บทความขนาดสั้นนี้เกิดขึ้น จากความพยายามผลักดันสวัสดิการภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งให้มีความสมเหตุสมผลและครอบคลุมกับแรงงานมหาวิทยาลัย นำไปสู่การค้นข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบสิทธิ์ที่พึงจะได้ของพนักงานมหาวิทยาลัยที่ได้รับสิทธิ์จากระบบประกันสังคม ปรากฏว่า เมื่อเปรียบเทียบกับสิทธิ์การตรวจสุขภาพประจำปีแบบข้าราชการนั้นครอบคลุมกว่าและสมเหตุสมผลกว่า
ผู้เขียนเห็นว่า ข้อสังเกตนี้ไม่พึงจะถูกเสนอภายในองค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นข้อสังเกตที่ควรโยนเข้าไปในพื้นที่สาธารณะที่มีผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมจำนวนมหาศาลได้รับผลกระทบ หากสิทธิ์เหล่านี้มิได้เป็นที่รับทราบและถกเถียงกันอย่างที่ควรจะเป็น บทความนี้อาจมิได้เน้นไปที่การทำให้สิทธฺเท่าเทียมกับสวัสดิการข้าราชการเท่ากับชี้ให้เห็นถึงความไม่สมเหตุสมผลที่ดำรงอยู่ในสิทธิ์ดังกล่าว
ภาพจาก: https://www.prachachat.net/csr-hr/news-320858
ปัญหาสำคัญของสิทธิ์ตามระบบประกันสังคมมีอยู่อย่างน้อย 2 ประการ นั่นคือ การตรวจสุขภาพหลายรายการไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของอายุผู้ประกันตน กับ ความเสี่ยงทางด้านสุขภาพ และอีกประการคือ การตรวจบางรายการไม่มีสิทธิ์ตรวจในทุกปี หากมีเว้นระยะไป ทั้งที่ประสิทธิภาพการตรวจสุขภาพสำหรับบางรายการนั้นจำเป็นต้องตรวจและมีการติดตามผลอยู่ไม่ว่าจะเป็นการตรวจไขมันในเลือด การตรวจน้ำตาลในเลือด เป็นต้น
จากตารางที่ 1 จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างสำคัญของการใช้สิทธิ์ตรวจสุขภาพประจำปีของข้าราชการและประกันสังคมนั่นคือ สิทธิ์ข้าราชการตรวจได้ทุกปีและครอบคลุมทุกช่วงอายุ แต่สำหรับประกันสังคมบางรายการเท่านั้นที่สามารถตรวจได้ทุกปี ทั้งยังมีเงื่อนไขอายุอีกด้วย นั่นคือ
- รายการที่ 3 ตรวจปัสสาวะ แต่มีเงื่อนไข คือ อายุ 55 ปีขึ้นไป
- รายการที่ 4 ตรวจอุจจาระ แต่มีเงื่อนไข คือ อายุ 50 ปีขึ้นไป
- รายการที่ 5 ตรวจเลือด แต่มีเงื่อนไข คือ อายุ 50 ปีขึ้นไป 55-70 ปี ตรวจได้ทุกปี หากอายุ 18-54 ปี จะตรวจได้เพียง 1 ครั้งตลอดช่วงอายุ
- รายการที่ 8 ดูภาวะเสี่ยงเบาหวาน แต่มีเงื่อนไข คือ อายุ 55 ปีขึ้นไป หากอายุ 35-54 ปี มีสิทธิ์ทุก 3 ปี
- รายการที่ 11-12 ค่าการขับของเสียจากไต, ภาวะไตวาย แต่มีเงื่อนไข คือ อายุ 55 ปีขึ้นไป
ไม่เพียงเท่านั้น สิทธิ์ในบางรายการก็ถือว่าไม่สามารถตรวจได้ทุกปี ขณะที่สิทธิข้าราชการสามารถตรวจได้ทุกปี เช่น
- รายการที่ 1 เอ๊กซเรย์ทรวงอก อายุ 15 ปีขึ้นไปมีสิทธิ์เพียง 1 ครั้งตลอดช่วงอายุ
- รายการที่ 5 ตรวจเลือด อายุ 18-54 ปี มีสิทธิ์ตรวจได้เพียง 1 ครั้งตลอดช่วงอายุ
- รายการที่ 6-7 ตรวจภายใน อายุ 30-54 ปี มีสิทธิ์ตรวจทุก 3 ปี
- รายการที่ 8 ตรวจน้ำตาลในเลือดที่อายุ 35-54 ปี ก็เป็นการตรวจทุก 3 ปี ทั้งที่ค่าน้ำตาลเพื่อดูความเสี่ยงโรคเบาหวาน ควรจะตรวจทุกปี
- รายการที่ 9-10 ตรวจไขมันในเลือด แม้จะเริ่มที่อายุ 20 ปี แต่กลับเป็นการตรวจทุก 5 ปี
