- ศบค. ระบุไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ เผย 'ประยุทธ์' ย้ำขยายระยะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อความมั่นคงด้านสาธารณสุข แจงการจัดทำมาตรการผ่อนคลายระยะ 3 แบ่งเป็น 5 ช่วง
- เลขาธิการ ‘ก้าวไกล’ ซัด ‘ประยุทธ์’ หมดเวลาใช้อำนาจอย่างไม่รับผิดชอบ ย้ำ ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ หมดอายุการใช้งานแล้ว ส.ส.พรรคระบุ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฆ่าประชาชนสายอาชีพกลางคืน
- 'เพื่อไทย' ชี้ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือนรัฐบาลได้ประโยชน์สูงสุด
- 'ศรีสุวรรณ' ค้านต่ออายุด้วย
ภาพจากซ้ายไปขวา อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย
ไม่มีผู้ป่วยรายใหม่ เผย 'ประยุทธ์' ย้ำต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อความมั่นคงด้านสาธารณสุข
22 พ.ค.2563 เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) วันนี้ ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. เป็นประธานการประชุม โดยมี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน โดยระบุว่า ในประเทศไทย ผู้ป่วยรายใหม่เป็น 0 ราย ผู้ป่วยสะสม 3,037 ราย มีผู้หายป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 2,910 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยังคงที่ 56 ราย ผู้ที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลลดลงเหลือ 71 ราย แต่ในตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 0 รายวันนี้ไม่ได้เป็น 0 แบบเต็มที่ เพราะเมื่อคืนนี้ State Quarantine แห่งหนึ่งยังมีผลตรวจที่ต้องรออย่างเป็นทางการ
โฆษก ศบค. กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบให้มีการเสนอข้อเสนอนี้ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขยายต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากวันที่ 1 ถึง 30 มิ.ย.นี้ ขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 ของการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะหมดสิ้นเดือนนี้ ถ้าให้ยกเลิก พ.ร.ก.จะเกิดอะไรขึ้น ขณะนี้มีความมั่นใจในทุก ๆ เรื่องถึงแม้มี พ.ร.ก. ไม่ได้หมายความว่าเป็นที่สุด แต่ก็เป็นเครื่องมือที่ทำให้ทุกคนมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และมีความเข้าใจว่าเป็นการทำเพื่อคนทุกคนและเพื่อประเทศไทย จึงประสบความสำเร็จถึงวันนี้
โฆษก ศบค. กล่าวว่า การจัดทำมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 แบ่งออกเป็น 5 ช่วง ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 วันที่ 23-24 พฤษภาคม การจัดเตรียมข้อมูลเพื่อประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้ ในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขั้นตอนที่ 2 วันที่ 25-26 พ.ค. ประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อฯ ขั้นตอนที่ 3 วันที่ 27 พ.ค. ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อฯ ขั้นตอนที่ 4 ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อฯ ขั้นตอนที่ 5 มาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 มีผลบังคับใช้ต่อไป
ซึ่งมติ ศบค. ดังกล่าวมาจาก พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้รายงานเรื่องเพื่อพิจารณา เรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ด้วยเหตุผล 3 ข้อ โดย ผอ.ศบค. ได้เน้นย้ำขยายเพื่อความมั่นคงด้านสาธารณสุข คือ 1. ยังคงมีความจำเป็นและต้องมีการบังคับใช้ พ.ร.ก. โดยการป้องกันการแพร่ระบาดในราชอาณาจักรของโรคโควิด-19 จะต้องสามารถดำเนินการต่อไปให้ได้อย่างมีเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกับทางด้านสาธารณสุขการควบคุมโรค ไม่ใช่แค่นำ พ.ร.บ.โรคติดต่อมาใช้แล้วได้ผล ซึ่งไม่เพียงพอ ยังต้องมีการประกอบกฎหมาย 40 กว่าฉบับ มาอยู่ภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถึงจะปฏิบัติตรงนี้ได้ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ การเคลื่อนย้าย การใช้ยานพาหนะ อากาศยาน การตรวจคนเข้าเมือง และอื่น ๆ อีกมากมาย 2. การเตรียมรองรับในระยะต่อไป ประเทศไทยอยู่ระหว่างการกำหนดมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงสูง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการตามกฎหมาย เพื่อกำกับการบริการจัดการ เพื่อบริหารจัดการมาตรการผ่อนคลายให้เป็นระบบในเวลาที่เหมาะสม 3. สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังคงไม่สิ้นสุด โดยมีข้อมูลว่า หลายประเทศยังคงมีการระบาดและมีจำนวนผู้ที่ติดเชื้อในระดับที่สูง และเมื่อประเทศไทยได้จัดทำมาตรการครบทั้ง 4 ระยะแล้ว จำเป็นจะต้องมีระยะเวลาเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ อาทิ มาตรการด้านกฎหมาย แผนปฏิบัติการในการบริหารวิกฤตการณ์เพื่อรองรับกับความเสี่ยงที่อาจจะมีการกลับมาแพร่ระบาดของโรค
