9 ก.ค. 2563 ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เพื่อยื่นคำร้องเอาผิดคณะรับมนตรีทั้งคณะ สืบเนื่องมาจากกรณีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่มเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมูลเหตุมาจาก ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ตั้งข้อสังเกตว่าการที่สภาผู้แทนราษฎรนำวาระรับทราบรายงานความคืบหน้า การดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศช่วงเดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. ปี 2562 ของคณะรัฐมนตรีมาบรรจุในวาระนั้นไม่น่าจะชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ 2560 ม.270 จึงเป็นเหตุให้มีการนับองค์ประชุมของสภาฯจนกระทั่งประธานสภาฯ ต้องสั่งปิดการประชุมเพราะมีสมาชิกมาร่วมประชุมไม่ถึงครึ่ง มีเพียง 226 คนจาก 448 คนเท่านั้น
ศรีสุวรรณกล่าวด้วยว่า การปฏิรูปประเทศเป็นประเด็นสำคัญที่นำมาซึ่งการรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.57 จนกระทั่งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ก็ได้บัญญัติบังคับให้คณะรัฐมนตรีต้องดำเนินการปฏิรูปประเทศตาม ม.257 ประกอบ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดําเนินการปฏิรูปประเทศ 2560 ซึ่งรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้ในบทเฉพาะกาล ม.270 ความว่า “ให้คณะรัฐมนตรี แจ้งความคืบหน้าในการดําเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศต่อรัฐสภาเพื่อทราบทุกสามเดือน” เพื่อป้องกันมิให้คณะรัฐมนตรีละเลยหรือเพิกเฉยต่อการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
เขาย้ำว่า การประชุมสภาผู้แทนฯ ล่มเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา ความจึงปรากฏโดยปริยายว่าคณะรัฐมนตรีฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ 2560 ม.270 โดยชัดแจ้งเพราะไม่รายงานความคืบหน้า การดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศต่อรัฐสภาในทุกๆ 3 เดือนตามที่กฎหมายบัญญัติ แสดงให้เห็นว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้ไม่จริงใจต่อการปฏิรูปประเทศโดยชัดแจ้ง ซึ่งอาจมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2561 และอาจเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งอาจมีผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.167 ประกอบ ม.170 และ ม.160 บัญญัติไว้