Skip to main content
sharethis

ไทยมีผู้ป่วย COVID-19 เพิ่ม 5 คน สะสม 3,009 คน รักษาหายสะสม 2,794 คน พบใน จ.ภูเก็ต อีก 4 คนเพิ่งรายงานผล ชี้เป็นพื้นที่เสี่ยงหลังช่วงผ่อนปรนมีคนเดินทาง 10,000 คน | มท.สั่ง ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดเข้มมาตรการกักตัวคนเดินทางจากภูเก็ต | ระดม อสม.1.3 แสนคนตรวจคัดกรองความเครียดประชาชนจาก COVID-19

10 พ.ค.2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงข่าวสถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 ว่า มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 5 คน ผู้ป่วยสะสม 3,009 คน คนรวมหายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,794 คน เสียชีวิตรวม 56 คน และยังมีผู้ป่วยใน จ.ภูเก็ต อีก 4 คนที่ผลแล็บเพิ่งออกมาในเช้าวันนี้ และจะนำไปเป็นตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ของวันพรุ่งนี้ (11 พ.ค.) 

สำหรับผู้ป่วยใหม่ 2 คนแรก มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้าเป็นหญิง 1 คน และชาย 1 คน ส่วนอีก 3 คน เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และเข้ากักตัวใน State Quarantine เป็นผู้ที่เดินทางมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนักศึกษากลับจากปากีสถาน

“ขณะที่ภาพรวมมีคนไทยเข้ากักตัวใน State Quarantine และ Local Quarantine ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.-9 พ.ค.นี้ มีตัวเลขทั้งหมด 15,699 คน กลับบ้านแล้ว 6,229 คน และจำนวนนี้ตรวจพบพบเป็นผู้ป่วยสะสม 90 คน ซึ่งรวมรายใหม่วันนี้ 3 คน”

ภูเก็ตติดเชื้อเพิ่มอีก 4 คน

โฆษก ศบค.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ จ.ภูเก็ต ผลแล็บได้ออกเช้าวันนี้ พบผู้ป่วยใหม่ 4 คน ซึ่งยังไม่รวมกับยอดผู้ป่วยวันนี้ แต่จะรายงานอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ จ.ภูเก็ต ยังเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ต้องจับตา หากใครมีอาการป่วยก็สามารถเข้าตรวจเชื้อ COVID-19 ได้

“ภูเก็ตยังเป็นจังหวัดที่ต้องจับตา เนื่องจากในช่วงผ่อนปรนมีคนเดินทางออกจากภูเก็ตมากกว่า 10,000 คน เป็นแรงงานที่ทำงานที่นั้น”

ดังนั้น หากใครมีอาการป่วยก็สามารถเข้าตรวจเชื้อ COVID-19 ได้ เช่น คัดจมูก จมูกไม่รับกลิ่น มีไข้ มีประวัติเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต ทั้งนี้สามารถคุมตัวเลขได้หลักเดียว เนื่องจากมีระบบป้องกันที่ดี อย่างไรก็ตามภาพรวมการเฝ้าระวังไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็น 6 กลุ่มเสี่ยงคือ ผู้ต้องกัก บุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มอาชีพเสี่ยง พนักงานส่งของ-ไปรษณีย์ ไม่ใช่แค่คนที่เดินทางแล้ว เพราะตอนนี้พ้นระยะเวลา 14 วัน

"เกาหลีใต้" ติดตาม 1,500 หาเชื้อ COVID-19

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ แถลงว่ามีผู้ป่วยรายใหม่ 18 คน และในจำนวน 17 คนมีความเชื่อมโยงกับผู้ป่วยชายวัย 29 ปี ที่มีประวัติเที่ยวคลับและบาร์ย่านอีแทวอนในกรุงโซล ในสัปดาห์ก่อน และมีการติดตามผู้ไปสถานที่ดังกล่าวในวันและเวลาเดียวกันกับที่ผู้ป่วยมา ตรวจสอบแล้วคาดว่าจะมี 1,500 คน แต่จะไม่เปิดเผยรายชื่อและข้อมูลส่วนบุคคล โดยขอให้มาพบเจ้าหน้าที่เพื่อรับการตรวจสอบ พร้อมกันนี้ยังมีการออกคำสั่งปิดคลับและบาร์ไม่มีกำหนด

