Skip to main content
sharethis

'อนุสรณ์ ธรรมใจ' บรรยายหัวข้อ 'การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการจ้างงานหลัง COVID-19' แนะนายจ้างต้องปฏิบัติตามมาตรฐานแรงงานไทยและอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานแรงงานโลก ต้องไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน

28 มิ.ย. 2563 มูลนิธิฟรีดดริด เอแบร์ท (Fridrich Ebert Stiftung) ร่วมกับภาคีสังคมแรงงาน ได้จัดงานสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในกลุ่มผู้นำแรงงาน นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมาย การกำหนดอัตราเงินสมทบ และการพัฒนาสิทธิประโยชน์ สำนักงานประกันสังคม ได้บรรยายในหัวข้อ 'การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการจ้างงานหลังโควิด' ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจที่หดตัวอย่างรุนแรงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศทำให้เกิดสถานการณ์ทะยอยเลิกจ้างอย่างต่อเนื่องในธุรกิจอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกิจการต่อเนื่อง ธุรกิจสายการบิน ธุรกิจสื่อสารมวลชน ธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์และอุปกรณ์ ธุรกิจชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจบันเทิงและจัดงาน Event ต่าง ๆ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการเงิน กิจการอุดมศึกษาเอกชน เป็นต้น คาดว่าอัตราการว่างงานอาจขึ้นแตะระดับ 10% (คิดเป็นประมาณ 3.81 ล้านคน) ของกำลังแรงงานและอาจทำให้มีคนว่างงานหรือทำงานไม่เต็มเวลา ว่างงานแฝงและทำงานต่ำระดับเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 ล้านคน ขบวนการแรงงานต้องมีความเป็นเอกภาพและเข้มแข็งเพื่อช่วงบรรเทาความลำบากทุกข์ยากของพี่น้องผู้ใช้แรงงาน และควรมีส่วนร่วมในการเข้าไปมีบทบาทในใช้งบประมาณเงินกู้สี่แสนล้านบาทเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนที่ถูกเลิกจ้างและดำเนินโครงการ Reskill/Upskill เพื่อพัฒนาทักษะและเพิ่มผลิตภาพของแรงงานไทย 

ทั้งนี้พบว่าผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ไม่สะท้อนมายังตัวเลขการว่างงานในไตรมาสแรกแต่จะสะท้อนชัดเจนมากขึ้นในตัวเลขไตรมาสสองและครึ่งปีหลัง การประเมินตัวเลขของทางการที่มองว่าอัตราการว่างงานจะขึ้นไปแตะระดับ 4% และอาจมีคนว่างงานไม่เกิน 2 ล้านคนน่าจะเป็นการมองโลกในแง่บวกเกินไปและประเมินว่าเศรษฐกิจจะกระเตื้องขึ้นอย่างชัดเจนหลังคลายล็อกดาวน์ อย่างไรก็ตามอัตราการว่างงานในระดับ 4% ก็ถือว่าเป็นอัตราการว่างงานสูงสุดในรอบ 23 ปีใกล้เคียงกับวิกฤตการณ์เศรษฐกิจการเงินปี 2541 ซึ่งมีอัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.4% รัฐบาลต้องรีบดำเนินการเพื่อให้เกิดความหนืดในการเลิกจ้างด้วยการแก้กฎหมายให้มีการจ่ายเงินชดเชยเพิ่มขึ้นอีกในกรณีที่มีการเลิกจ้าง และให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อจูงใจให้บรรษัทข้ามชาติยังคงจ้างงานและขยายกิจการในไทย ไม่โยกย้ายฐานการผลิต 

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่าแม้ว่าปัจจุบันมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมทำให้สถานการณ์การจ้างงานกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อย และแรงงานบางกลุ่มจะยังไม่สามารถกลับไปมีรายได้เช่นเดิม โดยเฉพาะแรงงานในภาคการท่องเที่ยว แรงงานในอุตสาหกรรมส่งออกเนื่องจากอุปสงค์ในต่างประเทศลดลง และการท่องเที่ยวยังเชื่อมโยงกับมาตรการของต่างประเทศด้วย เช่น มาตรการการกักตัว มาตรการยกเลิกเส้นทางการบิน เป็นต้น การเร่งรัดใช้งบประมาณเงินกู้สี่แสนล้านบาทเพื่อทำให้เกิดการจ้างงานขนาดใหญ่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันในช่วงเดือน พ.ค.-ก.ค. จะมีแรงงานจบใหม่เข้าสู่ตลาดประมาณ 5.2 แสนคน ซึ่งประมาณ 60% ไม่น่าจะมีตำแหน่งงานรองรับ แรงงานจำนวนมากจำเป็นต้องมีปรับทักษะเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจ มาตรการชดเชยรายได้เป็นระยะเวลาสามเดือนให้กับแรงงานอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown ก็จะสิ้นสุดลงในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ และคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังคงไม่มีรายได้ไม่มีงานทำ รัฐบาลต้องมีมาตรการรองรับเพิ่มเติมด้วย 

