Skip to main content
sharethis

แม่รับลูกกลับจากค่ายทหาร พบสภาพเหม่อลอยไม่ได้สติ จำหน้าแม่ไม่ได้ เดินไม่ได้ พาไปรักษาตัวพบกระดูกสะโพกเคลื่อน โฆษก ทอ.แจงผลตรวจสอบไม่มีคนทำร้าย ระบุป่วยจิตเภท โวยวายกลัวคนมาทำร้ายจากการหนีทหาร ส่วนอาการบาดเจ็บเกิดจากความพยายามหลบหนีจากเรือนจำระหว่างรับโทษหนีทหาร ยันมีพยานหลักฐาน พยานบุคคล ตรวจสอบได้

11 มิ.ย. 2563 วานนี้ ไทยรัฐออนไลน์ รายงานข่าวกรณีที่ ปพิชญา เอียดนุ่น ซึ่งเป็นมารดาของ พลทหารประจักษ์ หรือน้องนุก แก้วคงธรรม อายุ 25 ปี ได้ร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า ลูกชายได้สมัครเป็นทหารเกณฑ์ สังกัดค่ายกองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งระหว่างเข้าประจำการมีร่างกายแข็งแรง กระทั่งเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2562 ตนได้ไปรับตัวกลับ ขณะนั้นพบว่า พลทหารประจักษ์ มีสภาพอิดโรย จำหน้าแม่ไม่ได้ สภาพจิตใจ หรือพฤติกรรมมีความบกพร่อง จากนั้นได้พาตัวกลับบ้านที่จังหวัดตรัง แล้วเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตรัง กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงเป็นเวลา 1 เดือน โดยตลอดเวลา  1 เดือนกองทัพไม่เคยเหลียวแล ช่วยเหลือ เยียวยาแต่อย่างใด และล่าสุด พยายามติดต่อครอบครัวเพื่อเรียกตัวกลับเข้าหน่วย เพราะกำลังจะปลดประจำการ

ปพิชญา จึงตัดสินใจไม่ส่งตัวพลทหารประจักษ์กลับไปที่ค่าย และได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ผ่านทาง ภานุวัฒน์ พูลสวัสดิ์ หน.ศูนย์ดำรงธรรม จ.ตรัง เป็นผู้รับหนังสือ ขอให้ศูนย์ดำรงธรรมประสานงานกับต้นสังกัดคือ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขอดำเนินการปลดประจำการ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.

ปพิชญา กล่าวว่า ลูกเป็นทหารเกณฑ์ กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 อ.หาดใหญ่ เมื่อปี 2560 หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่บ้าน ไม่กลับไปค่าย เมื่อกลับไปรอบที่ 2 อยู่ 6-7 เดือน จู่ๆ เขาก็โทรมาบอกว่าลูกไม่สบาย แต่จะไม่ให้ตนเข้าไปเยี่ยม ก็ได้แจ้งว่าลูกไม่สบายตลอดจนกระทั่งรอบที่ 4 เขาบอกให้ไปรับลูกกลับมา แต่วันนั้นลูกจำแม่ไม่ได้แล้ว หมดสภาพ นิ่งเป็นเหมือนก้อนหิน ก็พาเข้า รพ.ตรัง ทันที กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ที่ รพ. 1 เดือน กลับมาเช่าบ้านอีก 1 เดือน อาการตอนนั้นมีบาดแผลที่หัว 4 จุด โดยจุดที่เป็นแผลไม่มีผมขึ้น ที่สะโพกมีแผลใหญ่ ไม่สามารถเดินได้ ผลเอกซเรย์พบว่ากระดูกขี่กัน

"รับไม่ได้ เสียสติไปเลย 2 วันดี 4 วันร้าย กินไม่ได้นอนไม่หลับ ทุกวันนี้อาการลูกก็ดีขึ้นแล้ว ช่วงที่ลูกป่วย เคยบนไว้ว่าหากหายป่วยจะให้ลูกบวช เมื่ออาการลูกดีขึ้นแล้วก็เคยบวชไป 2 เดือน แต่ช่วงนั้นตนต้องตักข้าวใส่ปิ่นโตทุกวัน เพราะลูกไม่สามารถเดินบิณฑบาตได้ ซึ่งช่วงที่บวชนั้นไม่ได้กินยา อาการป่วยก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม สติแตกเดินไปเดินมาที่วัด 2 วัน 2 คืน พระอาจารย์จึงแนะนำให้ลูกสึกออกมารักษาตัว ก็พาไปรักษาตัวที่ รพ.อีก 16 วันแต่ต้องกินยาสม่ำเสมอ หากไม่กินยาอาการก็จะกลับมาเป็นอีก" ปพิชญา กล่าว

โดยปพิชญา ตั้งข้อสังเกตุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ลูกหนีออกจากค่าย หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำโทษด้วยการขังในเรือนจำ และตอนไปรับลูกกลับมา มีอาการความผิดปกติของความคิด การรับรู้ไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้มีผลเสียต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน

ล่าสุดวันนี้ (11 มิ.ย.) เพจข่าวรายวัน กองทัพอากาศ รายงานว่า พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย รองเสนาธิการทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ตรวจสอบไปยังกองบิน 56 ซึ่งเป็นหน่วยต้นสังกัดแล้ว ข้อเท็จจริงคือ พลทหาร ประจักษ์ เป็นทหารกองประจำการรุ่นปี 2560 ผลัดที่ 2 บรรจุเข้าประจำการเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2560 จากนั้นได้ขาดราชการตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2561 หน่วยต้นสังกัดพยายามติดตามตัว แต่ไม่มารายงานตัวตามกำหนดจึงจำหน่ายหนีราชการ ต่อมามารดาของ พลทหาร ประจักษ์ ได้นำตัวกลับมาส่งต้นสังกัด เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2561 ทางกองพันฯ ได้ปฏิบัติตามระเบียบการรับตัวโดยส่งตัวไปให้แพทย์โรงพยาบาลกองบิน 56 ตรวจร่างกายและสารเสพติด

พล.อ.ท.พงษ์ศักดิ์ ชี้ว่าพบการตรวจร่างกายพบว่า พลทหาร ประจักษ์ มีอาการผิดปกติในลักษณะอาละวาด โวยวาย และระแวงคิดว่าจะมีคนมาทำร้ายจากความผิดฐานหนีราชการ ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2561 ถึง 31 ตุลาคม 2561 รวมหนีราชการ 288 วัน ต้นสังกัดจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน และนำเรียนผู้บังคับบัญชาขออนุมัติให้ลงทัณฑ์ พลทหาร ประจักษ์ โดยการจำขังตามระเบียบการลงทัณฑ์ของทางราชการ โดยระหว่างจำขังอยู่ที่เรือนจำ พลทหาร ประจักษ์ ยังคงมีอาการผิดปกติและมีแนวโน้มจะกำเริบรุนแรงขึ้น

นอกจากนั้น ยังได้พยายามหนีออกจากเรือนจำ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการบาดเจ็บ โดยครั้งแรกได้ปีนรั้วเรือนจำแล้วเกี่ยวลวดหนาม ทำให้เกิดแผลที่ศีรษะและบริเวณร่างกาย ครั้งที่สอง ได้กระโดดออกจากหน้าต่างห้องน้ำ ทำให้เกิดการบาดเจ็บที่ขาและมีแผลบริเวณก้น ซึ่งทางเรือนจำได้นำตัวไปรักษาและล้างแผลที่โรงพยาบาลกองบิน 56 อย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน พลทหาร ประจักษ์ เริ่มมีอาการทางจิตเภทรุนแรงขึ้น เหม่อลอย ไม่ปฏิบัติภารกิจประจำวัน นอนนิ่งอยู่กับที่ อุจจาระปัสสาวะไม่รู้ตัว ทำให้แผลเกิดการติดเชื้อ ต้นสังกัดจึงได้ส่งไปทำการรักษาทางจิตเภทที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ ตามสิทธิประกันสุขภาพบัตรทอง โดยมีบันทึกการรักษาและใบนัดจากแพทย์เป็นลายลักษณ์อักษร

ต่อมาต้นสังกัดจึงติดต่อญาติเพื่อหารือถึงแนวทางการรักษาโรคทางจิตเภท ซึ่งญาติได้ขอรับตัวกลับไปทำการรักษาที่ภูมิลำเนา คือ โรงพยาบาลตรัง ต้นสังกัดจึงได้จำหน่ายโทษเป็นป่วยนอก ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 20 ธ.ค. 2561 ถึง 18 ม.ค. 2562 หลังจากนั้น ได้จำหน่ายป่วยนอกและลากิจอีกหลายครั้ง เพื่อทำการรักษาและให้ญาติได้ดูแลใกล้ชิด ซึ่งทราบว่าระหว่างนั้นทางญาติได้ให้ พลทหาร ประจักษ์ อุปสมบทอยู่ระยะเวลาหนึ่ง

พล.อ.ท. พงษ์ศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับ พลทหาร ประจักษ์ เกิดจากการกระทำของตนเอง เนื่องจากอาการทางจิตเภท ซึ่งสามารถยืนยันได้จากประวัติการรักษาและพยานบุคคลซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เรือนจำ และผู้ถูกลงทัณฑ์ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศได้ดูแลช่วยเหลือและรักษาพยาบาล พลทหาร ประจักษ์ เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้พิจารณาอนุโลมกฎข้อบังคับต่างๆ เป็นกรณีพิเศษตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งเชื่อว่า มารดารับทราบทุกอย่าง ส่วนข้อเรียกร้องให้นำปลดประจำการก่อนครบกำหนดเวลารับราชการ ซึ่งทางญาติอ้างเหตุผลว่าเป็นผู้พิการนั้น ขอให้นำเอกสารหลักฐานต่างๆ มาติดต่อต้นสังกัดเพื่อพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบว่าด้วยการปฏิบัติเกี่ยวกับการปลดทหารกองประจำการต่อไป

“พลทหาร ประจักษ์ สามารถทำเรื่องขอปลดได้ และเราต้องการให้เขาปลดตามกำหนด ซึ่งเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือน เพื่อได้สถานะและสิทธิประโยชน์ในฐานะทหารกองหนุน ซึ่งเหลือเวลาอีกนิดเดียว ทั้งนี้ เราไม่ได้เหนี่ยวรั้ง แต่เพื่อประโยชน์ของตัวเขา แต่ถ้าอยากปลดก่อน ก็ขอให้นำหลักฐานมายื่นตามขั้นตอน” โฆษกกองทัพอากาศ ระบุ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net