พนักงาน Facebook ไม่พอใจ 'มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก' กรณีไม่ตอบโต้ 'โดนัลด์ ทรัมป์'
มีรายงานข่าวว่าพนักงานระดับสูงของ Facebook หลายรายได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงผิดหวังต่อการตัดสินใจของ ซัคเคอร์เบิร์ก ที่ไม่ตอบโต้ความเห็นของผู้นำสหรัฐฯ ต่อสถานการณ์การประท้วงที่เริ่มรุนแรงขึ้นทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงประโยคที่ว่า “ที่ใดมีการปล้น ที่นั่นต้องมีการลั่นไก” ที่หลายคนมองว่าเป็นการยั่วยุและก่อให้เกิดการแบ่งแยก
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ ได้ติดคำเตือนในคอมเมนท์ดังกล่าวของ ปธน.ทรัมป์ ทันที พร้อมระบุว่า ข้อความทวีตดังกล่าวผิดกฎของการต่อต้านการส่งเสริมความรุนแรง แต่ ซัคเคอร์เบิร์ก ให้ความเห็นว่า เขาไม่เห็นว่าคอมเมนท์นี้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมและรุนแรงมากนัก ทั้งยังไม่ละเมิดนโยบายของบริษัท ที่ต่อต้านการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง พร้อมกล่าวว่า ประชาชนควรจะรู้ได้เองว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะทำการอย่างใดกับการประท้วงชุมนุมที่เกิดขึ้น
แต่พนักงานหลายรายที่รอยเตอร์สรายงานว่า มีการระบุว่าเป็นผู้ใด และมีตำแหน่งสูงถึงระดับผู้บริหาร ได้ทวีตข้อความชื่นชมทวิตเตอร์ที่ตัดสินใจออกคำเตือนออกมา และให้ความเห็นว่า Facebook ควรทำการบางอย่างคล้าย ๆ กัน
ตัวเลขคนอเมริกันว่างงานสะสมพุ่งขึ้นเป็น 42.5 ล้านคน
รายงานล่าสุดจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุมีชาวอเมริกันยื่นเรื่องขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มอีกเกือบ 2 ล้านคน ส่งผลให้จำนวนสะสมของชาวอเมริกันที่ว่างงานในช่วง 11 สัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้นเป็น 42.5 ล้านคน ขณะที่รัฐต่าง ๆ ทั่วสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดภาคธุรกิจเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 จำนวนชาวอเมริกันที่ว่างงานยังคงสูงขึ้น โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอีก 1.88 ล้านคน เนื่องจากถูกเลิกจ้าง ขณะที่ ตัวเลขการว่างงานล่าสุดนี้เป็นข้อมูลรายสัปดาห์ที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. แต่ตัวเลขสะสมล่าสุดคิดเป็นสัดส่วน เกือบ 1 ใน 4 ของแรงงานกว่า 164 ล้านคนในสหรัฐฯ แล้ว
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่าตัวเลขผู้ว่างงานในสหรัฐฯ ที่แท้จริงนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด เพราะผู้ที่ยื่นเรื่องขอรับสวัสดิการในสัปดาห์ก่อนๆ น่าจะถูกเรียกกลับไปทำงานบ้างแล้ว หลังการปลดล็อคมาตรการควบคุมและป้องกัน COVID-19 ทั่วประเทศที่อนุญาตให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้ง และหลังอัตราว่างงานในสหรัฐฯ ประจำเดือน เม.ย. ซึ่งปรับขึ้นมาเป็น 14.7%
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาออกกฎหมายใหม่เพื่อสนับสนุนให้ผู้ที่ว่างงานกลับไปทำงานอีกครั้งด้วยการเสนอเงินโบนัสพิเศษอีก 1,200 ดอลลาร์สหรัฐฯ แทนที่จะรอรับสวัสดิการจากรัฐต่อไป