‘ก้าวไกล’ ซัด ‘ประยุทธ์’ หมดเวลาใช้อำนาจอย่างไม่รับผิดชอบ ย้ำ ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉิน’ หมดอายุการใช้งานแล้ว
ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นหลังจากที่ประชุม สมช. มีมติต่ออายุการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือนว่า สถานการณ์ในประเทศขณะนี้ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐบาลจะประกาศใช้อำนาจต่อไป สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ยุติสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็วที่สุดเพื่อให้บรรยากาศกลับคืนสู่สภาวะปรกติและฟื้นฟูความเสียหายโดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจของประชาชน ในอนาคตหากมีการระบาดระลอก 2 มั่นใจว่าด้วยศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทยและความร่วมมือของประชาชนในการป้องกันตัวเองและผู้อื่นจะสามารถรับมือต่อสถานการณ์ในอนาคตได้
“สองเดือนที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่าในการสร้างความตระหนักรู้ของประชาชน จึงจะต้องออกคำสั่งวางกรอบให้เดินกันตลอดเวลา จะเห็นได้ว่าการใส่แมส การพกเจลล้างมือ กลายเป็นพฤติกรรมปกติไปแล้ว ประชาชนตระหนักดีถึงปัญหาและสามารถปรับตัวกับวิถีใหม่ เพื่อไม่ให้รับหรือกระจายเชื้อได้เป็นอย่างดี มีการปรับสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจ ดังนั้น สถานการณ์ขณะนี้จึงไม่เหลือเหตุผลใดในการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไปอีก อนาคตของประเทศไทยควรถูกกำหนดขึ้นจากประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ประโยชน์เพื่อความมั่นคงของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา”
ชัยธวัช กล่าวไปว่า หมดเวลาแล้วกับการใช้อำนาจโดยไม่รับผิดชอบต่อประชาชน พ.ร.ก.ฉุกเฉินควรหมดอายุไปได้แล้วนับแต่นาทีนี้ สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ มุ่งเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาล ไม่ว่าประชาชนที่ตกงาน ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ เป้าหมายการบริหารราชการแผ่นดินในฐานะที่เป็นรัฐบาลก็คือ การทำให้ประชาชนหลายล้านคนกลับมามีงานทำ มีรายได้ และฟื้นฟูผู้ประกอบการรายย่อย วางแผนเปิดได้โรงเรียนตามปกติและมีมาตรการที่ทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ไม่ใช่การใช้อำนาจออกคำสั่งแล้วจบไป แต่ไม่คำนึงถึงประชาชนเช่นนี้
ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฆ่าประชาชนสายอาชีพกลางคืน
ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นหลังสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติเห็นชอบขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินออกไปอีก 1 เดือน โดย ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. ก็ให้ความเห็นชอบอ้างถึงช่วงเตรียมผ่อนคลายระยะที่ 3 และ 4 ไม่อยากให้เกิดโควิด-19 ระบาดซ้ำ ซึ่งหมายความว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินจะยืดออกไปจนถึง 30 มิ.ย. และอาจส่งผลกระทบทันทีต่อธุรกิจสีแดงที่ถูกสั่งปิดบริการมาตั้งแต่ปลายมีนาคมที่ผ่านมา ในขณะที่การช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐไม่ได้กระจายอย่างทั่วถึงเพียงพอ และขณะนี้ธุรกิจอื่นๆ เริ่มเปิดทำการและแต่เดิมคาดหมายว่าภายใน 15 มิ.ย.นี้จะถึงคิวธุรกิจกลางคืนและงานบริการเฉพาะอื่นๆ หากแต่ต้องมาชะงักลงอีกครั้งเพราะการขยายของ พ.ร.ก.ดังกล่าว
ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวตัวว่า ตนในฐานะตัวแทนประชาชน ผู้มีความเข้าใจในธุรกิจบันเทิงรวมทั้งผู้มีความหลากหลายทางเพศที่มีอยู่ในธุรกิจกลางคืนเป็นจำนวนมาก ขอเสนอหนทางแก้ปัญหาดังกล่าว โดยรัฐจะต้องเริ่มต้นด้วยการมองให้เห็นก่อนว่า ในโมงยามค่ำคืนมีประชาชนที่ทำมาหากินอยู่อีกมากมายนับแสนนับล้านชีวิต และล้วนเป็นอาชีพที่ส่งเสริมรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาลมาตลอดเสนอ 3แนวทางเพื่อเยียวยาบุคคลที่อยู่ในอาชีพเหล่านี้