นายอนุสรณ์ ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องมาตรฐานแรงงานว่ามาตรฐานแรงงานไทยและอาเซียนเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานแรงงานโลก กระทรวงแรงงานได้ประกาศมาตรฐานแรงงานไทยเมื่อ 27 มิ.ย. 2546 เพื่อให้สถานประกอบการทุกประเภท ทุกขนาด นำไปปฏิบัติต่อแรงงานในสถานประกอบการด้วยความสมัครใจ การดำเนินธุรกิจและดำเนินการผลิตต้องมีความรับผิดชอบทางสังคมที่ครอบคลุมสิทธิมนุษยชน (รวมสิทธิแรงงานด้วย) สภาพการจ้างและสภาพการทำงาน รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานต้องทบทวนข้อกำหนดแห่งมาตรฐานแรงงานในช่วงนี้เนื่องจากมีสถานการณ์เลิกจ้างรุนแรงเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อลูกจ้างและทำให้เกิดระบบแรงงานสัมพันธ์ที่ดี มาตรฐานนี้ครอบคลุมไปยังผู้รับเหมาช่วงและการจ้างงานแบบไม่เป็นมาตรฐานด้วย สถานประกอบกิจการต้องให้ลูกจ้างได้รับข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้าง และค่าตอบแทนการทำงานที่ได้รับทั้งหมดในแต่ละงวด เป็นลายลักษณ์อักษร และสามารถเข้าใจรายละเอียดส่วนประกอบต่าง ๆ ได้ สถานประกอบกิจการต้องไม่หักค่าจ้าง ค่าตอบแทนการทำงาน หรือเงินอื่นที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานกำหนดให้จ่ายแก่ลูกจ้างไม่ว่ากรณีใด เว้นแต่กฎหมายยกเว้นไว้ 

ทั้งนี้มาตรฐานแรงงานไม่สามารถครอบคลุมแรงงานจำนวนไม่น้อยที่อยู่นอกระบบ สถานประกอบกิจการต้องไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน การจ่ายค่าจ้าง และค่าตอบแทนการทำงาน การให้สวัสดิการ โอกาสได้รับการฝึกอบรม และพัฒนา การพิจาณาเลื่อนขั้น หรือตำแหน่งหน้าที่ การเลิกจ้าง หรือเกษียณอายุการทำงานและอื่น ๆ อันเนื่องมาจากเหตุเพราะความแตกต่างในเรื่องของสัญชาติ เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา อายุ เพศ สถานภาพสมรส ทัศนคติส่วนตัวในเรื่องเพศ ความพิการ การติดเชื้อเอชไอวี การเป็นผู้ป่วยเอดส์ การเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน การเป็นกรรมการลูกจ้าง ความนิยมในพรรคการเมือง หรือแนวความคิดส่วนบุคคลอื่น ๆ ซึ่งขณะนี้พบว่านายจ้างได้ถือโอกาสช่วงวิกฤตเศรษฐกิจกลั่นแกล้งเลิกจ้างลูกจ้างอย่างเลือกปฏิบัติ ซึ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงในสังคมเพิ่มขึ้น 

นายอนุสรณ์ ย้ำว่าสถานประกอบกิจการต้องมีมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหา เพื่อมิให้ลูกจ้างถูกล่วงเกิน คุกคาม หรือได้รับความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ โดยการแสดงออกด้วยคำพูด ท่าทาง การสัมผัสทางกาย หรือด้วยวิธีการอื่นใด สถานประกอบกิจการต้องเคารพสิทธิลูกจ้างในการรวมตัวจัดตั้งและร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือคณะกรรมการอื่น ๆ ในสถานประกอบกิจการ อีกทั้งยอมรับการร่วมเจรจาต่อรอง การคัดเลือก หรือเลือกตั้งผู้แทน โดยไม่กระทำการใด ๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อขัดขวาง หรือแทรกแซงการใช้สิทธิของลูกจ้าง สถานประกอบกิจการต้องมีมาตรการที่จะอำนวยความสะดวกแก่ผู้แทนลูกจ้างในการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ และต้องปฏิบัติต่อผู้แทนลูกจ้างโดยเท่าเทียมกับลูกจ้างอื่น ๆ โดยไม่กลั่นแกล้ง โยกย้าย เลิกจ้าง หรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่เป็นธรรม สถานประกอบกิจการต้องกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ครอบคลุมประเภทงาน หรือลักษณะงานที่มีแนวโน้มอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และความปลอดภัยของลูกจ้าง และผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีการควบคุม ป้องกันให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานความปลอดภัยในทุกสภาพแวดล้อมในการทำงาน สถานประกอบกิจการต้องจัดให้มีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันอันตราย และลดปัจจัยเสี่ยงให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานความปลอดภัย ขณะนี้หลายกิจการ หลายธุรกิจอุตสาหกรรมลดมาตรฐานแรงงานลงมาเพื่อลดต้นทุน อย่างไรก็ตามการดำเนินการดังกล่าวอาจเป็นเงื่อนไขต่อการเพิ่มการกีดกันทางการค้าอันนำมาสู่ผลกระทบต่อกิจการและประเทศชาติโดยรวมในที่สุด 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net