แรงงานเวียดนามผิดกฎหมายทะลักสถานกักกันในไต้หวัน
สืบเนื่องจากเวียดนามใช้มาตรการป้องกันโรค COVID-19 ด้วยการห้ามชาวต่างชาติและชาวเวียดนามเข้าประเทศมาตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. เป็นต้นมา รวมถึงอ้างเหตุผลไม่สามารถรองรับการกักตัวดูอาการผู้เดินทางเข้าประเทศจำนวนมากได้ ส่งผลให้แรงงานเวียดนามผิดกฎหมายที่ถูกตรวจพบไม่สามารถส่งกลับประเทศได้มีจำนวนมากกว่า 700 คน จนทะลักสถานกักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต รัฐบาลไต้หวันได้มีการประสานกับฝ่ายเวียดนาม ขอให้จัดเครื่องบินเที่ยวพิเศษรับพลเมืองของตนกลับประเทศ หลังจากเรียกร้องมานาน ในที่สุดเมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา เวียดนามได้จัดส่งเครื่องบินโบอิ้ง 787 รับแรงงานเวียดนามผิดกฎหมายกลับประเทศแล้ว 344 คน ในจำนวนนี้มีผู้ลักลอบเข้าเมืองทางเรือแล้วถูกจับส่งกลับประเทศ 11 คน และแรงงานหญิงตั้งครรภ์ 7 คน
จากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไต้หวันพบว่า นอกจากแรงงานเวียดนามผิดกฎหมายที่ถูกตรวจพบรอส่งกลับประเทศอยู่ในสถานกักกันกว่า 700 คนแล้ว ยังมีชาวเวียดนามที่เดินทางเข้าไต้หวันด้วยวีซ่านักเรียน นักท่องเที่ยวและนักธุรกิจประมาณ 3,000 คน และมีแรงงานเวียดนามที่ทำงานครบสัญญาหรือถูกยกเลิกสัญญาต้องเดินทางกลับประเทศอีกหลายพันคน การจัดเที่ยวบินพิเศษไทเป-โฮจิมินห์แม้เพียงเที่ยวเดียว รับชาวเวียดนามที่ตกค้างได้ไม่ถึง 400 คน แต่ถือเป็นก้าวแรกช่วยลดความแออัดในสถานกักกันลงได้บ้าง ฝ่ายไต้หวันจะประสานของให้รัฐบาลเวียดนามเพิ่มเที่ยวบินพิเศษอย่างประเทศไทยให้มากขึ้น
ที่มา: Radio Taiwan International, 5/6/2020
ชาวบราซิลเดินขบวนประท้วงเหตุนายจ้างผิวขาวปล่อยลูกชาย 5 ขวบของแม่บ้านตกตึกเสียชีวิต
ชาวบราซิลเดินขบวนประท้วงเหตุนายจ้างผิวขาวปล่อยให้เด็กชายวัย 5 ขวบ ลูกชายของแม่บ้านตกตึกเสียชีวิต สะท้อนการประท้วงเหยียดเชื้อชาติที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐ เด็กชายเสียชีวิตหลังตกจากอาคารสูง 9 ชั้น เหตุเกิดเมื่อแม่ฝากเขาไว้กับนายจ้างผิวขาวในช่วงที่เธอพาสุนัขของนายจ้างไปเดินเล่น ภาพจากกล้องวงจรปิดที่สถานีโทรทัศน์นำมาออกอากาศเห็นนายจ้างหญิงคุยกับเด็กชายขณะยืนอยู่ในลิฟต์ จากนั้นก็กดปุ่มชั้นบนสุดแล้วปล่อยให้เขาอยู่ลิฟต์ตามลำพัง จากนั้นเด็กชายออกจากลิฟต์แล้วปืนไปตามหน้าต่างและระเบียงจนตกลงมาเสียชีวิต
ที่มา: Deccan Herald, 6/6/2020
นายจ้างไต้หวันเรียกร้องรัฐบาลแก้กฎหมายขยายระยะเวลาทำงาน เพื่อให้แรงงานต่างชาติอยู่ทำงานในไต้หวันได้เกิน 12 ปี
แรงงานต่างชาติทำงานในไต้หวันได้ไม่เกิน 12 ปี เริ่มเป็นปัญหาใหญ่ของนายจ้างแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ มีนายจ้างจำนวนมากต่างโอดครวญแรงงานต่างชาติของตน ฝึกฝนมาจนเชี่ยวชาญในหน้าที่การงาน แต่ต้องเดินทางกลับประเทศเพราะครบกำหนดระยะเวลาทำงาน 12 ปี และไม่สามารถกลับมาทำงานที่ไต้หวันอีก นายจ้างต้องนำเข้าแรงงานคนใหม่มาฝึกฝนต่อ กลายเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงของภาคอุตสาหกรรมไต้หวัน
