาน ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกัน และจัดให้มีการบันทึกชื่อ เบอร์โทรศัพท์ วัน เวลา ผู้รับบริการทุกคน โดยต้องมีการซักประวัติเสี่ยง COVID-19 เจ้าของสัตว์ทุกคน

“กทม.ต้องประกาศในวันนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมพร้อมในการเปลี่ยนแปลงมาตรการ เมื่อ ศบค.กำหนดวันที่ชัดเจนแล้ว จะได้สามารถดำเนินการได้ทันที โดยมติให้อำนาจผู้ว่าฯ กทม. ได้ออกประกาศทันที หากมีการกำหนดจาก ศบค.ที่ชัดเจน”

สำหรับการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หาก ศบค.ให้งดจำหน่ายต่อ กทม.ก็จะให้งดจำหน่ายต่อเช่นเดียวกัน แต่หาก ศบค.อนุญาตให้จำหน่าย กทม.จะมีการพิจารณาเร่งด่วนอีกครั้งเพื่อออกประกาศต่อไป แต่ต้องการให้ดำเนินการสอดคล้องกับภาพรวมทั่วประเทศ

ทั้งนี้ สถานประกอบการที่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามข้อบังคับที่ประกาศมานั้น โดยหน่วยงานจะลงพื้นที่ให้คำแนะนำก่อนเพื่อให้ทำตามมาตรการได้ แต่หากตรวจสอบพบว่าจงใจฝ่าฝืนมาตรการจะดำเนินการสั่งปิดต่อไป