ประธาน กสม. แจง ที่ปรึกษา สสส. กรณี ‘วันเฉลิม’ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อหาความจริ
11 มิ.ย.2563 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รายงานว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนฉบั
ประธาน กสม. ขอแจ้งให้นายไพโรจน์ พลเพชร และสาธารณชนทราบ ดังนี้
1. รัฐแต่ละรัฐย่อมมีอำนาจอธิ
2. แม้ กสม. จะมีหน้าที่
3. เมื่อมีกรณีนายวันเฉลิมเกิดขึ้
4. ต่อมาเมื่อวันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563 มีตัวแทนของกลุ่มนักเคลื่
5. อนึ่ง เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 9 มิถุนายน 2563 มีรายงานข่าวทางสื่อมวลชนว่า พี่สาวของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ได้เข้ายื่นเรื่องต่อ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมื
“หวังว่านายไพโรจน์ พลเพชร คงเข้าใจข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และการปฏิบัติหน้าที่ของ กสม. เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ถูกต้
ปรึกษาสมาคมสิทธิฯ ชี้ กสม.มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการอุ้มหาย 'วันเฉลิม'
ทั้งนี้ ไพโรจน์ พลเพชร ที่ปรึกษาสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส) และอดีตคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.) ตั้งประเด็นต่อ ประธาน กสม. ไว้ 5 ประการ ต่อกรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกสม. ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กสม. ที่มีอำนาจหน้าที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะตรวจสอบการอุ้มหาย วันเฉลิม โดยการขอให้รัฐมนตรีหรือข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ หรือหน่วยงานของรัฐอื่นมาให้ข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็นในกรณีดังกล่าว อีกทั้งสามารถเชิญญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับ วันเฉลิม มาให้ข้อท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกสม.ในการทำข้อเสนอต่อหน่วยงานรัฐดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
คณะกรรมการ กสม.มีอำนาจตรวจสอบการอุ้มหาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ได้หรือไม่
โดยเหตุที่ วัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) แถลงความตอนหนึ่งว่าไม่ดำเนินการตรวจสอบการอุ้มหายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์โดยอ้างว่า “กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและเสรีภาพของคนไทยในต่างประเทศ แต่เหตุการณ์ตามข้อกล่าวอ้างเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักรไทย จึงไม่อยู่ในหน้าที่และอำนาจที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะดำเนินการตรวจสอบได้.....”
ข้ออ้างเช่นนี้ไม่สามารถรับฟังได้เมื่อพิจารณาจากกรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกสม.ที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ประกอบด้วย
1. คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบและรายงานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนทุกกรณีโดยไม่ล่าช้า และเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อหน่วยงานของรัฐ หรือเอกชนที่เกี่ยวข้อง
2. สิทธิมนุษยชนที่ต้องตรวจสอบคือสิทธิเสรีภาพที่ได้รับการรับรองหรือคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งในกรณีการอุ้มหายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ รัฐธรรมนูญ 60 ได้รับรองสิทธิและเสรีภาพในชีวิตไว้ตามมาตรา 28 ว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย” เมื่อสิทธิเสรีภาพถูกรับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว รัฐไทยจึงไม่เพียงแต่มีอำนาจหน้าที่ไม่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเท่านั้น หากยังมีอำนาจหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอีกด้วย
3. เมื่อคณะกรรมการกสม.เห็นว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้คณะกรรมการกสม.ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและทำความจริงให้ปรากฏโดยไม่ล่าช้า และต้องศึกษาและวิเคราะห์ให้ทราบถึงสาเหตุของการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยมุ่งเน้นที่จะแก้ไขปัญหาและป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรื่องนั้นหรือลักษณะเดียวกันนั้นขึ้นอีก
4. ในการดำเนินการตรวจสอบการละเมิดสิทธิเสรีภาพ คณะกรรมการกสม.มีอำนาจขอให้หน่วยงานของรัฐ ข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยงานดังกล่าว หรือ บุคคลใด มีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็นในการปฏิบัติงาน หรือมาให้ถ้อยคำ หรือส่งวัตถุ เอกสาร หลักฐาน หรือพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการพิจารณาภายในระยะเวลา ที่คณะกรรมการกำหนด ในกรณีที่หน่วยงานหรือบุคคลใดไม่ดำเนินการตามที่คณะกรรมการร้องขอ คณะกรรมการจะออกคำสั่งให้หน่วยงานหรือบุคคลนั้นดำเนินการดังกล่าวก็ได้
5. การอุ้มหายนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์แม้จะเกิดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งรัฐกัมพูชาต้องมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในชีวิตนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ตามหลักดินแดนอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันรัฐไทยมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในชีวิตนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ตามหลักสัญชาติในฐานะพลเมืองไทย
ด้วยเหตุดังกล่าว คณะกรรมการ กสม. จึงมีอำนาจหน้าที่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะตรวจสอบการอุ้มหาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ โดยการขอให้รัฐมนตรีหรือข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ หรือหน่วยงานของรัฐอื่นมาให้ข้อเท็จจริงหรือให้ความเห็นในกรณีดังกล่าว อีกทั้งสามารถเชิญญาติหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์มาให้ข้อท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกสม.ในการทำข้อเสนอต่อหน่วยงานรัฐดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
“การอุ้มหายบุคคลไม่ว่าด้วยเหตุแรงจูงใจทางการเมืองหรือแรงจูงใจส่วนตัวก็ตาม ล้วนเป็นอาชญากรรมร้ายแรงนอกกฎหมายที่รัฐทุกรัฐต้องมีหน้าที่ปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่ถูกอุ้มหายทุกคน”
นายไพโรจน์ พลเพชร
ที่ปรึกษาสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส)
อดีตคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย (คปก.)
11 มิถุนายน 2563
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)