ที่นิคมอุตสาหกรรมหูโข่วในเมืองซินจู๋ ปัจจุบันมีผู้ประกอบการ 434 โรงงาน ว่าจ้างแรงงานต่างชาติร่วม 10,000 คน ไม่เพียงแต่สร้างงานให้แรงงานไต้หวันกว่า 65,000 ตำแหน่ง ยังสร้างมูลค่าการผลิต 650,000 ล้านเหรียญไต้หวัญต่อปี และในจำนวนแรงงานต่างชาติที่ทำงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ มีจำนวนมากที่เป็นกำลังแรงงานกลุ่มหลัก แต่ปีสองปีมานี้ ผู้ประกอบการกำลังประสบปัญหาปวดหัว เมื่อแรงงานต่างชาติที่ตนว่าจ้าง ฝึกฝนจนมีความชำนาญในหน้าที่การงาน จำต้องเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากระยะเวลาทำงานครบกำหนด 12 ปี ทำให้ต้องนำเข้าแรงงานชุดใหม่มาฝึกฝนต่อ ไม่เพียงแต่จะเสียต้นทุนและเวลาในการฝึกฝนแรงงานชุดใหม่ ยังเป็นความสูญเสียของภาคการผลิตของไต้หวัน ผู้ประกอบการจำนวนมากเริ่มส่งเสียงดัง เรียกร้องรัฐบาลให้ความสำคัญในปัญหานี้ ด้วยการแก้กฎหมาย หรือผ่านร่างกฎหมายคนเข้าเมืองและเศรษฐกิจใหม่ เพื่อให้แรงงานต่างชาติที่มีทักษะฝีมือ สามารถยกระดับแรงงานกึ่งฝีมือ ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวันได้ต่อไป
เนื่องจากอัตราการเกิดในไต้หวันลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไต้หวันต้องเผชิญกับปัญหาและภาวะวิกฤตที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างประชากร การปันผลทางประชากร หรือการได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงทางประชากรหมดสิ้นลงไปในปี 2027 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า ทำให้ไต้หวันประสบภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยเฉพาะแรงงานที่มีทักษะฝีมือระดับปานกลาง หรือแรงงานกึ่งฝีมือ เช่นพนักงานประกอบเครื่องจักร พนักงานควบคุมเครื่องจักร และพนักงานการผลิตเป็นต้น จากการสำรวจของกระทรวงเศรษฐการขาดแคลสูงถึง 210,000 คน ส่วนใหญ่เป็นความต้องการในภาคการผลิต ดังนั้นคณะกรรมการพัฒนาแห่งชาติของไต้หวัน ได้ร่างกฎหมายคนเข้าเมืองและเศรษฐกิจใหม่ เพิ่มการว่าจ้างแรงงานกึ่งฝีมือ ได้แก่แรงงานต่างชาติที่มีทักษะฝีมือและทำงานในไต้หวันครบ 6 ปีขึ้นไป ยกระดับให้เป็นแรงงานกึ่งฝีมือได้ หรือนักเรียนนักศึกษาต่างชาติที่จบการศึกษาในไต้หวันระดับมัธยมปลายหรืออาชีวศึกษาสามารถเข้าทำงานได้ โดยกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างไม่ต่ำกว่า 41,393 เหรียญไต้หวัน สำหรับแรงงานในภาคการผลิต และ 32,000 เหรียญ สำหรับผู้อนุบาลในครัวเรือน เมื่อได้รับการยกระดับเป็นแรงงานกึ่งฝีมือแล้ว จะไม่ถูกจำกัดระยะเวลาทำงานเหมือนแรงงานต่างชาติทั่วไปอีกต่อไป ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้ผ่านการอนุมัติจากสภาบริหารแล้ว แต่ไม่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติ
ที่มา: Radio Taiwan International, 12/6/2020
เลขาธิการ UN เรียกร้องให้ทั่วโลกรักษาการจ้างงานท่ามกลางการระบาดของ COVID-19