1.ในเมื่อรัฐบาลเมินเฉยต่ออาชีพกลุ่มนี้ ภาคเอกชน เจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจราตรี ทั้งหมด เพราะไม่ใช่เพียงผู้ประกอบอาชีพในธุรกิจดังกล่าว อาทิ ผู้ให้บริการ นักร้อง นักดนตรี นักแสดงตามสถานบันเทิง ฯลฯ เท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์ ได้ทำงานและกลับมามีรายได้อีกครั้ง แต่รัฐยังต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพในการเลือกรูปแบบการพักผ่อนของประชาชนอีกด้วย เรื่องนี้ครอบคลุมประโยชน์ของคนทุกเพศอย่างเท่าเทียม
2.บริการในรูปแบบอื่นๆ เช่น เสริมสวยและสปา ต้องสร้าง แพลทฟอร์ม (platform) ออนไลน์ ที่สามารถจองบริการจากพนักงานในรูปแบบบริการนอกสถานที่ เช่น ทำผม ทำเล็บ บริการนวด โดยเจ้าของกิจการจะต้องเน้นเป็นพิเศษถึงสุขภาพของผู้ให้บริการ ให้ลูกค้าได้มั่นใจในความปลอดภัยและธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้หลังจากหยุดชะงักมาค่อนข้างนาน
3. ในอีกทางหนึ่ง ถึงเวลาแล้วที่รัฐต้องคิดหาหนทางสร้างอาชีพใหม่ให้กับแรงงานที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งวิถีทางหลังโควิด-19 หรือ New Normal หลายคนยังไม่มีโอกาสกลับไปทำอาชีพที่เคยทำ แทนที่จะให้แต่เงินสงเคราะห์ ต้องคิดเรื่องสร้างรายได้ให้ประชาชนในระยะยาวด้วย
'เพื่อไทย' ชี้ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือนรัฐบาลได้ประโยชน์สูงสุด
โพสทูเดย์รายงานท่าทีของพรรคฝ่ายค้านอีกพรรคอย่างเพื่อไทย ว่า อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว ว่า สถานการณ์ของรัฐบาลในขณะนี้ กำลังเผชิญกับวิกฤตศรัทธารอบด้านจากการบริหารไร้ประสิทธิภาพในแทบทุกมิติ พยายามเอาจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละคน 2 คน บางวันเป็น 0 มาขังประชาชน 67 ล้านคน ปิดโรงเรียน แต่เปิดห้าง เยียวยาล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ล่าช้าไม่ทันสถานการณ์ ห้ามคนทำมาหากิน ออกมาตรการใดมาประชาชนก็เกิดคำถามและไม่เชื่อมั่น หวาดระแวงกลัวรัฐบาลล้วงข้อมูลส่วนตัว กระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลหรืออาจนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่
การต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน รัฐบาลมีแต่ได้กับได้ แต่ความเสียหายเกิดกับประชาชน ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ผล คือ ความร่วมมือร่วมใจของประชาชน ไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ผลสำรวจพฤติกรรมการป้องกันโรคโควิด-19 ของประชาชนใน 6 ประเทศกลุ่มอาเซียนพบว่า คนไทยมีพฤติกรรมการใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์สูงสุดในอาเซียน เทียบกับเพื่อนบ้านเกรงว่าประชาชนจะไม่กลัว เลยไปเทียบกับประเทศที่มีการติดเชื้อและเสียชีวิตมากๆ เพื่อจะข่มขู่ประชาชนว่าการ์ดอย่าตก และใช้เป็นข้ออ้างขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปเรื่อยๆให้นานที่สุด สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ ยุติสถานการณ์ฉุกเฉินโดยเร็วที่สุด เพื่อให้บรรยากาศกลับคืนสู่สภาวะปกติ ฟื้นฟูความเสียหายทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน
“22 พฤษภาคม 2563 ครบ 6 ปีรัฐประหาร ผ่านการเลือกตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจมา 1 ปี วิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่แก้ไข มีแต่ความพยายามแช่แข็งประเทศ หลบหลังโควิด กระชับและรักษาอำนาจที่ยึดมาไว้ให้นานที่สุด ” นายอนุสรณ์ กล่าว
'ศรีสุวรรณ' ค้านต่ออายุ
เช่นเดียวกันวันนี้ (22 พ.ค.63) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รั
โดยมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่เลขาธิการสภาความมั่
ข้ออ้างในการต่ออายุ พ.ร.ก.ดังกล่าวไม่มีน้ำหนักเพี
ทั้งนี้การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไปจะกระทบต่อปั
นอกจากนั้น การบังคับตามข้อกำหนดของ พ.ร.ก.มีการเลือกปฏิบัติหรือบั
ดังนั้น การเสนอต่ออายุ พ.ร.ก.จึงไร้เหตุผลใดๆ ที่จะต่ออายุต่อไป ควรกลับไปใช้กฎหมายเดิม คือ พรบ.โรคติดต่อ 2558 ตามปกติต่อไป หากยังคิดว่ามีความสามารถหรือศั
แถลงมา ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563
นายศรีสุวรรณ จรรยา
เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รั
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)