Skip to main content
sharethis

ศูนย์วิจัยอสังหาฯ ระบุ ถ้า 20 อภิมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์สินถึง 3.5 ล้านล้าน หากเสียภาษีที่ดิน สามารถแจกเงิน 5,000 บาท ให้คนจนได้ 4.2 ล้านคน และขอรัฐเปิดเผยชื่อคนที่ได้รับ 5,000 บาทเพื่อความโปร่งใส

29 เม.ย. 2563 วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส โดยระบุว่า โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) กล่าวว่าในบรรดาเศรษฐีไทย 20 อันดับแรกนั้น หากนำทรัพย์สินทั้ง 20 กลุ่มนี้มารวมกัน จะมีมูลค่าสูงถึง 3,538,404 ล้านบาท หรือมากกว่างบประมาณแผ่นดินไทย พ.ศ.2563 ที่ 3.2 ล้านล้านบาท อยู่ถึง 11% เลยทีเดียว 

ในที่นี้ไม่มีข้อมูลทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ระบุไว้ แต่หากสมมติว่าอภิมหาเศรษฐี 20 ท่านนี้มีทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 30% ของทรัพย์สินทั้งหมด  อสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นก็ควรมีมูลค่าประมาณ 1,061,521 ล้านบาทหรือประมาณหนึ่งในสามของงบประมาณแผ่นดินไทย และหากอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นเสียภาษีตามมาตรฐานสากล เช่นในสหรัฐอเมริกา เสียประมาณ 1-3% ของมูลค่าตลาด โดยในที่นี้สมมติให้เสียที่ 2% ของมูลค่าตลาด ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พึงเก็บได้จากอภิมหาเศรษฐี 20 รายนี้ ก็ควรเป็นเงินปีละประมาณภ 21,230 ล้านบาท

ในขณะที่ประเทศชาติมีปัญหารุมเร้าหนักจากโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งแม้จะไม่ร้ายแรงอะไร แต่ก็ทำให้เกิดความปริวิตกเป็นอย่างมาก จนกระทั่งรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือด้วยการแจกเงินบุคคลที่มีอาชีพอิสระหรือได้รับผลกระทบโดยตรงรายละ 5,000 บาท  ดังนั้นเงินจำนวนนี้ จะสามารถแจกประชาชนได้ถึง 4,246,000 ราย หรือราวหนึ่งในสี่ของ 16 ล้านคนที่รัฐบาลคิดจะแจกตามเป้าหมาย

ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังกล่าวถึงระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า เป็นสิ่งที่ควรมีไว้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในประเทศ และผู้ได้เปรียบในสังคม ก็ควรแบ่งปันเพื่อคนที่เสียเปรียบ สังคมจะได้ไม่เกิดกลียุค คนรวยก็จะสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้โสภณยังให้ความเห็นว่า เพื่อความโปร่งใส รัฐบาลควรเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับเงินจากรัฐบาลคนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนตามมาตรการช่วยเหลือของรัฐในช่วงระบาดของไวรัสโควิด-19 ประชาชนจะได้ทราบชัดเจนว่ามีการแจกจริงตามที่อ้าง  ที่ผ่านมารัฐบาลอ้างว่ามีระบบ Artificial Intelligence (AI) แต่ระบบดังกล่าวก็มีความผิดพลาดมากมาย เช่น แจกเงินให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจด้วย เป็นต้น  รัฐบาลจึงควรเปิดเผยรายชื่อ สังคมจะได้ร่วมกันตรวจสอบว่าในหมู่บ้าน ชุมชนใด มีผู้ใดได้รับเงินบ้าง โดยให้ระบบสามารถค้นหาชื่อและนามสกุลได้โดยตรง

โสภณ กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า บางท่านอาจให้ความเห็นว่าเป็นความลับส่วนบุคคล แต่การได้รับเงินจากทางราชการนี้ ไม่ใช่ความลับ ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติส่วนตัว จึงพึงเปิดเผยเพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยไม่ต้องกลัวโจรปล้นเพราะเป็นเงินจำนวนน้อย ไม่ต้องกลัวเจ้าหนี้ เพราะเงินดังกล่าวนี้เพื่อการยังชีพเฉพาะหน้า และหากมีเจ้าหนี้ใดมาทวงหนี้ผิดกฎหมายในช่วงนี้ ก็สามารถร้องเรียนกับทางราชการได้อยู่แล้ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net