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) เผยนโยบายด้านโควิด-19 และการจ้างงานว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง แรงงานทุกคน ทุกธุรกิจ และทุกมุมโลกต่างได้รับผลกระทบ มีการสูญเสียตำแหน่งงานหลายร้อยล้านตำแหน่ง
นายกูเตอร์เรสได้เรียกร้องให้ใช้ 3 มาตรการ ได้แก่ การสนับสนุนแรงงาน องค์กร ตำแหน่งงาน และรายได้ของกลุ่มเสี่ยงในทันที, ให้ความสำคัญกับกิจกรรมทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจมากกว่าเดิมหลังคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยมีสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยและให้สิทธิสำหรับสตรีและพลเมืองที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และพยายามให้มนุษย์เป็นศูนย์กลาง ลดมลพิษ และสร้างความยั่งยืน รวมถึงการควบคุมศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่เพื่อสร้างงานที่เหมาะสมสำหรับทุกคน
ไต้หวันผ่อนปรนนำเข้าแรงงานต่างชาติครั้งใหญ่สุดในรอบ 20 ปี
หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย รัฐบาลหันมากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการผลักดันงานก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภค กระทรวงแรงงานสนองนโยบาย ผ่อนปรนให้ผู้รับเหมาโครงการสาธารณูปโภค ซึ่งเดิมจะต้องเป็นโครงการมูลค่า 10,000 ล้านเหรียญไต้หวันขึ้นไป จึงจะอนุญาตให้นำเข้าแรงงานต่างชาติได้ เมื่อเดือนมีนาคม ปี 63 ที่ผ่านมา ได้ขยายการนำเข้าด้วยการลดมูลค่าโครงการเหลือ 1,000 ล้านเหรียญไต้หวัน และขณะนี้ลดลงอีก โครงการก่อสร้างของรัฐที่มีมูลค่า 100 ล้านเหรียญขึ้นไป ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี 6 เดือนขึ้นไป สามารถนำเข้าแรงงานต่างชาติได้ เท่ากับเป็นการหวนกลับไปใช้นโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้ว คาดจะช่วยให้ผู้รับเหมางานก่อสร้างของรัฐ นำเข้าแรงงานต่างชาติเพิ่มขึ้นประมาณ 2,400 คน
จากสถิติของกระทรวงแรงงาน ณ สิ้นเดือน เม.ย. 2020 ในไต้หวันมีแรงงานต่างชาติทำงานอยู่จำนวน 711,539 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่หรือ 434,072 คน ทำงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิต รองลงมาเป็นภาคสวัสดิการสังคมมีจำนวน 260,583 คน ตามมาด้วยการประมง ส่วนภาคการก่อสร้างมีจำนวน 4,573 คน ในจำนวนนี้ เป็นคนงานไทยมากที่สุด 2,854 คน ตามด้วยเวียดนาม 1,202 คน อินโดนีเซีย 505 คนและฟิลิปปินส์ 12 คน
ที่มา: Radio Taiwan International, 19/6/2020
จีนระบุการใช้แรงงานบังคับใน 'ซินเจียง' เป็นข่าวปลอม
