Skip to main content
sharethis

3 พ.ค. 2563 ศบค. แถลงไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 3 คน รวมผู้ติดเชื้อสะสม 2,969 คน ไม่มีผู้เสียชีวิต รวมผู้เสียชีวิตสะสม 54 คน รักษาหาย 7 คน รักษาหายสะสม 2,739 คน ยะลายืนยันติดเชื้อเพิ่ม 40 คน รอผลตรวจซ้ำก่อนส่งข้อมูล ศบค.

3 พ.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 ว่า ในวันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 3 คน ยอดติดเชื้อสะสม 2,969 คน รวมหายป่วยแล้ว 2,739 คน เสียชีวิตรวม 54 คน รักษาใน รพ. 176 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม

ศบค.สั่งทวนสอบข้อเท็จจริง กรณีรายงานพบผู้ติดเชื้อที่ จ.ยะลา โดยตรวจเชิงรุกในพื้นที่ 8 อำเภอ จ.ยะลา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา รายงานการตรวจ 311 คน ผลตรวจเบื้องต้นผลลบ 271 คน ผลยืนยันเบื้องต้น 40 คน

เมื่อตรวจลงดูรายอำเภอ มีข้อสงสัยว่า ผลตรวจพบเชื้อไวรัส COVID-19 พบว่า สูงกว่าร้อยละ 30.77 ซึ่งมากผิดปกติ น่าสงสัยว่ากระบวนการตรวจโดยปกติ อยู่ที่ร้อยละ 2-3 ไม่เกินร้อยละ 5 จึงนำมาวิเคราะห์ และสรุปโดยฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้ทวนชุดข้อมูลอีกครั้ง

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ขอเวลาในช่วงวันนี้จะเข้าเก็บตัวอย่างอีกครั้ง ผู้ที่ตรวจจะถูกแยกกัก และจากนั้นจะตรวจซ้ำในระดับที่น่าเชื่อถือได้ และจะนำไปสู่การสอบสวนโรคเพิ่มเติมอีก

“วันนี้ขอยืนยันผู้ป่วยรายใหม่ที่ 3 คน ขณะที่ตัวเลข 40 คน จะไม่มีการปกปิดแต่อย่างใด”

นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า 36 จังหวัด มีรายงานผู้ป่วย ในรอบ 28 วัน และ 32 จังหวัดไม่มีรายงานผู้ป่วยในช่วง 28 วัน มี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.สกลนคร และจ.สุรินทร์ ที่ดีขึ้น และ 9 จังหวัดไม่มีรายงานผู้ป่วยมาก่อน

ส่วน สถานการณ์โลก พบผู้ป่วยยืนยัน 3,484,176 คน รักษาหาย อาการหนัก 50,858 คน รักษาหาย 1,120,930 คน เสียชีวิต 244,778 คน 3 อันดับ พบผู้ป่วยรายใหม่สูงสุด คือ สหรัฐฯ รัสเซีย และบราซิล

“การเสียชีวิตอันดับ 1 คือ สหรัฐฯ 1,668 คน อังกฤษ 621 และอิตาลี 474 จำนวน ขณะที่อินเดีย เมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) เสียชีวิต 100 คน”

อย่างไรก็ตาม องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนทั่วโลกคลายล็อกอย่างช้าๆ เตรียมรับ COVID-19 พุ่งขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในเรือนจำ ที่พักแรงงานต่างชาติ และให้ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัส COVID-19 ต่อไป

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า วันนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับ 3 เที่ยวบิน สเปน สิงคโปร์ รัสเซีย รวม 200 เศษ พรุ่งนี้ (4 พ.ค.) จะเป็นมัลดีฟท์ และฮ่องกง เดินทางกลับมาแล้ว 3,981 คน จาก 23 ประเทศ คนไทยเดินทางเข้ามาทางบกเมื่อวาน 590 คน

สำหรับการกระทำความผิด วันที่ 2 พ.ค.ชุมนุมมั่วสุม 107 คน เพิ่ม 32 คน ออกนอกเคหะสถาน 554 คน เพิ่มขึ้น 4 คน อันดับสุดเล่นพนัน ดื่มสุรา และเสพยาเสพติด

สธ.ห่วงคนแห่กลับภูมิลำเนา ย้ำกักตัวอยู่บ้าน

นพ.บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่าในช่วงวันที่ 1-2 พ.ค.ที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับต่างจังหวัด ซึ่งน่าเป็นห่วง โดยระดับการระบาดของ COVID-19 หรือ RT น้อยกว่า 1 ระดับการหายเร็วกว่าการแพร่ และ RT มากกว่า 1 ระดับการแพร่เร็วกว่าหาย ยกตัวอย่าง พบว่า จ.นนทบุรี มีอัตราต่ำกว่า 1 ส่วน จ.ภูเก็ต จ.ชลบุรี จ.สงขลา จ.เชียงใหม่ มากกว่า 1

