Skip to main content
sharethis

เมื่อไม่นานนี้มีบริษัทหลายบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์หลายร้อยแบรนด์ทำการบอยคอตต์การซื้อพื้นที่โฆษณาในเว็บไซต์โชเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ เพื่อต้องการกดดันให้โซเชียลมีเดียเหล่านี้จัดการยับยั้งการพูดยุยงสร้างความเกลียดชังทางอัตลักษณ์หรือที่เรียกว่า "เฮทสปีช" ให้มากขึ้นกว่านี้
 

บริษัทอย่างยูนิลิเวอร์ ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ 400 แบรนด์ประกาศยกเลิกการซื้อโฆษณาบนเว็บไซต์โซเชียลมีเดียเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ โดยระบุว่าเพื่อประท้วงการแพร่กระจายคำพูดยุยงสร้างความเกลียดชังทางอัตลักษณ์ เช่น การคุกคาม การเหยียดเพศ หรือการเหยียดเชื้อชาติสีผิว ที่มีเพิ่มมากขึ้นในโซเชียลมีเดียเหล่านี้

คำประกาศของยูนิลิเวอร์ระบุว่า การซื้อโฆษณาในพื้นที่เหล่านี้ต่อไปจะไม่ได้ให้คุณค่าใดๆ ต่อผู้คนและสังคม นอกจากยูนิลิเวอร์แล้วยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่เริ่มกดดันเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียอื่นๆ เพื่อให้มีการต่อต้านการพูดยุยงสร้างความเกลียดชัง  หรือ เฮทสปีช และต่อต้านการใส่ร้ายป้ายสีให้ดีขึ้นกว่านี้

มีกลุ่มสิทธิพลเมืองหลายกลุ่ม เช่น สมาคมเพื่อการส่งเสริมความก้าวหน้าของคนผิวสี (NAACP) และกลุ่มต่อต้านการเหยียดชาวยิว (ADL) ต่างก็เรียกร้องให้แบรนด์ของบรรษัทต่างๆ เลิกซื้อพื้นที่โฆษณาในโซเชียลเน็ตเวิร์กเหล่านี้มาหลายสัปดาห์แล้ว

ประธานของ NAACP เดอร์ริค จอห์นสัน กล่าวว่ามันเป็นเรื่องเห็นได้ชัดว่าเฟซบุ๊กและซีอีโอของเฟซบุ๊ก อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ไม่ใช่แค่ปล่อยปละละเลยแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีส่วนรู้เห็นกับการเผยแพร่ข้อมูลเชิงใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อประชาธิปไตยอย่างทำให้ฟื้นกลับคืนมาไม่ได้

นอกจากยูนิลิเวอร์แล้ว บริษัทอื่นๆ ที่ซื้อโฆษณามากกว่า 90 ราย เช่น พาทาโกเนีย, เดอะนอร์ทเฟซ, เวอร์ไรซอน ก็ร่วมกันบอยคอตต์โซเชียลมีเดียในเรื่องนี้ด้วย เวอร์ไรซอนซึ่งเป็นผู้ให้บริหารโทรคมนาคมระบุว่าพวกเขายกเลิกการโฆษณาบนเฟซบุ๊กจนกว่าเฟซบุ๊กจะสามารถหาทางออกที่ทำให้พวกเขา "สบายใจ" ได้ แต่ก็มีกลุ่ม ADL ที่ระบุว่าในวันเดียวกับที่มีการแถลงพวกเขายังพบโฆษณาของเวอร์ไรซอนในเฟซบุ๊กอยู่ข้างวิดีโอ "ทฤษฎีสมคบคิด" ที่มีลักษณะเหยียดชาวยิว

สำหรับยูนิลิเวอร์นั้น พวกเขามีแบรนด์ในสังกัดมากกว่า 400 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นชาลิปตัน, สบู่โดฟ หรือไอศครีมเบนแอนด์เจอร์รี พวกเขาระบุว่าจะยกเลิกโฆษณาที่มีเป้าหมายเป็นประชาชนชาวสหรัฐฯ บนเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และทวิตเตอร์ ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยที่ยูนิลิเวอร์แถลงถึงว่าโซเชียลมีเดียที่ร่วมทำธุรกิจกับพวกเขาควรจะทำอะไรให้มากกว่านี้ในการขจัดการแบ่งแยกและเฮทสปีชในช่วงที่กำลังใกล้เลือกตั้งสหรัฐฯ เข้ามาทุกขณะ

หลังจากที่มีการบอยคอตต์จากบริษัทต่างๆ เฟสบุคก็เริ่มมีปฏิบัติการในเรื่องนี้บ้างบางส่วน โดยในช่วงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซัคเคอร์เบิร์ก แถลงว่าเขาจะกำจัดเฮทสปีชที่ปรากฏในโฆษณาและการให้ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับสถานที่เลือกตั้งในการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปีนี้

ด้านทวิตเตอร์แถลงว่าพวกเขาได้พัฒนานโยบายและสมรรถภาพของพื้นที่ออนไลน์เพื่อตอบรับกับการคุ้มครองและบริการการสนทนาระหว่างผู้คน ทวิตเตอร์แถลงอีกว่าพวกเขามีพันธกิจในการรับฟังเสียงให้มากขึ้นจากกลุ่มชุมชนชายขอบและผู้ที่มีเสียงเบาในสังคมโดยจะพยายามทำงานร่วมกับผู้ร่วมธุรกิจกับพวกเขาอย่างใกล้ชิดในช่วงเวลาเช่นนี้

เรียบเรียงจาก : 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net