จากคำกล่าวอ้างถึงการที่ "ซินเจียงมีการบังคับใช้แรงงานของชนกลุ่มน้อย" นายรึเหอหม่านเจียง ต๋าอู่ถี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรบุคคล และประกันสังคมของเขตปกครองตนเองชนเผ่าอุยกูร์ซินเจียง กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เป็นข่าวปลอมที่สร้างขึ้นโดยกลุ่มต่อต้านจีนภายใต้การนำขององค์กรและบุคคลในสหรัฐฯ และประเทศตะวันตก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซินเจียงได้นำกลยุทธ์การจ้างงานและนโยบายการมีงานทำ โดยมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือประชาชนชนกลุ่มน้อยจากเผ่าต่าง ๆ มีการหางานทำที่มีคุณภาพ และการรับสมัครงานที่ดียิ่งขึ้นภายในสิ้นปี 2019 มีตลาดแรงงานในระดับอำเภอขึ้นไป จำนวน 104 แห่งภายในซินเจียง ให้บริการจัดหางานกว่า 20 ล้านคน/ครั้ง ในเวลาเดียวกัน ซินเจียงก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของคนทำงาน และผู้ใช้แรงงานของชนเผ่าต่าง ๆ จะไม่ถูกเลือกปฏิบัติจากชนเผ่า เพศและความเชื่อทางศาสนา ตามหลักการของความเสมอภาคและความสมัครใจ พวกเขาได้ลงนามใน “สัญญาการทำงาน” กับบริษัทตามกฎหมาย มีความสัมพันธ์ด้านแรงงานที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และจะได้รับสวัสดิการทางสังคมด้วย
ที่มา: China Radio International, 21/6/2020
รัฐบาลทรัมป์ขยายเวลาระงับวีซ่าทำงานสำหรับชาวต่างชาติถึงสิ้นปี 2020
รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขยายเวลาระงับการออกกรีนการ์ด หรือ เอกสารอนุมัติการอยู่อาศัยและทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายในสหรัฐฯ สำหรับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่นอกสหรัฐฯ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ รวมทั้งระงับการออกวีซ่าทำงานหลายประเภทสำหรับชาวต่างชาติด้วย
วีซ่าดังกล่าวรวมถึง วีซ่า H-1B ที่ให้กับลูกจ้างชาวต่างชาติของบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ในสหรัฐฯ วีซ่า H-2B ที่ให้กับคนทำงานตามฤดูกาลที่ไม่ใช่ในภาคการเกษตร วีซ่า J-1 สำหรับลูกจ้างชั่วคราว และวีซ่าชั่วคราวประเภทอื่นสำหรับการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และวัฒนธรรม รวมทั้งวีซ่า L-1 สำหรับผู้บริหารของบริษัทระหว่างประเทศ
เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ กล่าวกับ Associated Press ในวันจันทร์ โดยไม่ขอเปิดเผยชื่อว่า คำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นปี 2020 นี้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ได้มีโอกาสหางานทำได้มากขึ้น และไม่ถูกแย่งงานโดยชาวต่างชาติ
รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่า มาตรการนี้จะช่วยให้มีตำแหน่งงานว่างสำหรับคนอเมริกันราว 525,000 ตำแหน่ง และให้เหตุผลว่าเป็นการแก้ปัญหาการว่างงานของสหรัฐฯ ที่ยังคงสูงต่อเนื่องที่ระดับ 13.3% เมื่อเดือนก่อน จากวิกฤต COVID-19
อย่างไรก็ตาม การระงับการออกวีซ่าชั่วคราวให้กับชาวต่างชาติอาจส่งผลกระทบกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร และภาคเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาแรงงานชั่วคราวจากต่างประเทศภายใต้วีซ่าประเภทเหล่านี้
ปักกิ่งคุมเข้มตรวจ COVID-19 พนักงานส่งอาหาร-พัสดุด่วนทุกคน
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2020 นายสีว์ เหอเจี้ยน โฆษกเทศบาลกรุงปักกิ่งกล่าวในงานแถลงข่าวถึงงานป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กรุงปักกิ่งว่าพนักงานส่งพัสดุด่วนและส่งอาหารที่กรุงปักกิ่งจะต้องตรวจเชื้อโควิดทุกคน
