Skip to main content
sharethis

บรรยง พงษ์พานิช 'อดีตซูเปอร์บอร์ด' อัดการปฏิรูปใหญ่ที่ คสช. เคยประโคมว่าเป็นวาระสำคัญแห่งชาติพอไปเจอตอก็ไม่ไปต่อ แถมผู้นำไม่ได้มีความมุ่งมั่นทางการเมืองที่แข็งแรง และไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งพอถูกทักโน่นทักนี่ก็เลยล้มเลิกความตั้งใจ พร้อมเปิดคลิปรณรงค์ 'ปฎิรูปรัฐวิสาหกิจ' ที่ถูก 'ท่านผู้นำ' บอกให้โยนทิ้ง จะเขียน(เพลง)ให้ใหม่ 

25 พ.ค.2563 ผู้สื่อข่ารายงานว่า วันนี้ บรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด โพสต์เฟซบุ๊ก 'Banyong Pongpanich' ในลักษณะสาธารณะ ในหัวข้อ 'จุดตายของรัฐวิสาหกิจไทย' โดยนอกจากเล่าถึงสภาพปัญหาของรัฐวิสาหกิจไทยแล้ว ยังกล่าวถึงเมื่อ 6 ปีก่อนตอนที่มีรัฐประหารใหม่ๆ รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้จัดตั้ง คนร. และประกาศจะปฏิรูปขนานใหญ่ เริ่มตั้งแต่การศึกษาวิเคราะห์ปัญหาอย่างรอบด้าน ปรึกษาผู้รู้ทั่วโลก จนได้ข้อสรุปว่าจะต้อง ‘ยกเครื่อง’ ระบบบรรษัทภิบาล (Governance)ที่ ใช้บริหารรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่ง โดยคนร. ได้ทำข้อเสนอชัดเจน เป็นรูปธรรมออกมาเป็นร่างกฎหมายที่ผ่านการอนุมัติทั้งจากคนร. ครม. ผ่านการกลั่นกรองจากกฤษฎีกา และส่งเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้ตั้งแต่ปี 2559

บรรยง ระบุว่า หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของแผนปฏิรูปตามร่างกฎหมายนี้ ก็คือการจัดตั้ง ‘บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ’ ที่เรียกกันว่า Super Holding Company ขึ้นมาทำหน้าที่เป็น ‘องค์กรเจ้าของ’ คอยกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ 13 แห่ง โดยมุ่งเน้นให้มีการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ปริมาณเพียงพอ ต้นทุนต่ำ โปร่งใสตรวจสอบได้ ไม่มีการรั่วไหล และรักษากิจการให้ทวีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ สมกับที่เป็นสมบัติชาติ โดยแนวทางและหลักการของบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาตินี้ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากองค์กรที่ประสบความสำเร็จ และมีข้อพิสูจน์เรื่องประสิทธิภาพ ประสิทธิผลมาแล้วหลายๆ แห่งของโลก

"การปฏิรูปใหญ่ที่ คสช. เคยประกาศประโคมว่าเป็นวาระสำคัญแห่งชาติ ที่เพิ่มประสิทธิภาพและลดการรั่วไหลในการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ 56 แห่งที่ถือครองทรัพย์สินของประเทศอยู่กว่า 16 ล้านล้านบาท สุดท้ายก็เลยเป็นแค่ ‘ปะ-ติ-ลูบ’เหมือนการปฏิรูปอื่นๆ ในประเทศนี้ ที่พอไปแตะต้องกลุ่มอำนาจผลประโยชน์เดิมก็ล้วนแต่ดำเนินต่อไปไม่ได้" บรรยง โพสต์

อดีตซูเปอร์บอร์ด โพสต์อีกว่า น่าเสียดายพอเอาเข้าจริงเมื่อถึงเวลาแตกหักของการผลักดันระยะสุดท้าย ผู้นำที่ไม่ได้มีความมุ่งมั่นทางการเมือง ที่แข็งแรง และไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเพียงพอเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการจะทำ พอถูกทักโน่นทักนี่ก็เลยล้มเลิกความตั้งใจที่จะทำเรื่องยากเอาง่ายๆ ทำแต่สิ่งเล็กน้อยเป็นเพียงลูบหน้าปะจมูกไป

