Skip to main content
sharethis

เปิดภาพและวิดีโอคลิปรถก่อเหตุอุ้ม 'วันเฉลิม' ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทย รวมทั้งข้อความและภาพแชทบุคคลต้องสงสัยที่วันเฉลิมคุยกับคนใกล้ชิด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน อัพเดทคดี ปฏิเสธเข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. กับข้อกล่าวหาเป็นแอดมินเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” ขณะที่ ตร.กัมพูชา ไม่รับสืบคดี

ทะเบียนและรายละเอียดรถก่อเหตุ

5 มิ.ย.2563 ความคืบหน้าการถูกลักพาตัว วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ อายุ 37 ปี ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยที่พักอาศัยอยู่ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (4 มิ.ย.63)

ล่าสุดผู้สื่อข่าวประชาไท ได้รับภาพและวิดีโอคลิปจากกล้องวงจรปิด เปิดเผยถึงรถคนร้ายที่ใช้ลักพาตัว วันเฉลิม พร้อมหมายเลขทะเบียนและรุ่นรถ

ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยนาทีจับตัว "วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" ผู้ลี้ภัยชาวไทยจากที่พักในพนมเปญ (4 มิ.ย. 63)

รถสีดำคันต้องสงสัย และรถสีขาวที่ขับในเวลาใกล้เคียงกัน

สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาว ของวันเฉลิม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวประชาไทด้วยว่า ปกติจะคุยทางไลน์กับน้องชายทุกวัน ถามเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และคุยเรื่องธุรกิจด้านนำเข้าอุปกรณ์วัสดุทางการเกษตรและการสัมปทานเหมืองแร่

สิตานัน กล่าวด้วยว่า ตนเตือนน้องชายตลอดว่าให้เบาลงเรื่องการเมือง ซึ่งวันเฉลิมก็ดูเหมือนว่าจะเชื่อตามที่ตนบอก และอาจเป็นการทำให้ต้าลดความระมัดระวังตัวลง

ข้อความและภาพที่วันเฉลิมคุยกับคนใกล้ชิด ซึ่งมติชนออนไลน์นำมาเผยแพร่ต่อ

มติชนออนไลน์ รายงานว่า มีรายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิด วันเฉลิม เปิดเผยว่า วันเฉลิม เคยส่งภาพชายต้องสงสัย 3 คนที่สะกดรอยตาม วันเฉลิม ที่ประเทศกัมพูชามาก่อนหน้านี้ พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการอุ้ม วันเฉลิมครั้งล่าสุดนี้หรือไม่

ภาพที่อานนท์โพสต์บุคคลต้องสงสัยที่ติดตามวันเฉลิมตั้งแต่ปี 2559

อานนท์ นำภา ทนายและนักกิจกรรมทางการเมือง ยังโพสต์ภาพกลุ่มคนต้องสงสัยที่ติดตามวันเฉลิมเมื่อปี 2559 

ลี้ภัยการเมือง เพราะปฏิเสธเข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช.

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานข้อมูลเกี่ยวกับคดีของวันเฉลิมด้วยว่า หลังการรัฐประหาร 2557 คณะรัฐประหารได้ออกคำสั่งเรียกบุคคลมารายงานตัว โดยปรากฎชื่อของวันเฉลิมอยู่ในลำดับที่ 25 ของคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 44/2557 ออกเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2557 เขาถูกเรียกให้ไปรายงานตัวที่สโมสรทหารบกในวันที่ 3 มิ.ย. 2557 ซึ่งวันเฉลิมไม่ได้เข้ารายงานตัวตามคำสั่งดังกล่าว

ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2557 พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ (ยศในขณะนั้น) ได้รับมอบอำนาจจาก คสช. เข้าแจ้งความกับกองปราบปราม จากนั้น พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลทหาร ขอออกหมายจับบุคคลผู้ฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของ คสช. ซึ่งมี วันเฉลิมเป็นหนึ่งในกลุ่มดังกล่าว ก่อนศาลทหารจะอนุมัติการออกหมายจับ

จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า วันเฉลิม ได้ถูกออกหมายจับในคดีข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ แต่ในช่วงเดือนมิถุนายน 2558 สำนักข่าวอิศราเคยนำเสนอข้อมูลจากเอกสารของหน่วยงานความมั่นคงจากการติดตามผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 มีชื่อ วันเฉลิมเป็น 1 ใน 14 ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ในประเทศลาว

ถูกออกหมายจับอีกคดี จากข้อกล่าวหาเป็นแอดมินเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ”

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานอีกคดีว่า ต่อมาในช่วงเดือนมิถุนายน 2561 คสช.ได้มอบหมายให้พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ (ยศในขณะนั้น) เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ดูแลเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” ในข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (2) ซึ่งเป็นเพจที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก นำเสนอเนื้อหาเสียดสีการเมืองและวิพากษ์วิจารณ์ คสช.