นายสีว์ เหอเจี้ยน กล่าวว่าผู้ที่เคยเดินทางไปตลาดขายส่งสินค้าเกษตรซินฟาตี้ หรือมีประวัติติดต่อใกล้ชิดกับผู้ที่เคยไปนั้น จำต้องรับการตรวจเชื้อโควิดทุกคน นอกจากนี้ ผู้ที่ทำงานในตลาดสด ร้านอาหาร โรงอาหาร ส่งพัสดุด่วน ส่งอาหาร และด้านโลจิสติกส์ทั้งหลาย จำเป็นต้องรับการตรวจเชื้อโควิดทุกคนเช่นกัน สำหรับในเขตที่มีความเสี่ยงสูงทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด้านการป้องกันโควิด พนักงานบริการด้านการคมนาคม ร้ายขายของ ธนาคาร และธุรกิจด้านบริการอื่น ๆ ก็จำเป็นต้องตรวจเชื้อโควิดทุกคน โดยผู้ที่อยู่ในเขตที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับการตรวจก่อน
อนึ่ง แหล่งข่าวแจ้งว่ากรุงปักกิ่งกำลังจะยกเลิกการกักตัวเฝ้าดูอาการรวมของบุคคลกลุ่มเสี่ยง และจะทำการตรวจเชื้อรอบที่สอง นอกจากนี้ กรุงปักกิ่งจะควบคุมการเดินทางออกจากกรุงปักกิ่งต่อไป โดยนายสีว์ เหอเจี้ยน กล่าวว่า ห้ามผู้คนในเขตความเสี่ยงระดับกลางและสูง ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีความเกี่ยวพันกับตลาดซินฟาตี้ เดินทางออกจากกรุงปักกิ่งเด็ดขาด ส่วนบุคคลอื่นทางการเสนอให้งดเดินทางออกจากกรุงปักกิ่งหากไม่จำเป็น สำหรับผู้ที่เดินทางออกนอกกรุงปักกิ่งแล้ว ต้องแจ้งให้ท้องถิ่นนั้น ๆ ทราบอย่างทันที เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด
นายชุย เว่ย ผู้อำนวยการฝ่ายการขนส่งผู้โดยสาร สำนักงานป้องกันการแพร่ระบาด กลุ่มบริษัทการรถไฟจีนสาขาปักกิ่ง กล่าวในการแถลงข่าวในวันเดียวกันว่า ผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกกรุงปักกิ่ง ต้องแสดงใบรับรองผลการตรวจเชื้อโควิดภายใน 7 วัน จึงจะอนุมัติให้โดยสารรถไฟได้
ที่มา: China Radio International, 24/6/2020
สายการบิน Qantas ประกาศปลดพนักงาน 6,000 ตำแหน่ง
สายการบิน Qantas ของออสเตรเลียแจ้งว่าจะมีการปลดพนักงาน 6,000 ตำแหน่ง โดยระบุเหตุผลว่า หลัก ๆ แล้วมาจากการไม่สามารถให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศได้ ในช่วง COVID-19 ระบาด ถึงแม้เที่ยวบินในประเทศจะเริ่มทำได้แล้ว แต่ก็มีมาตรการที่ค่อนข้างเข้มงวด ทำให้ธุรกิจสายการบินดำเนินธุรกิจได้ลำบาก ทั้งนี้ก่อนการปลดพนักงานครั้งนี้ของ Qantas บริษัทมีพนักงาน 30,000 คน โดย 25,000 คน ถูกพักงานชั่วคราวมาตั้งแต่ต้นปี 2020
ที่มา: Yahoo Finance, 25/6/2020
คนงานภาคเกษตรแคลิฟอร์เนีย ประท้วงนายจ้างเรียกร้องอุปกรณ์ป้องกัน COVID-19
กลุ่มคนงานภาคเกษตรราว 50 คน ของบริษัท Primex Farms ผู้ส่งออกถั่วรายในแคลิฟอร์เนีย ออกมาประท้วงนายจ้างเพื่อเรียกร้องอุปกรณ์ป้องกัน COVID-19 รวมถึงมาตรการด้านสุขอนามัยที่ดีขึ้น หลังจากเพื่อนร่วมงานของพวกเขาหลายคนมีผลทดสอบเชื้อเป็นบวก
การจัดอันดับต่อต้านการค้ามนุษย์ ไต้หวันได้รับการยอมรับอยู่ในระดับ 1 ติดต่อกัน 11 ปี
