Skip to main content
sharethis

ภาพจากเฟสบุ๊ค Chao Meekhuad

7 พ.ค. 2563 สืบเนื่องจากกรณีที่ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้ตรวจสอบ ไต่สวน และเอาผิดกับ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย จากกรณีที่มีการนำเสนอข้อมูลบิดเบื้อนว่า การเรียกร้องของกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ในจังหวัดพิษณุโลก ที่เรียกร้องความชัดเจนกรณีการเบิกจ้ายเบี้ยเลี้ยงผู้ปฏิบัติงานตามจุดตรวจคัดกรอง ว่าเป็นข่าวที่บิดเบือนนั้น

อะไรปลอมกันแน่? ศรีสุวรรณเตรียมยื่นสอบศูนย์เฟคนิวส์ หลังพบทำข่าวจริงเป็นข่าวปลอม

ล่าสุดเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว ระบว่า ศูนย์ต้านเฟคนิวส์ ต้องน่าเชื่อถือเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อการฟอกตัวของรัฐบาล ศูนย์ต้านข่าวปลอมหรือ Anti-Fake News Center Thailand ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มีพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เจ้ากระทรวง เป็นผู้ผลักดันให้เกิดขึ้น ตกเป็นข่าวอื้อฉาวหลายครั้งในการให้ข้อมูลมั่วเสียเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ข่าวจริงกับประชาชน ต้องปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ แต่ที่ผ่านมาอย่างน้อยสามครั้งแล้วที่เกิดปัญหา ไล่มาตั้งแต่การนำอินโฟกราฟฟิกของเพจไบโอไทยไปตัดต่อกรณีบริโภคผักไฮโดรโปนิกส์เสี่ยงเป็นมะเร็ง กรณีพบโรคอุบัติใหม่ในไทยกาฬโรคม้า ทำม้าตายเฉียบพลัน ก็บอกเป็นข่าวปลอมทั้งที่เป็นเรื่องจริง

เชาว์ ระบุว่า กรณีที่ศรีสุวรรณ จรรยา จะไปยื่นเรื่องร้องเรียน ป.ป.ช. ให้ดำเนินคดีกับพุทธิพงษ์ เพราะศูนย์นี้บิดเบือนข่าว อสม.พิษณุโลก บุกศาลากลางจังหวัดเพื่อยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ทวงเบี้ยเลี้ยงหลังได้รับเงินค่าตอบแทนไม่ครบตามจำนวน 240 บาท โดยได้รับเพียงแค่ 120 บาทเท่านั้น ด้วยการระบุว่าข่าวนี้เป็นข่าวบิดเบือน ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง โดยส่วนตัวจึงเห็นว่าตลอดการทำงานกว่าหกเดือนที่ผ่านมาของศูนย์นี้สอบตก เพราะศูนย์ต้านข่าวปลอมต้องไม่เป็นผู้ปล่อยข่าวปลอมเสียเอง เกิดความผิดพลาดเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงความล้มเหลวในการทำงานที่ไม่สามารถแก้ไขง่ายๆ เพียงแค่คำขอโทษ เพราะก่อนโพสต์ทุกกรณีต้องผ่านการกลั่นกรองอย่างรอบคอบ มีการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบด้านแล้วก่อนที่จะเผยแพร่สู่สาธารณะ

เชาว์ ต้องการให้มีการทบทวนการทำงานของศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ ซึ่งเดิมพุทธิพงษ์ ประกาศหลักการทำงานได้ 7 ข้อ คือ 1. ความเที่ยงธรรมและความปราศจากอคติในการคัดเลือกข่าว 2 . ความเป็นส่วนบุคคลกับสิทธิเสรีภาพของการนำเสนอข่าว 3. การขัดกันด้านผลประโยชน์ และผลประโยชน์ทับซ้อนไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง 4. ให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายที่ถูกพาดพิงและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่าเทียมกัน 5. สามารถอธิบายกระบวนการพิสูจน์ การตรวจสอบแหล่งที่มาของบทความและข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ 6. มีความรู้เกี่ยวกับข่าวนั้นๆ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงในด้านต่างๆ ได้อย่างเปิดเผย ซื่อสัตย์ โปร่งใส และเป็นหน่วยงานที่อิสระ ไม่ขึ้นต่ออิทธิพลของหน่วยงานหรือองค์กรใด แต่ตลอดการปฏิบัติหน้าที่ของศูนย์ดังกล่าว กลับมุ่งเน้นเลือกข่าวที่เป็นลบกับรัฐบาลมาแก้ว่าเป็นข่าวปลอม โดยปราศจากการตรวจสอบอย่างมืออาชีพ จึงเป็นเหตุให้เกิดอาการปืนลั่น เหมือนกรณีกาฬโรคม้า และ อสม.พิษณุโลกทวงคืนเบี้ยเลี้ยง

"รมว.ดิจิทัล ต้องท่องให้ขึ้นใจว่า ทรัพยากรของรัฐ หน่วยงานที่ตั้งขึ้นมา ต้องใช้เพื่อประโยชน์ของรัฐคือประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่ตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่เป็นประโยชน์กับกลุ่มบุคคลในรัฐบาล เพราะพวกท่านทำหน้าที่เข้มแข็งมากเวลาจัดการกับคนที่เห็นต่างกับรัฐบาล แต่เรื่องที่เป็นประโยชน์กับประชาชน การให้ข้อมูลที่ถูกต้องแบบเป็นธรรม กลับละเลยไป จนทำให้กิดความผิดพลาดหลายครั้ง ผมจึงเห็นด้วยที่นายศรีสุวรรณออกมาจัดการยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. เอาผิดกับการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ เพราะจะช่วยกระตุ้นให้ศูนย์ต้านเฟคนิวส์ทำงานอย่างมืออาชีพ ไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกตัวให้รัฐบาล" เชาว์ กล่าว

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net