Skip to main content
sharethis

รายงานการเลิกจ้างคนงานมิกาซ่าขณะตั้งครรภ์ โดยยกข้อหาฝืนระเบียบบริษัทเรื่องการปล่อยเงินกู้และขายหวย ด้านลูกจ้างฟ้องศาลยันไม่ได้กระทำความผิดฝ่าฝืน ร้องให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม อัตราค่าจ้างและสวัสดิการเท่าเดิม นับอายุงานต่อเนื่อง 

วรินทิพย์ ชนาภาธนบูรณ์ (ภาพจาก สมยศ พฤกษาเกษมสุข)

การเลิกจ้างคนงานระหว่างตั้งครรภ์ที่ผ่านมายังเกิดขึ้นหลายครั้ง แม้จะมีกฎหมายแรงงานมีบทบัญญัติคุ้มครองหญิงตั้งครรภ์ไว้ไม่ให้ยกเหตุดังกล่าวในการเลิกจ้าง แต่นายจ้างก็มีช่องทาง ไม่ว่ากรณี หนึ่ง ที่นายจ้างยอมจ่ายค่าชดเชย แต่ให้ลูกจ้างเขียนใบลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้างซึ่งต้องจ่ายมากกว่า หรือกรณี สอง นายจ้างเลิกจ้างโดยตั้งข้อหาลูกจ้างทำผิดกฎระเบียบการทำงานของบริษัทเพื่อให้สามารถเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เนื่องจากลูกจ้างไม่ยินยอมเขียนใบลาออก

กรณีเลิกจ้าง วรินทิพย์ ชนาภาธนบูรณ์ อดีตลูกจ้างหญิง บริษัทมิกาซ่า อินดัสตรี้ส์ (ไทยแลนด์) ผู้ผลิตลูกบอลหนังแบรนด์ดังจากญี่ปุ่น ตั้งอยู่นิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด ตำบลปลวกแดง อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ถูกเลิกจ้างในกรณีหลัง

สำหรับ วรินทิพย์ เริ่มทำงานที่บริษัทตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2547 ตำแหน่ง leader แผนก Panel Lie ถูกนายจ้างเลิกจ้างเมื่อวันที่ 2 ส.ค.2562 ข้อหามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ฝ่าฝืนกฎระเบียบการทำงานของบริษัทเรื่องการปล่อยเงินกู้และขายหวย ลอบเล่นหวย โดยก่อนหน้าจะถูกเลิกจ้างเดือน ก.ค.62 วรินทิพย์ เพิ่งสมัครเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน

ตาม ม.43 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงเพราะเหตุมีครรภ์ คนงานที่ตั้งครรภ์จึงได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษที่ห้ามนายจ้างเลิกจ้างในขณะตั้งครรภ์ แต่กฎหมายแรงงานไม่ได้ห้ามนายจ้างเลิกจ้างคนงานที่ตั้งครรภ์ด้วยเหตุผลอื่น หรือในกรณีที่คนงานตั้งครรภ์ได้กระทำความผิด เช่น กระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่ ขาดงานติดต่อกัน 3 วันโดยไม่มีเหตุอันสมควร จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย กระทำความผิดซ้ำใบเตือน ฯลฯ และมีข้อยกเว้นไม่ต้องจ่ายเงินค่าชดเชย (ตาม ม.119) ซึ่งนายจ้างใช้ช่องทางนี้ในการเลิกจ้าง

อย่างไรก็ตาม วรินทิพย์ ในฐานะลูกจ้างโต้แย้งว่าการเลิกจ้างนี้ไม่ถูกต้อง คือ เป็นการเลิกจ้างระหว่างการตั้งครรภ์ขัดต่อกฎหมายแรงงาน เพราะบริษัทใช้หลักฐานที่เป็นข้อความการสนทนาระหว่างสองคนที่ปรากฏในแอปริเคชั่นไลน์เท่านั้น และข้อความดังกล่าว เกิดขึ้นนอกเวลาการทำงานและภายนอกบริเวณของบริษัท จึงไม่ได้เป็นการลักลอบเล่นหวยในเวลาทำงาน ไม่ได้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม

การเลิกจ้างทำให้ลูกจ้างขาดรายได้ประจำ ตกงาน ทั้งอายุมาก (38 ปี) ยากที่จะหางานทำใหม่ได้ เนื่องจากโรงงานอุตสาหกรรมมีข้อจำกัดเรื่องอายุการเข้าทำงานไม่เกิน 30 ปี ทั้งไม่ได้รับเงินชดเชยใดๆ เช่น ประโยชน์ทดแทนการว่างงาน ได้รับเพียงเงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพในส่วนของลูกจ้างเท่านั้น และในช่วงอายุครรภ์ 6 เดือน ลูกจ้างอยู่ในภาวะเครียดตกงาน ก่อนที่จะคลอดก่อนกำหนด 2 เดือน เป็นแฝด 2 คน เสียชีวิต 1 คน และมีภาระเลี้ยงดูบุตร 1 คน ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก

วรินทิพย์ ยืนยันไม่ได้กระทำความผิดฝ่าฝืนกฎระเบียบการทำงานของบริษัท จึงฟ้องร้องนายจ้างที่ศาลแรงงานภาค 2 จังหวัดระยอง ขอเรียกร้องให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม อัตราค่าจ้างและสวัสดิการเท่าเดิม นับอายุงานต่อเนื่อง และในระหว่างที่ถูกเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าเสียหายจากการขาดรายได้นับแต่วันเลิกจ้างจนกว่าจะรับกลับเข้าทำงานซึ่งเงินเดือนของลูกจ้างอยู่ที่ 22,000 กว่าบาท

การเลิกจ้างคนงานตั้งครรภ์จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าลูกจ้างทำผิดจริงและเกิดความเสียหายต่อบริษัทอย่างร้ายแรง เพราะการเลิกจ้างการตกงานของคนงานตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลสร้างปัญหาตามมา ในแง่ส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ได้ เช่น ครรภ์เป็นพิษ และในแง่สถานะความเป็นอยู่ที่ทำให้ลูกจ้างเลี้ยงดูลูกอย่างยากลำบาก และมื่อบริษัททราบว่าลูกจ้างกำลังตั้งครรภ์ในระยะต้น จึงควรจัดการให้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและปลอดภัยหรือเปลี่ยนงานชั่วคราว ตาม ม. 42 ของ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เพื่อลดปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อคนทำงานและงานของบริษัทด้วย

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net