ตร.เรียกคนรายงานตัว ให้ลบโพสต์และเลิกแสดงความเห็นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ตำรวจติดตามคนที่แสดงความเห็นต่อสถาบันพระมหากษัตริย์รายงานตัว สั่งลบโพสต์และเลิกแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้อีก ก่อนปล่อยตัวต้องเซ็นสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ถ้าไม่ร่วมมือจะดำเนินคดีด้วยมาตรา 112

เมื่อวานนี้(27 พ.ค.2563) แอนดรูว์ แม็กเกรเกอร์ มาร์แชล โพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัว ว่ามีบุคคลที่ถูกตำรวจเรียกตัวไปเตือนไม่ให้แสดงความคิดเห็นในโพสต์ของเขาอีกต่อไป

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปทางแอนดรูว์ เขาได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าขณะนี้มีคนที่แจ้งเรื่องนี้ให้เขาทราบทั้งหมด 4 คน แต่มีเพียงคนเดียวที่ยินดีให้ข้อมูลบางส่วนเกี่ยวกับรูปแบบการเรียกตัวและการคุยโดยละเอียด

แอนดรูว์ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในส่วนของอีกสองคนที่ให้ข้อมูลเบื้องต้นไว้ว่า หลังจากพวกเขาทั้งสองคนได้มีการโพสต์เนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์แล้วลงในเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์แล้วหลังจากนั้นก็มีตำรวจเดินทางไปพบพวกเขาและครอบครัวของพวกเขา โดยตำรวจได้แจ้งว่ามาเพื่อทำการสอบสวนเรื่องนี้และหากปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือจะมีปัญหาได้ ตำรวจได้ทำการสอบสวนพวกเขาอยู่เป็นชั่วโมงเกี่ยวกับความคิดของพวกเขาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และเรื่องการเมือง นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังเอารหัสผ่านสำหรับเข้าโซเชียลมีเดียของพวกเขาทั้งสองคนไปด้วย สุดท้ายพวกเขาต้องยอมลงลายมือชื่อในเอกสารสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก

วันนี้ (28 พ.ค.2563) ผู้สื่อข่าวสามารถติดต่อ 1 ใน 4 บุคคลที่ถูกเรียกเข้ารายงานตัวครั้งนี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่ให้ข้อมูลรายละเอียดกับแอนดรูว์ เป็นชายที่อาศัยอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ

ชายคนดังกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ตำรวจเดินทางมาที่บ้านของเขาด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลประมาณ 2 คัน พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 7-8 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ผู้หญิง 2 นาย ที่เหลือเป็นผู้ชาย เจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงหมายจับและหมายค้น แต่แสดงบัตรประจำตัว

“เขาบอกว่าจะขอคุยด้วยหน่อย ไม่ได้ใช้คำพูดรุนแรง เสร็จแล้วเดี๋ยวพากลับมาส่งที่บ้าน แล้วก็พาไปที่ สภ.(สถานีตำรวจภูธร) เขาบังคับผมขึ้นขึ้นรถไปกับเขา เท่าที่ผมเห็นเขาไม่มีอาวุธไม่มีกุญแจมือ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขามีหรือไม่มีอาวุธจริงๆหรือเปล่า เพราะพวกเขาก็ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอาวุธ ตำรวจไม่ได้ค้นบ้านเพราะผมไม่อนุญาตให้เข้ามาในบริเวณบ้าน”

เมื่อไปถึง สภ.แล้วเขาถูกยึดโทรศัพท์ไปและพาไปยังห้องที่มีลักษณะคล้ายห้องประชุม และเขาได้เห็นว่ามีคนที่ถูกนำตัวมาสอบแบบเดียวกับเขาอยู่ก่อนแล้วสามคน ในห้องดังกล่าวมีตำรวจอยู่ประมาณ  20 นาย พร้อมคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก และมีกล้องวิดีโอบันทึกระหว่างซักถาม

ในการสอบสวนเจ้าหน้าที่จะถามทีละคน เจ้าหน้าที่ที่ทำการซักถามไม่ได้แสดงตัวว่ามามียศและสังกัดใด มีเพียงคนที่มีบุคลิกคล้ายผู้บังคับบัญชาเท่านั้นที่แสดงบัตรให้ดู แต่เขาก็จำชื่อยศสังกัดของเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่ได้ทราบแต่เพียงว่าเป็นตำรวจ

ชายคนนี้เล่าต่อว่า เจ้าหน้าที่เหล่านี้ได้ถามเขาเกี่ยวกับความคิดเห็นที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ แนวคิดทางการเมือง ติดตามเรื่องทางการเมืองจากแหล่งใดบ้าง ติดตาม(follow) ใครอยู่บ้าง เคยคุยเป็นการส่วนตัวกับคนที่ติดตามอยู่หรือไม่

ตำรวจยังถามเขาว่าได้ติดตามกลุ่มสหพันธรัฐไทด้วยหรือไม่ เพราะเป็นกลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองผิดกฎหมายร้ายแรงเป็นอั้งยี่ซ่องโจรหากเขาเข้าไปร่วมก็ต้องดำเนินคดี แต่เขาปฏิเสธว่าไม่ได้ติดตามและไม่เคยคุยส่วนตัวกับบรรดาคนที่เขากดติดตามอยู่