“ต่อไปจะต้องติดตามคนอย่างไร เช่น กรณีเกาหลีใต้และจีนใช้แอปพลิเคชันในการติดตามและถ้าจะผ่อนปรนระยะที่ 2 อาจต้องใช้แอปพลิเคชันในการติดตามคนป่วยมารักษา”

มท.สั่ง ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เข้มมาตรการกักตัวคนเดินทางจากภูเก็ต 

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ออกโทรสารถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด แจ้งว่า จ.ภูเก็ต อนุญาตให้ประชาชนซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากสภาวะการตกงาน ใน จ.ภูเก็ต เดินทางกลับภูมิลำเนา โดยให้จังหวัดที่เป็นเส้นทางผ่านพิจารณาอำนวยความสะดวกตามความเหมาะสม

สำหรับจังหวัดปลายทางซึ่งเป็นจังหวัดภูมิลำเนาให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรค หากมีกรณีสงสัยให้พิจารณานำเข้าสู่กระบวนการกักกันตัว เนื่องจากสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 พบผู้ติดเชื้อวานนี้ (9 พ.ค.) เป็นผู้เดินทางจาก จ.ภูเก็ต กลับภูมิลำเนา

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท) พิจารณาแล้ว ให้ทุกจังหวัดยังคงดำรงความสำคัญในการปฏิบัติในเรื่องของการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยการกักกันตัวเพื่อสังเกตอาการ ณ จังหวัดภูลำเนาหรือจังหวัดปลายทางในการเดินทางตามแนวปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข

ระดม อสม.1.3 แสนคนตรวจคัดกรองความเครียดประชาชนจาก COVID-19

นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า รพ.จิตเวชฯและศูนย์สุขภาพจิตที่ 9 ได้จัดประชุมทางไกลเครือข่ายบริการสุขภาพจิตในพื้นที่ 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ประกอบด้วย นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เพื่อปรับแผนบริการสุขภาพจิตในภาวะเร่งด่วน ป้องกันผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเน้นหนัก 2 มาตรการ คือ 

1.การดูแลป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยจิตเวชรายเก่าขาดยา เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และลดภาระให้ครอบครัวให้มากที่สุด 2.การเฝ้าระวังป้องกันปัญหาสุขภาพจิตตามนโยบายของอธิบดีกรมสุขภาพจิต โดยใช้พลังของ อสม.ซึ่งในพื้นที่ 4 จังหวัด มีประมาณ 130,000 คน ทำการตรวจคัดกรองความเครียดประชาชนทุกหมู่บ้านและชุมชนตามมาตรฐานของกรมสุขภาพจิต เพื่อนำผู้ที่มีปัญหาเข้าสู่ระบบการดูแลช่วยเหลือทางจิตใจโดยเร็วที่สุด เนื่องจากความเครียดเป็นปัญหาสุขภาพจิตเบื้องต้นที่จะนำไปสู่การเจ็บป่วยทางจิตในระยะยาวได้

สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งนี้ ขอให้ดูแลสุขภาพทั้งกายและใจ โดยเฉพาะด้านพลังใจนั้น ถือว่าเป็นกำลังภายในที่มีความสำคัญมากต่อการรับมือ ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับตัว ปรับใจ เพื่อต่อสู้กับอุปสรรคความยากลำบากที่เกิดขึ้นในชีวิตขณะนี้ และกลับมาฟื้นตัวดำเนินชีวิตต่อไปได้

ที่มาเรียบเรียงจาก: Thai PBS [1] [2] | สำนักข่าวไทย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net