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางข้ามจังหวัดก็มีโอกาสเสี่ยงแพร่เชื้อ ขอให้คงมาตรการกักตัว ขณะที่ 6 กิจการผ่อนปรนให้เปิดบริการ ได้แก่ ร้านจำหน่ายอาหาร ตลาด กิจการค้าปลีก-ส่ง กีฬาสันทนาการบางส่วน ร้านตัดผม และอื่น ๆ

ขณะนี้ RT ในประเทศไทยอยู่ที่ 0.31 แต่ห่วงว่ากราฟตัวนี้จะเพิ่มขึ้น ซึ่งความเสี่ยงในช่วง 14 วันหลังจากนี้ โดยเฉพาะการแพร่เชื้อให้กับคนในบ้าน ร้อยละ 41.53 และการไปในสถานที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด ห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 2.81

สำหรับหลักการป้องกันควบคุมโรคของผู้ประกอบการ ได่แก่ คัดกรองไข้ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และมาตรการเสริม เช่น แอพพลิเคชั่นของคิวลดแออัด ยกตัวอย่างเมื่อล้างมือ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ ก่อนหยิบของก็จะช่วยให้โอกาสแพร่เชื้อลดลง

นอกจากนี้ กรมอนามัยจัดทำแอพพลิเคชั่น Clean Together โดยให้เช็คลิสต์หลักเกณฑ์ว่าดำเนินการตามมาตรฐานหรือไม่ โดยให้ประชาชนช่วยตรวจสอบ เช่น การสวมหน้ากาก จุดเจลแอลกอฮอล์ การเว้นระยะ

ตร.จัดสายตรวจดูแลผ่อนปรน เน้นดื่มสุรา-เดินทางข้ามจังหวัด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากมีมาตรการผ่อนปรนให้กิจการและกิจกรรมบางประเภทสามารถดำเนินการได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ตำรวจจะจัดชุดตรวจ ร่วมกับทหาร ฝ่ายปกครอง และสาธารณสุข เป็นชุดสายตรวจร่วม ปฏิบัติตรวจสถานที่ที่ได้รับการผ่อนปรน ช่วงเวลานอกเคอร์ฟิว 1,483 ชุด และจัดชุดสายตรวจร่วมช่วงเวลาเคอร์ฟิว 1,515 ชุด หากพบการปฏิบัติที่ฝ่าฝืนนอกเหนือจากกฎหมายที่กำหนดไว้ ก็ให้ดำเนินการตามแนวทางข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และคณะกรรมการควบคุมโรคของแต่ละจังหวัดต่อไป

การผ่อนปรนตามข้อกำหนดต่าง ๆ มีอำนาจในการออกคำสั่งของแต่ละจังหวัด เช่น บางจังหวัด มีคำสั่งห้ามจำหน่ายสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การกำหนดระยะเวลาในการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละจังหวัด จึงขอให้ประชาชนติดตาม รับฟัง ข้อมูลข่าวสารจากทางจังหวัด และปฏิบัติตนตามข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งที่เกี่ยวข้องของจังหวัดนั้น ๆ เพื่อเป็นการป้องกันโรค COVID-19

และขอความร่วมมือให้งดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ยกเว้นมีเหตุผลความจำเป็น และมีหลักฐานพอสมควร ที่จะต้องไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ โดยแม้จะมีเหตุผลและหลักฐานดังกล่าว จะต้องถูกดำเนินการตามขั้นตอน เช่น การตรวจค้นคัดกรอง ระหว่างเดินทาง (จังหวัดระหว่างทางที่ผ่านจะไม่มีการกักตัว เว้นแต่ ตรวจแล้วมีไข้ ก็ต้องนำส่งโรงพยาบาล) เมื่อไปถึงปลายทาง ก็ต้องถือปฏิบัติตามแนวทางที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดกำหนดต่อไป

ยะลายืนยันติดเชื้อเพิ่ม 40 คน คาดรู้ผลตรวจซ้ำวันนี้ ก่อนส่งข้อมูล ศบค.

นพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา แถลงถึงผลตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ใน จ.ยะลา เพิ่ม 40 คน หลังมีการใช้มาตรการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกว่า ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา พุ่งเป้าค้นหาคัดกรอง ตรวจเชื้อ COVID-19 ในกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาจากต่างประเทศมาเลเชีย อินโดนีเชีย ปากีสถาน ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเชีย ผู้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาในพื้นที่ ผู้ที่ร่วมกิจกรรมฮาลาเกาะห์ กลุ่มเสี่ยงหมู่บ้านที่ปิดพื้นที่ ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อยืนยัน ผู้ที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯและต่างจังหวัด กลุ่มในพื้นที่กักตัวและเป้าหมายอื่นๆ รวม 3,277 คน 

พบผู้ติดเชื้อยืนยันจำนวน 20 คน จึงได้ตรวจสอบความเชื่อมโยงจากผู้ติดเชื้อยืนยัน ปรากฏว่าพบผู้ติดเชื้อยืนยันจำนวน 40 คน ซึ่งสูงมากผิดปกติ ซึ่งเป็นข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันสูงสุด ตั้งแต่มีการรายงานของ จ.ยะลา จึงเป็นข้อสังเกตให้มีการดำเนินการเก็บส่งตรวจหาเชื้อใหม่ ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดสงขลา คาดได้รับผลเย็นวันนี้ (3 พ.ค.)