“เขาบอกว่า ทางเราก็ทำตามหน้าที่ คุณก็ทำผิดกฎหมายนะ แต่เราก็ไม่อยากทำร้ายอนาคตคุณ เราคนไทยกันเอง เราจะดูเป็นคนๆ ไป ถ้าคุยรู้เรื่องเราก็จะไม่ทำอะไร ขอแค่ให้งดเว้นแสดงความคิดเห็น เขาบอกด้วยว่าผมไม่ใช่คนแรก พวกเขาทำงานนี้กันมาหลายปีแล้ว”

ชายคนนี้เล่าต่ออีกว่า ตำรวจจะยึดเฟสบุ๊คของเขาแต่เขาไม่ยอม ตำรวจเลยไม่ได้รหัสเข้าเฟสบุ๊คของเขาไป แต่เจ้าหน้าที่บังคับให้เขาใช้สมาร์ทโฟนของตัวเองลบโพสต์และแสดงความคิดเห็นไปบางอันแต่ไม่ได้บอกให้ยกเลิกการติดตาม(unfollow) ใคร หลังจากซักถามเสร็จเจ้าหน้าที่ก็เอาเอกสารมาให้ลงลายมือชื่อยอมรับว่าได้มีการเผยแพร่ข้อความจริงและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ตำรวจได้กำชับว่าหากไม่ให้ความร่วมมือจะดำเนินคดีด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกและไม่ได้เป็นหัวหน้าขบวนการอะไรก็จะไม่ทำอะไร

ผู้สื่อข่าวได้ถามว่าเอกสารดังกล่าวมีลักษณะอย่างไร ชายคนนี้ตอบว่าเหมือนเป็นเอกสารบันทึกภายในมากกว่า ไม่ระบุชื่อหน่วยงาน ไม่มีตราครุฑ แต่ข้างท้ายก็มีชื่อของตำรวจที่ดำเนินการเรื่องนี้ลงกำกับอยู่

เขายังบอกอีกว่าเขาถูกคุมตัวไปจากบ้านตั้งแต่ 10 โมงเช้าและเจ้าหน้าที่ส่งกลับถึงบ้านตอนประมาณหนึ่งทุ่มของวันเดียวกัน แต่ระหว่างการซักถามเจ้าหน้าที่ได้เอาขนมและน้ำมาให้ทานด้วย และหลังได้รับการปล่อยตัว ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อมาอีก

 

การกลับมาปรากฏอีกครั้งของการเรียกรายงานตัว

ทั้งนี้การเรียกรายงานตัวบุคคลที่กดไลก์ กดแชร์หรือแสดงความคิดเห็นในโพสต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรก แต่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วตั้งแต่ประมาณเดือนพฤศจิกายนปี 2559

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเคยรายงานกรณีตำรวจเรียกบุคคลเข้ารายงานตัวในลักษณะนี้ไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2559 ว่าในเดือนพฤศจิกายนพบกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม เรียกตัวผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่ง เพราะไปกดไลก์โพสต์ของผู้ลี้ภัยทางการเมืองรายหนึ่งตั้งแต่ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2559 เจ้าหน้าที่ได้ซักถามและทำบันทึก โดยมีการสอบถามข้อมูลส่วนตัว และสาเหตุการไปกดไลก์ แต่ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใด ก่อนที่การดำเนินการลักษณะดังกล่าวจะเกิดมากขึ้นในเดือนธันวาคม 2559 หลังบีบีซีไทยนำเสนอรายงานข่าวพระราชประวัติของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่

นอกจากนั้นในรายงานยังระบุถึงรูปแบบการพูดคุยไว้ว่ามีการตั้งกล้องวิดีโออัดการซักถาม สอบถามว่าได้กดติดตามนักเคลื่อนไหวทางการเมืองคนใด โดยเฉพาะสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล สอบถามสาเหตุที่กดไลก์หรือติดตาม บางรายถูกตรวจสอบเครื่องมือสื่อสาร และถูกขอให้กดยกเลิกติดตามเพจใดเพจหนึ่งด้วย และเมื่อซักถามเสร็จยังให้กล่าวถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อีกด้วย

ศูนย์ทนายความฯ  รายงานอีกว่าทางองค์กรสามารถติดตามข้อมูลได้จำนวน 7 ราย แต่ในคำบอกเล่าของผู้ที่ถูกเรียกรายงานตัว 2 รายได้ระบุตรงกันว่าตำรวจได้บอกกับพวกเขาว่านอกจากพวกเขาที่ถูกเรียกมาแล้วยังมีคนอื่นๆ อีก โดย 1 ใน 2 ถึงกับระบุว่าในวันที่ 6 ธ.ค.2559 วันเดียวตำรวจได้พยายามเรียกคนเข้ารายงานตัวถึง 20 คน  โดยคนที่ถูกเรียกไม่ใช่นักกิจกรรม นักเคลื่อนไหว หรือ “กลุ่มเป้าหมาย” ที่ทหารเคยติดตามมาก่อน อีกทั้งไม่เคยเป็นผู้ชุมนุมทางการเมืองฝ่ายใด แต่เป็นเพียงผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วๆ ไป ที่เข้าไปกดติดตามเพจการเมืองบางเพจเท่านั้น โดยที่เฟสบุ๊คส่วนตัวของบุคคลเหล่านี้มีการใช้ชื่อนามสกุลจริงทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษเอาไว้ ทำให้เป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่มีการติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากชื่อสกุลดังกล่าว

ในรายงานระบุว่า ตำรวจที่ดำเนินการเรียกบุคคลเข้ารายงานตัวครั้งนั้นเป็นตำรวจจากกองบังคับการปราบปราม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท