Skip to main content
sharethis

'ช่อ พรรณิการ์' เผย ผู้เกี่ยวข้องฉายแสง #ตามหาความจริง โดนหมายเรียก ชี้รัฐคุกคามผู้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์

 

2 ก.ค.2563 ทีมสื่อคณะก้าวหน้าแจ้งว่า วันนี้ (2 ก.ค.63) พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ระบุถึงกรณีที่คณะก้าวหน้าจัดกิจกรรม พฤษภา 35I53 ความจริงต้องปรากฏ ที่จบลงตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้กิจกรรมดังกล่าว มีการจัดแคมเปญประชาสัมพันธ์โดยการฉายเลเซอร์ตามสถานที่ต่างๆ รอบกรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงค่ำวันที่ 10 พ.ค.ทั้งนี้เวลาผ่านเกือบ 2 เดือนปรากฏว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นบริษัทให้เช่าเครื่องปั่นไฟ, บริษัทที่ให้ยืมอุปกรณ์ยิงเลเซอร์,คนขับรถ และช่างภาพอิสระที่ถ่ายภาพกิจกรรม ถูกหมายเรียกจากตำรวจ โดยระบุผู้ฟ้องร้องคือ “กระทรวงกลาโหม” ฟ้อง “กลุ่มบุคคลที่นำเครื่องเลเซอร์ฉายภาพและข้อความต่างๆ หลายจุดในกรุงเทพมหานคร” โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธพิจารณาความอาญา พ.ศ. 2477 มาตรา 52

พรรณิการ์ แสดงความกังวลพร้อมตั้งข้อสังเกตว่า

1. เหตุการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 พ.ค. แต่หมายเรียกกลับมาในวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่มีกลุ่มนักกิจกรรมฟื้นฟูประชาธิปไตย ประกาศจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิ.ย. 2475 โดยจะมีการฉาย hologram ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

2. คนขับรถ บริษัทที่เช่าอุปกรณ์การฉาย โดนตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เข้าตรวจสอบและคุกคามถึงบ้านโดยที่ไม่ได้ตั้งข้อหาว่าทำผิดอะไร

3. จากเหตุการณ์ครั้งนี้เราถึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงกลาโหมในฐานะผู้ฟ้อง พยายามกระทำการปิดปากประชาชนข่มขู่ไม่ให้มีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ขึ้นอีก

พรรณิการ์ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นการริดรอนสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน ที่มีคุณค่าทางศิลปะและสร้างสรรค์ แต่ทางเจ้าหน้าที่รัฐและฝ่ายความมั่นคงกลับมีความกังวล ซึ่งการกระทำเหล่านี้เป็นการข่มขู่ให้กลุ่มศิลปินหวาดกลัว แม้หมายที่ออกจะเป็นหมายเรียกพยาน แต่บ่อยครั้งที่เจ้าหน้าที่ใช้วิธีออกหมายเรียกพยานเพื่อเรียกบุคคลไปสอบสวน แล้วตั้งข้อหาในภายหลัง โดยการสอบพยาน ผู้ถูกสอบจะเสียเปรียบ เนื่องจากไม่สามารถนำทนายเข้าไปร่วมฟังการสอบสวนได้

แกนนำคณะก้าวหน้า กล่าวทิ้งว่า คณะก้าวหน้า มีความกังวลและเป็นห่วง ไม่อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการแสดงออกครั้งนี้ ได้รับความเดือดร้อน กลายเป็นกลุ่มบุคคลมีคดีความ พร้อมกันนี้ขอเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันจับตามองว่าคดีจะกลายเป็นความผิดจริงหรือ ซึ่งการฉายเลเซอร์ไม่ได้เป็นการก่อให้เกิดความรำคาญหรือสร้างความเสียหายแก่สถานที่หรือทรัพย์สินใดๆ เป็นเพียงการแสดงออกทางศิลปะเพียงเท่านั้น ไม่ฝ่าฝืนเวลาเคอร์ฟิวแต่อย่างใด พร้อมยืนยันว่าคณะก้าวหน้าในฐานะผู้ริเริ่มกิจกรรมพร้อมแสดงความรับผิดชอบ แลยืนหยัดเคียงข้างผู้ที่ถูกหมายเรียกทุกคน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่กรุงเทพฯ พบกิจกรรมฉายแสงที่ชื่อว่า Photo Series #ตามหาความจริง ตามจุดสำคัญๆ ต่างๆ เช่น วัดปทุมวนาราม กระทรวงกลาโหม อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและรางรถไฟฟ้า ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและทหาร เมื่อปี 2553 จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก การฉายแสงดังกล่าวสร้างความสนใจจำนวนมากในทวิตเตอร์ #ตามหาความจริง ยังขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ของประเทศไทยด้วย โดยกิจกรรม #ตามหาความจริง สร้างปฏิกิริยาทำทั้งกองทัพและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภายหลังทวิตเตอร์ของพรรณิการ์ @Pannika_FWP แกนนำคณะก้าวหน้ายอมรับว่าทางคณะเป็นผู้จัดกิจกรรมดังกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net