บรรยง ยังเปิดเผยอีกว่าตนรับมอบหมายให้เป็นประธานคณะทำงานเตรียมการจัดตั้งบรรษัทรัฐวิสาหกิจแห่งชาติ มีหน้าที่เตรียมการด้านต่างๆ ในการจัดตั้งองค์กร เช่น การทาบทามกรรมการและบุคลากรหลักเพื่อที่จะมาเริ่มบริหารองค์กรได้ในทันทีที่ผ่านกฎหมายออกมาได้สำเร็จ รวมถึงการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนเข้าใจในแนวคิดการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยได้ไปขอความร่วมมือจากโปรดิวเซอร์และผู้กำกับระดับมือรางวัลที่ชำนาญการสื่อสารเรื่องยากให้เข้าใจง่าย มาจัดทำคลิปเพื่อเผยแพร่โดยเขากรุณาไม่คิดค่าตัว คิดแต่เพียงค่าใช้จ่ายต้นทุนในการจัดทำ

"คลิปหนังดูสนุกเข้าใจง่าย ที่ทำแล้วเสร็จพร้อมที่จะใช้ประชาสัมพันธ์ทั้งในสื่อหลัก และโซเชียลมีเดียนี้ ได้มีโอกาสฉายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือในการประชุม คนร. เพราะพอฉายเสร็จ ท่านผู้นำหัวโต๊ะซึ่งวันนั้นบังเอิญอารมณ์ไม่ดี ไม่รู้หงุดหงิดอะไรมา ตบโต๊ะประกาศเลยว่า “ไม่เอาๆ ไม่ได้เรื่องเลย ทำไมไปตำหนิคนเขาเยอะแยะ เนื้อหาไม่สร้างสรรค์อะไรเลย โยนทิ้งไปเลย เดี๋ยวผมคิดผมเขียนให้ใหม่เองก็ได้ เอาแบบให้มันสร้างสรรค์ๆ” ซึ่งท่านคงกำลังนึกถึงเพลงของท่าน แล้วพอท่านว่าดังนั้นก็มีพลเอกท่านหนึ่งในที่ประชุมเสริมขึ้นมาเลย “ใช่ๆ ที่พวกคุณทำมานี่ ผิดพระราชบัญญัติธงชาติไทยด้วย รู้หรือเปล่า” “ผิดพระราชบัญญัติการจราจรด้วยรู้ไหม” พลเอกอีกท่านเสริมต่อ" อดีตซูเปอร์บอร์ด เล่า พร้อมระบุว่านี่เป็นประวัติน่าเวทนาของคลิปประชาสัมพันธ์ที่ไม่ได้เคยถูกฉายอีกเลย และสุดท้ายท่านผู้นำสุดครีเอทีฟก็ไม่เคยคิดการประชาสัมพันธ์อะไรออกมา ซึ่งก็ดีไปอย่าง เพราะการปฏิรูปที่จบลงว่า “เราจะทำเหมือนเดิม” ย่อมไม่ต้องการการชี้แจงประชาสัมพันธ์ใด

อดีตซูเปอร์บอร์ด ยังโพสต์ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ในวันนี้ วันที่การบินไทยทำให้ทุกคนหันกลับมาสนใจการทำให้รัฐวิสาหกิจของเราแข่งขันได้ และรุ่งเรืองอีกครั้ง ตนในฐานะส่วนหนึ่งของคณะทำงานที่เคยทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้เกิดการปฏิรูป และในฐานะประชาชนไทยที่ยังหวังว่าจะมีการปฏิรูปการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจอย่าง ‘แท้จริง’ ในวันหนึ่งข้างหน้า และในฐานะที่เป็นเจ้าของคลิปนี้ เพราะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการจัดทำ โดยไม่เคยไปเบิกเลยแม้แต่บาทเดียว จึงขอถือโอกาสนี้เอาคลิปเก่านี้มาเผยแพร่ เพื่อปลูกฝังความเข้าใจให้ท่านที่สนใจพอทราบหลักว่ารัฐวิสาหกิจที่ดีๆ นั้นเขาบริหารจัดการกันอย่างไร

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net