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ทั่วโลกปี 2020 จัดอันดับ 180 กว่าประเทศทั่วโลก ไต้หวันอยู่ในระดับ 1 (Tier 1) เป็นที่ยอมรับติดต่อกัน 11 ปี กระทรวงมหาดไทยของไต้หวันแถลงข่าวในวันที่ 26 มิ.ย. การปราบปรามค้ามนุษย์ได้ผลดี การปกป้องสิทธิมนุษยชนของไต้หวันเป็นค่านิยมที่ไต้หวันดำเนินการอย่างเต็มที่ งานด้านต่าง ๆ บรรลุผลสะท้อนให้เห็นในดัชนีสำคัญด้านต่าง ๆ
กระทรวงมหาดไทยแถลงด้วยว่า ปธน. ไช่อิงเหวินในสมัยดำรงตำแหน่ง รอง รนม. ในปี 2007 ได้กำกับดูแลเพื่อจัดประชุม “รายงานสภาบริหารประสานการต่อต้านค้ามนุษย์” เป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐบาลกับองค์กรภาคเอกชน ประชุมเป็นประจำเพื่อทบทวนในเรื่องการค้ามนุษย์ ไต้หวันจึงมีพื้นฐานที่ดีในการป้องกันการค้ามนุษย์อย่างมีประสิทธิภาพ
กระทรวงมหาดไทยแถลงว่า เวทีประชุมสภาบริหารตั้งแต่มกราคมปีที่แล้วได้มีการหารือในเรื่องการค้ามนุษย์ เสนอ โครงการปฏิบัติการคุ้มครองใหม่ปี 2019 - 2020 ซึ่งมีหน่วยงานส่วนกลางจาก 16 แห่ง เพิ่มเป็น 19 แห่ง ประกอบด้วย สภาตุลาการ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน คณะกรรมการการเกษตร เป็นต้น และองค์กรภาคเอกชนทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันการป้องกันการค้ามนุษย์
กระทรวงมหาดไทยแถลงว่ารายงานการจัดอันดับมีการแนะนำไต้หวันให้เสริมความเข้มแข็งในด้านการจัดการเรือประมง โดยเฉพาะการประมงน่านน้ำสากล ป้องกันการกดขี่แรงงานประมง ระงับการเก็บค่าบริการและค่านายหน้า เป็นต้น กระทรวงมหาดไทยชี้ว่า การประชุมในปลายปี 2020 นี้จะมีการกำหนดแผนปฏิบัติการ 2.0 ผลักดันงานต่อต้านการค้ามนุษย์ที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น
ที่มา: Radio Taiwan International, 26/6/2020
ILO คาดอัตราการจ้างงานปี 2020 นี้จะไม่กลับไปจุดเดิมก่อนการระบาดของ COVID-19
องค์การแรงงานสากล หรือ ILO ระบุว่าภาพรวมของตลาดแรงงานโลกในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ยังคงมีความ "ไม่แน่นอนอย่างสูง" และคาดว่าอัตราการจ้างงานจะไม่สามารถฟื้นตัวกลับไปอยู่ในจุดที่เคยเป็นก่อนการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ได้ภายในปี 2020 นี้
ILO ระบุในรายงานว่าชั่วโมงการทำงานของแรงงานทั่วโลกลดลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้มาก โดยทวีปอเมริกาคือภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีชั่วโมงการทำงานลดลง 18.3% ขณะเดียวกัน คาดว่ามีการสูญเสียชั่วโมงการทำงาน 14% โดยเฉลี่ยทั่วโลกในไตรมาสที่สองของปีนี้ หรือเท่ากับ 400 ล้านตำแหน่งงาน ซึ่งเป็นผลจากการระบาดของ COVID-19
ILO คาดการณ์ว่าจะยังคงมีการสูญเสียชั่วโมงการทำงานราว 4.9% ในไตรมาสสุดท้ายของปี หรือเท่ากับ 140 ล้านตำแหน่งงาน โดยตัวเลขนี้อาจเพิ่มเป็น 340 ล้านตำแหน่งงาน หากเกิดการระบาดใหญ่ระลอกที่สองภายในปีนี้
รายงานฉบับนี้ยังบอกด้วยว่า แรงงานผู้หญิงได้รับผลกระทบจากการระบาดนี้มากกว่าผู้ชาย เนื่องจากส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ร้านค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)