Skip to main content
sharethis

เครือข่ายสิ่งแวดล้อมกลุ่มชาติพันธุ์ 5 องค์กร ออกแถลงการณ์คัดค้านร่างกฎหมายลำดับรองจากกรมอุทยานแห่งชาติฯ 7 ฉบับ เหตุกระทบสิทธิใช้ทรัพยากร และกระทบชุมชนที่ถูกอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าประกาศทับที่ แถมกรมอุทยานฯ ดำเนินการร่างกฎหมายฝ่ายเดียว ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่มีส่วนร่วมทั่วถึง โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด-19 ระบาด

แฟ้มภาพเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย สำรวจทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าบริเวณป่า กิ่วผักฮี้ – ป่าคอกปู่เหล็ก ต.แม่นาเติง อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ภาพเผยแพร่ 30 เมษายน 2563 (ที่มา: สวท.แม่ฮ่องสอน)

 

เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์นำโดย เครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง สมาคมม้ง เครือข่ายตระกูลม้งในประเทศไทย เครือข่ายลีซูแห่งประเทศไทย และศูนย์กฎหมายสิทธิชุมชน ออกแถลงการณ์ "คัดค้านการออกกฎหมายลำดับรอง ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562" ในช่วงที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช จัดแสดงความคิดเห็นออนไลน์ ต่อร่างกฎหมายลำดับรอง 7 ฉบับ ประกอบ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีรายละเอียดดังนี้

แถลงการณ์ คัดค้านการออกกฎหมายลำดับรอง
ตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562

ตามที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้จัดทำร่างกฎหมายลำดับรองประกอบ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จำนวน 7 ฉบับเสร็จแล้ว พร้อมทั้งได้ออกประกาศเชิญประชาชนและผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายลำดับรองดังกล่าว โดยกำหนดให้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในเว็บไซต์ของกรมอุทยานฯ ระหว่างวันที่ 8 – 25 เมษายน 2563 นั้น เครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง พร้อมด้วยองค์กรที่มีรายชื่อแนบท้าย ขอคัดค้านการออกกฎหมายลำดับรองทั้ง 7 ฉบับดังกล่าว พร้อมทั้งขอเรียกร้องต่อกรมอุทยานฯ ดังต่อไปนี้

1. พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มีเนื้อหาที่กระทบต่อสิทธิในการใช้ที่ดิน และทรัพยากรของบุคคล และชุมชนที่อยู่อาศัย และทำกินโดยชอบธรรม ในพื้นที่ที่ถูกประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งไม่ได้มีเพียงชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงชุมชนของคนทั่วไปทั้งประเทศ รวม 2,243,943 ไร่

2. กรณี พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 64 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 121 บัญญัติให้กรมอุทยานฯ สำรวจการถือครองที่ดินของประชาชนให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัติทั้งสองฉบับใช้บังคับนั้น พบว่าในข้อเท็จจริงการสำรวจพื้นที่ตามกฎหมายดังกล่าวนี้ ยังคงมีปัญหา อีกทั้งไม่มีการเปิดเผยข้อมูลผลการสำรวจ และตรวจสอบคุณสมบัติ ให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับทราบโดยทั่วถึง

3. ในการดำเนินการยกร่างกฎหมายลำดับรองทั้ง 7 ฉบับ ดังกล่าวนี้ กรมอุทยานฯ ดำเนินการแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีกระบวนการให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบได้มีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง อีกทั้งเนื้อหาของร่างกฎหมายลำดับรองดังกล่าว ได้ละเมิดสิทธิในที่ดิน และทรัพยากรของประชาชนที่อยู่อาศัย และทำกินในเขตป่านั้น ๆ โดยชอบธรรม ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิทธิในการใช้ที่ดิน และทรัพยากรอย่างมาก

4. การเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายลำดับรอง ในช่วงที่ประชาชนกำลังเผชิญกับวิกฤติ โรคโควิด-19 ระบาด แสดงถึงเจตนาที่ไม่โปร่งใส และต้องการฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติครั้งนี้ กล่าวคือประเทศไทยเริ่มตื่นตัวกับการระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 หลังจากนั้นทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ต่างเฝ้าระวัง และมีการใช้มาตรการต่าง ๆ รับมืออย่างเข้มข้น ต่อมานายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม 2563 แต่กรมอุทยานฯ กลับออกประกาศให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นได้ในระหว่างวันที่ 8–25 เมษายน 2563 เท่านั้น

เครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง พร้อมด้วยกลุ่มและองค์กรที่มีรายชื่อแนบท้ายนี้ จึงใคร่ขอเรียกร้องให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยุติการดำเนินการออกกฎหมายลำดับรองดังกล่าวทั้งหมด และรอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ แล้วจึงพิจารณาดำเนินการใหม่ทั้งหมด โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางทั้งกระบวนการ

ด้วยความเคารพ

รายชื่อองค์กรที่ร่วมสนับสนุน

เครือข่ายสิ่งแวดล้อมม้ง
สมาคมม้ง
เครือข่ายตระกูลม้งในประเทศไทย
เครือข่ายลีซูแห่งประเทศไทย
ศูนย์กฎหมายสิทธิชุมชน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net