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสิทธิ์ของข้าราชการนั้นครอบคลุมการตรวจทั้งอายุต่ำกว่า 35 ปีและอายุ 35 ปีขึ้นไป ขณะที่ประกันสังคมนั้นสิทธิ์จะเอื้อให้แก่ผู้สูงวัยมากกว่าโดยเฉพาะผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ทั้งที่แรงงานผู้ประกันตนจำนวนมากมีอายุไม่ถึง 55 ปี และการได้รับสิทธิ์ยังมีความลักลั่นในช่วงอายุ นั่นคือ หากเป็นแรงงานที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี แทบจะไม่ได้รับสิทธิ์ตรวจอะไรเลย มีเพียงการตรวจทรวงอก (รายการที่1-2) ได้ 1 ครั้ง, การตรวจเลือด (รายการที่ 5) 1 ครั้ง (ไปจนถึงอายุ 55 ปี), การตรวจภาย (รายการที่ 6-7) ทุก 3 ปี, การตรวจไขมันในเลือด (รายการที่ 9-10) ตรวจทุก 5 ปี, คัดกรองการได้ยิน (รายการที่ 17) 1 ครั้งต่อปี, ตรวจเต้านม (รายการที่ 18) ทุก 3 ปี, ตรวจมะเร็งปากมดลูกวิธี VIA (รายการที่ 21) ทุก 5 ปี หรือสรุปได้ว่า มีเพียงรายการคัดกรองการได้ยินเท่านั้นที่พนักงานอายุต่ำกว่า 35 ปีจะตรวจได้ทุกปี
ตาราง แสดงเปรียบเทียบการใช้สิทธิ์ตรวจสุขภาพประจำปีของข้าราชการและประกันสังคม[1]
ลำดับที่ | รายการ | สิทธิข้าราชการ | ประกันสังคม |
1 | Film Chest (เอ๊กซเรย์ทรวงอก ดูปอดและหัวใจ) | อายุต่ำกว่า 35 ปี 1 ครั้ง/ปี | อายุ 15 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง |
2 | Mass Chest (เอ๊กซเรย์ทรวงอก ดูปอดและหัวใจ) | อายุต่ำกว่า 35 ปี 1 ครั้ง/ปี | |
3 | Urine Examination/Analysis (31001) (ตรวจปัสสาวะ ดูการติดเชื้อ และ screening นิ่วในทางเดินปัสสาวะคร่าวๆ) | อายุต่ำกว่า 35 ปี 1 ครั้ง/ปี | อายุ 55 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี |
4 | Stool Examination-Routine direct smear (31201) ร่วมกับ Occult blood (31203) (ตรวจอุจจาระ ดูพยาธิในลำไส้และ screening ภาวะเลือดออกในลำไส้ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากมะเร็งลำไส้) | อายุต่ำกว่า 35 ปี 1 ครั้ง/ปี | อายุ 50 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี |
5 | Complete Blood Count: CBC แบบ Automation (30101) (ตรวจเลือดดูภาวะเลือดจาง ซีด หรือ screening โรคเลือด) | อายุต่ำกว่า 35 ปี 1 ครั้ง/ปี | อายุ 18-54 ปี 1 ครั้ง อายุ 55-70 ปี 1 ครั้ง/ปี |
6 | ตรวจภายใน (55620) (ตรวจภายในและ screening ภาวะผิดปกติและมะเร็งปากมดลูก) | อายุต่ำกว่า 35 ปี 1 ครั้ง/ปี | อายุ 30-54 ปี ทุก 3 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตามความเหมาะสมหรือมีความเสี่ยง |
7 | Pap Smear (38302) (ตรวจภายในและ screening ภาวะผิดปกติและมะเร็งปากมดลูก) | อายุต่ำกว่า 35 ปี 1 ครั้ง/ปี | |
|
|
|
|
1-7 | รายการตรวจอายุไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ทุกรายการ | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | - |
8 | Glucose (32203) (ดูภาวะเสี่ยงเบาหวาน) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | อายุ 35-54 ปี ทุก 3 ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี |
9 | Cholesterol (32501) (ไขมันในเลือด) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | อายุ 20 ปีขึ้นไป ทุก 5 ปี (ไขมันในเลือดชนิด Total & HDL cholesterol (ไขมันในเลือด แต่ถือว่าพอเทียบกันได้) |
10 | Triglyceride (32502) (ไขมันในเลือด) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | |
11 | Blood Urea Nitrogen:BUN (32201) (ค่าการขับของเสียจากไต, ภาวะไตวาย) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | อายุ 55 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี
|
12 | Creatinine (32202) (ค่าการขับของเสียจากไต, ภาวะไตวาย) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | |
13 | SGOT (AST) (32310) (ดูค่าตับ) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | - |
14 | SGPT (ALT) (32311) (ดูค่าตับ) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | - |
15 | Alkaline Phosphatase (32309) (ดูค่าตับ) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | - |
16 | Uric Acid (32205) (กรดยูริก หาภาวะโรค Gout) | อายุ 35 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี | - |
| ตรวจทั่วไป |
|
|
17 | การคัดกรองการได้ยิน (Finger Rub test) | - | อายุ 15 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี |
| การตรวจเต้านมโดยแพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุข | -
| อายุ 30-39 ปี ทุก 3 ปี อายุ 40-54 ปี ทุกปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ตามความเหมาะสมหรือมีความเสี่ยง |
18 | การตรวจตาโดยความดูแลของจักษุแพทย์ | -
| อายุ 40-54 ปี 1 ครั้ง/ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป ทุก 1-2 ปี |
19 | ตรวจตาด้วยสาย Snellen eye Chart | - | อายุ 55 ปีขึ้นไป 1 ครั้ง/ปี |
| ตรวจอื่นๆ |
|
|
20 | เชื้อไวรัสตับอักเสบ HBsAg | - | สำหรับผู้ที่เกิดก่อน พ.ศ.2535 1 ครั้ง |
21 | มะเร็งปากมดลูกวิธี VIA | -
| อายุ 30-54 ปี ทุก 5ปี อายุ 55 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจ Pap Smear |
สิทธิประกันสังคมเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีเช่นนี้จึงแสดงความเหลื่อมล้ำทางด้านการให้บริการทางด้านสุขภาพและไม่มีความสมเหตุสมผลเอาเสียเลย เป็นที่น่าสงสัยว่า การตั้งเกณฑ์ดังกล่าวนั้นอยู่บนฐานคิดอะไร ในก้อนเงินจำนวนเท่ากันที่ประกันสังคมใช้ไปนั้น สามารถจะจัดสรรให้การตรวจสุขภาพประจำปีมีความสมเหตุสมผลกว่านี้ได้หรือไม่ นั่นคือ โจทย์ที่ต้องหาคำตอบกันต่อไป.
อ้างอิง
[1] กรมบัญชีกลาง, คู่มือสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ, หน้า 11-12 และ “ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ตามพระราชบัญญัติประกันสังคม เรื่อง หลักเกณฑ์ และอัตราค่าส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับประโยชน์ทดแทนในกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันมิใช่เนื่องจากการทำงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562”, ราชกิจจานุเบกษา, เล่ม 136 ตอน 91 ง, 10 เมษายน 2562, หน้า 38-40
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)