รังสิมันต์ โรม ทวงสัญญา ผบ.ทบ. ที่เคยบอกว่าจะปฏิรูปกองทัพหลังเหตุกราดยิงที่โคราช ผ่านไป 3 เดือน ไม่เห็นความคืบหน้า

12 พ.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านนเฟสบุ๊คแฟนเพจ 'Rangsiman Rome - รังสิมันต์ โรม' ทวงถามความคืบหน้าผลดำเนินการปฏิรูปกองทัพจาก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้ประกาศเอาไว้เมื่อ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านมาแล้ว 90 วัน 

การทวงถามครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก พล.อ.อภิรัชต์ ได้ออกมาให้ข่าวว่าหลังเกิดเหตุการณ์ที่ได้ก่อเหตุกราดยิงที่ จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา จนทำให้มีประชาชนเสียชีวิตรวม 30 คน โดยในการแถลงครั้งนั้น พล.อ.อภิรัชต์ได้กล่าวถึงประเด็นที่จะปฏิรูป เช่น การจัดระเบียบสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพ การให้นายทหารเกษียณย้ายออกจากบ้านพัก การตั้งศูนย์คอลเซ็นเตอร์เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาร้องเรียนกับ ผบ.ทบ. ได้โดยตรง เป็นต้น และรังสิมันต์ได้ทวงถามความคืบหน้าในการชำระสะสางกรณี “เงินทอนซื้อบ้าน” ที่เป็นต้นเหตุของการกราดยิงดังกล่าวอย่างไร

รังสิมันต์ ยังกล่าวถึงประเด็นที่เกิดขึ้นในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาด้วย ทั้งกรณีชาย 2 พี่น้อง ถูกทำร้ายร่างกายโดยทหารชุดปราบปรามยาเสพติด จนเสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน ว่าได้มีการเยียวยาและมีการดำเนินการกับทหารทั้ง 11คนอย่างไร และกองทัพได้สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีของ ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี ที่เปิดโปงขบวนการโกงเงินเบี้ยทหารชั้นผู้น้อยภายในกรมสรรพาวุธทหารบก แต่กลับถูกสอบสวนวินัยและถูกผู้บังคับบัญชาขู่ว่าจะทำให้เขาตายในห้องขังอีกด้วยหรือไม่

อีกทั้งกองทัพยังแทรกรายการจัดซื้ออาวุธที่กองทัพแทรกเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วในอนาคตจะมีอีกหรือไม่ และเมื่อเลื่อนเกณฑ์ทหารออกไปแล้วปีนี้จะเกณฑ์เข้ามาอีกเป็นจำนวนเท่าไหร่แล้วทางกองทัพจะนำข้อเสนอตามร่าง พ.ร.บ.รับราชการทหารของอดีตพรรคอนาคตใหม่ไปพิจารณาบ้างหรือไม่

“สังคมล้วนต้องการคำตอบของคำถามเหล่านี้ เพราะพวกเขาต่างคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการปฏิรูปกองทัพจะเกิดขึ้นจริง เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่เพียงลมปากที่ตัวผู้ให้คำมั่นเองกลับลืมเลือนไปตามกาลเวลา ทว่าสิ่งที่เป็นคือเมื่อมีกรณีต่างๆ ปรากฏขึ้นมา ก็ค่อยมีคนออกมาบอกว่าจะตรวจสอบ จะดำเนินการอย่างนั้นอย่างนี้ แสดงท่าทีบางอย่างให้พอเป็นพิธีไป แล้วสุดท้ายเรื่องก็เงียบหาย ไม่มีใครรับรู้ว่าจุดหมายปลายทางไปสิ้นสุดลงตรงไหน 90 วันที่ผ่านมาจึงถือว่าล้มเหลว และเมื่อวันนี้เราเห็นแล้วว่าสัญญาปฏิรูปกองทัพของ ผบ.ทบ. นั้นไม่ใช่ของจริง ผมอยากถาม พล.อ.อภิรัชต์ที่เป็นผู้เสนอเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ว่าท่านจะแสดงความรับผิดชอบต่อการหลอกลวงประชาชนครั้งนี้อย่างไร?” รังสิมันต์ กล่าวปิดท้าย

แล้วความคืบหน้าของเรื่องที่ถูกทวงถามเป็นอย่างไร

หลังการแถลงข่าวของพล.อ.อภิรัชต์ ที่ได้กล่าวว่าจะมีการดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทหารที่เกษียณอายุราชการแล้วต้องออกจากบ้านพักของกองทัพบกภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายหลังสำนักข่าวไทยรายงานว่าว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ให้ข่าวถึงกรณีนี้ว่า ในส่วนส่วนผู้ที่เกษียณแล้วแต่ไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับประเทศจะให้ต้นสังกัดแต่ละหน่วยพิจารณาให้ย้ายออกตามความเหมาะสม แต่ในส่วนผู้ที่ยังทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) และองคมนตรี แม้ว่าจะเกษียณอายุราชการไปแล้วก็ยังสามารถอาศัยอยู่ได้ตามปกติ

ส่วนในกรณีการจัดระเบียบสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา เวิร์คพ้อยท์รายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมธนารักษ์ เพื่อปรับรูปแบบการจัดสวัสดิการของกองทัพบางกิจการเป็นการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ “โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก” ภายใต้กรอบระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. 2547 และประกาศคณะกรรมการสวัสดิการข้าราชการเรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจประกาศ ณ วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

แต่ก่อนมีการลงนามครั้งนี้ แนวหน้ารายงานไว้เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2563 พล.อ.อภิรัชต์ได้กล่าวถึงการดำเนินการจัดระเบียบนี้ว่าในเฟสที่ 1 จะเริ่มต้นที่โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ สนามกอล์ฟ และสนามมวย โดยการบริหารจัดการทั้งหมดจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ  โดยส่วนแบ่งก็ให้กระทรวงการคลังพิจารณาสัดส่วนคืนเป็นสวัสดิการกองทัพบกและนำไปเข้ากองทุนสวัสดิการต่อไป ส่วนกำลังพลที่ไปช่วยราชการก็มีตำแหน่งและเงินเดือนอยู่แล้วก็ให้กลับมาทำงานที่เดิมไม่ใช่ทำงาน 2-3 แห่ง

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลังจากการลงนามดังกล่าวยังไม่ปรากฎข่าวความคืบหน้าหรือผลการดำเนินงานเพิ่มเติมใดๆ