เจ้าหน้าที่สอบสวนโรคจากทั้ง 40 คน คือ กลุ่ม 24 คน กลุ่ม Local Quarantine กลับจากมาเลเซียพบติดเชื้อ 3 คน ซึ่งทุกคนไม่มีอาการ และ 2 คนกลับจาก กทม. แต่ต้องสอบสวนโรคก่อน

ตัวเลขติดเชื้อ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์จากตัวอย่างที่ตรวจเจ้าหน้าที่จะทำไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อ 24 คน ใน อ.ยะหา เพื่อติดตามต้นเหตุและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด แต่หมู่บ้านดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เคยพบการระบาดแล้ว

นพ.สงกรานต์ กล่าวว่า เมื่อ (2 พ.ค.) พบผู้ติดเชื้อ 40 คน ส่วนหนึ่งเป็นมาตรการค้นหาเชิงรุก หลังจากช่วงเดือน เม.ย.พบผู้ป่วย 100 กว่าคน เช่น ผู้ร่วมกิจกรรมทางศาสนาจากต่างประเทศและในพื้นที่ การสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ

ส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อในชุมชนที่ยะหาเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศและติดเชื้อในชุมชน ต้องสอบสวนอย่างละเอียดเป็นงานหนักมากเพื่อควบคุมโรคให้ได้ เพราะ 1 คน ต้องหาคนสัมผัสให้ได้อย่างน้อย 10 คน หรือ 24 คน เท่ากับ 240 คน

“จากการตรวจเชิงรุกและพบจำนวนมาก เพื่อป้องกันและควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว ห่วงกลุ่มเด็กเล็กที่อาจไปเล่นกับเพื่อน เนื่องจากไม่มีอาการและอาจแพร่เชื้อกับผู้อื่น”

ส่วนบรรยากาศที่หมู่ 2 บ้านบาโงซิแน อ.ยะหา ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 มากที่สุด 16 คน จากจำนวนผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ COVID-19 ทั้ง 6 หมู่บ้าน ที่บ้านบาโงซิแน จำนวน 23 คน เจ้าหน้าที่ยังคงปิดกั้นเส้นทางเข้าหมู่บ้านทั้งหมด เพื่อป้องกันการระบาดของ COVID-19

นายรอซี นือเรง อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 กล่าวว่า การระบาดในหมู่บ้าน อาจเกิดจากผู้ที่เดินทางกลับจากการประกอบกิจกรรมทางศาสนาในมาเลเซียเดินทางกลับ แต่ขณะนี้ไม่ได้แสดงอาการใดใด จนกระทั้งผ่านมา 14 วันก็พบว่าติดเชื้อ และคนในครอบครัวก็ติดเชื้ออีกหลายคน ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเข้าเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งบุคคลใกล้ชิดจนพบผู้ติดเชื้อจำนวน 16 คน

ขณะที่ชาวบ้านหลายคนในหมู่ 2 ยอมรับว่า หลังการพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในหมู่บ้าน ทำให้หลายคนกังวลอย่างมาก จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างละเอียดทุกคน ซึ่งขณะนี้ในหมู่บ้านก็ได้งดทุกกิจกรรม

ก่อนหน้านี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศบค.) กล่าวว่า จากผลยืนยันเป็นบวก 40 คน พบข้อสงสัยว่าบางอำเภอผู้ติดเชื้อสูงกว่าร้อยละ 30.77 ซึ่งมากผิดปกติ ซึ่งน่าสงสัยว่ากระบวนการตรวจโดยปกติ อยู่ที่ร้อยละ 2-3 ไม่เกินร้อยละ 5 จึงจำเป็นต้องทวนชุดข้อมูลก่อนอีกครั้ง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขอเวลาในช่วงวันนี้จะเข้าเก็บตัวอย่างอีกครั้ง ผู้ที่ตรวจจะถูกแยกกัก และจากนั้นจะตรวจซ้ำในระดับที่น่าเชื่อถือได้ และจะนำไปสู่การสอบสวนโรคเพิ่มเติมอีก วันนี้ขอยืนยันผู้ป่วยรายใหม่ที่ 3 คน ขณะที่ตัวเลข 40 คน จะไม่มีการปกปิดแต่อย่างใด

ที่มาเรียบเรียงจาก: Thai PBS [1] [2] [3] [4]


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net