คดีนี้ทางตำรวจได้มีการจับกุมผู้ที่แชร์ข้อความจากเพจจำนวน 9 ราย และได้ขอศาลอาญาออกหมายจับ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างผลการสืบสวนเชิงลึกพบว่าเขาได้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “Wanchalearm Satsaksit” เปิดดำเนินการเพจดังกล่าว และเป็นผู้พักอาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา

ข้อความที่ทาง คสช. กล่าวหาแอดมินเพจและผู้แชร์ข้อความมีจำนวน 2 โพสต์ มีเนื้อหาเป็นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายแก้ปัญหายาเสพติดของ คสช. และวิพากษ์วิจารณ์การดูด ส.ส. ของ คสช. ได้แก่

“ยาเสพติดระบาดหนักในหลายชุมชน จนท. ทหารหลายพื้นที่ ทำงานเป็นคนดูแลความสงบให้แก่พวกขายยา (กล่าวลอยๆ) โดยทำงานร่วมกับตำรวจท้องที่ ลองดูสิ เยอะจริงๆ ยกตัวอย่างแถวบ่อนไก่ ก็ตำรวจ – ทหาร เป็นหูเป็นตาให้ผู้ค้าเองด้วย ป.ป.ส. มาสืบเองก็คงมีข้อมูลแล้ว แต่ก็ไม่ทำอะไร ประชาชนในชุมชนอยู่กันอย่างหวาดระแวง ลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นประจำ นี่หรือคือยุคที่ คสช. อ้างว่าสงบสุข แต่ยาเสพติดกลับทะลักเข้ามาทำลายอนาคตของประเทศ”

“คสช. ตั้งเป้าดูด 300 หัว เพื่อมาสนับสนุนตนเอง และไม่ใช่ดูดธรรมดามีการจ่ายเงินค่าดูดและเจรจาพักคดีด้วยทีนี้ ท่านคิดกันเล่นๆ ดูว่าเงินค่าดูด มาจากไหน? ส่วนเท่าไหร่ จากไหน จากใครบ้าง ไว้จะเปิดเผยภายหน้า อิอิ”

ในส่วนคดีของผู้แชร์ข้อความดังกล่าว จำเลยจำนวน 7 ราย ได้ให้การรับสารภาพตามข้อกล่าวหา โดยศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 6 เดือน ปรับ 2,500 บาท และจำเลยไม่มีประวัติการกระทำความผิดมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี

ส่วนจำเลยอีก 2 ราย ได้ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาและต่อสู้คดี ใช้เวลากว่า 1 ปีครึ่ง ก่อนศาลอาญาจะมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2563 โดยพิพากษายกฟ้องคดี เนื่องจากศาลเห็นว่าคดีนี้ไม่ปรากฏว่าข้อมูลตามโพสต์ดังกล่าวเป็นเท็จหรือไม่ อีกทั้งข้อความก็ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย​ต่อความมั่นคงของประเทศ มีเพียง คสช. ได้รับความเสียหายเท่านั้น เป็นความเสียหายต่อภาพลักษณ์ ​คสช. ซึ่งไม่มีผลต่อความมั่นคงของประเทศ (ดูรายละเอียดคำพิพากษา)

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พ.ค.2563 ศาลอาญาได้ออกหนังสือรับรองคดีถึงที่สุดแล้ว เนื่องจากไม่มีคู่ความฝ่ายใดยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาอีก ทำให้คดีนี้สิ้นสุดลง

ศูนย์ทนายยังรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบเพจ “กูต้องได้ 100 ล้านจากทักษิณแน่ๆ” ได้ปิดหายไประยะหนึ่งแล้ว โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน

ตร.กัมพูชา ไม่รับสืบคดี

โพสต์ทูเดย์ รายงานอ้าง เอเอฟพี ว่า ความคืบหน้าจากหน่วยตำรวจแห่งชาติกัมพูชาระบุว่า ทางตำรวจกัมพูชาจะไม่มีการสืบคดีการหายตัวไปของวันเฉลิม เนื่องจากไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องใดๆถึงการหายตัวไปของวันเฉลิม

"เราไม่รู้อะไรเลย จะให้เราไปสืบสวนอะไร" Chhay Kim Khoeun โฆษกตำรวจแห่งชาติกัมพูชาเผยกับเอเอฟพี

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net