องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์หลายกลุ่ม ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยผู้มีที่มาจากเขตปกครองซินเจียงประเทศจีน แสดงความยินดีจากการที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างข้อกำหนดให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการโต้ตอบจีนหนักขึ้นในกรณีการปราบปรามชายอุยกูร์

ที่มาภาพประกอบ: แฟ้มภาพ/Malcolm Brown (CC BY-SA 2.0)

กลุ่มโกลบอลอุยกูร์ไรท์กรุ๊ปและเวิร์ลด์อุยกูร์คองเกรสซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิชนกลุ่มน้อยอุยกูร์กล่าวแสดงความยินดีหลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างข้อกำหนดให้รัฐบาลเพิ่มมาตรการต่อจีนในกรณีการปราบปรามชาวอุยกูร์ หลังจากที่เคยมีกรณีการถูกเปิดโปงเรื่องค่ายกักกกันปรับทัศนคติในซินเจียงที่มีคนถูกคุมขังราว 1 ล้านคนจากข้อมูลของสหประชาชาติ ซึ่งทางการจีนอ้างว่าค่ายกักกันเหล่านั้นเป็น "แหล่งฝึกอบรมวิชาชีพ"

ส.ว. สหรัฐฯ ผ่านร่างข้อกำหนดที่มาจากพรรคการเมืองทั้งสองพรรคเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ข้อกำหนดนี้นำเสนอโดย ส.ว. พรรครีพับลิกัน มาร์โค รูบิโอ เรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรในการปิดกั้นวีซ่าและกรรมสิทธิ์ต่อเจ้าหน้าที่ทางการจีนที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามข่มเหงชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยมุสลิมกลุ่มอื่นๆ ในซินเจียง

สภาบนของสหรัฐฯ โหวตลงมติผ่านข้อกำหนดนี้อย่างเป็นเอกฉันท์ และเหลือแค่ขั้นตอนการลงนามจากประธานาธิบดี มีการตั้งข้อสังเกตจากสื่อว่าการผ่านร่างข้อกำหนดนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แย่ลงจากการที่ผู้นำสหรัฐฯ พยายามกล่าวหาจีนว่าเป็นต้นกำเนิดทำให้เกิดการระบาดหนักของไวรัส ในขณะที่จีนโต้ตอบว่าพวกเขาไม่ได้ทำผิดพลาดในเรื่องการจัดการกับโรคระบาดรวมถึงประณามเรื่องที่สภาสหรัฐฯ ผ่านร่างข้อกำหนดเกี่ยวกับชาวอุยกูร์ว่าเป็น "การโจมตีอย่างเลวร้าย" และ "การแทรกแซงที่รุนแรง" ต่อกิจการภายในของจีนที่อาจจะส่งผลต่อความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศ

ในข้อกำหนดล่าสุดนี้มีการระบุตั้งเป้าหมายต่อสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนระดับสูงที่เรียกว่าโปลิตบูโรผู้มีส่วนรับผิดชอบต่อการ "ล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง" ต่อชาวอุยกูร์ เรื่องนี้ทำให้เฉินกวนกัว เลขาธิการพรรคประจำซินเจียงประกาศขู่ว่าจะมีการโต้ตอบ "อย่างสมน้ำสมเนื้อ" ถ้าหากเขาตกเป็นเป้าหมายคว่ำบาตรด้วย

องค์กรเวิร์ลด์อุยกูร์คองเกรสแสดงความยินดีต่อการผ่านร่างข้อกำหนดนี้ว่านับเป็นความหวังในยามที่ชวนให้สิ้นหวัง พวกเขาระบุอีกว่าถ้าหากข้อกำหนดฉบับนี้ออกมาแล้วจะกลายเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ รวมถึงจะส่งสัญญาณต่อรัฐบาลจีนว่าการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์นั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ทนยอมรับได้อีกต่อไป

องค์กรอุยกูร์ฮิวแมนไรท์โปรเจกต์ก็แสดงความยินดีในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยระบุว่าข้อกำหนดนี้เป็นหมุดหมายสำคัญในการพัฒนาการโต้ตอบต่อสถานการณ์เลวร้ายที่ชาวอุยกูร์ต้องเผชิญและกลุ่มผู้นำสหรัฐฯ จะ "ช่วยทำให้แน่ใจว่าชาติอื่นๆ จะเดินรอยตามแบบเดียวกัน"

ทั้งนี้ในร่างข้อกำหนดตัวนี้ยังระบุอีกว่าบริษัทหรือบุคคลสหรัฐฯ ที่ดำเนินการใดๆ ในพื้นที่ซินเจียงจะต้องทำให้แน่ใจว่าแหล่งผลิตหรือห่วงโซ่อุปทานของพวกเขาไม่มีการบังคับใช้แรงงานเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังระบุให้ประธานาธิบดีต้องคอยควบคุมการส่งออกสินค้าว่าจะต้องไม่กลายเป็นการเอื้อให้จีนมีสมรรถภาพในการลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัว เสรีภาพในการเดินทางหรือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอื่นๆ

เรียบเรียงจาก
US Senate approves bill to sanction China over Uighur rights, Aljazeera, 15-05-2020