Skip to main content
sharethis

ธนาธร จี้คลังแจงกรณีทำ MOU ธนารักษ์-กองทัพ ในโครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก ที่กองทัพบกริเริ่มขึ้นหลังจากกรณีกราดยิงโคราช ชี้อย่าบิดเบือน ต้องสุจริตโปร่งใส เปิดเผยเอกสารต่อกรรมาธิการ ย้ำงบ 64 ผูกพันข้ามปี ไม่สอดรับโควิด-19 ส่งผลเหลื่อมล้ำของคนทั้งประเทศ

9 ก.ค. 2563 ทีมสื่อคณะก้าวหน้ารายงานว่า ที่รัฐสภา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในฐานะที่ปรึกษาในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 กล่าวในที่ประชุมในการพิจารณางบประมาณ กับผู้ชี้เเจงในส่วนของกระทรวงการคลัง โดยย้อนถึงเหตุการณ์กราดยิงโคราชที่เกิดขึ้นวันที่ 8 ก.พ. 63 ที่ประชาชนจำนวนมากสูญเสียชีวิต ซึ่งต้นตอของปัญหานั้นเกิดจากการที่ทหารชั้นประทวนถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้บังคับบัญชา ทำให้เกิดการเรียกร้องจากสังคมให้มีการตรวจสอบกิจการสวัสดิการภายในกองทัพบก ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการทหารบกได้ประกาศว่าจะมีการปฏิรูปกองทัพครั้งใหญ่ภายใน 90 วัน

โดย หนึ่งในมาตรการการปฏิรูปกองทัพ เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ได้มีการประกาศทำ MOU ระหว่างกรมธนารักษ์และกองทัพบก ใน “โครงการการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจของกองทัพบก” รวมถึงธุรกิจพิเศษ อาทิ สนามมวย สนามกอล์ฟ โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ โดยมีข้อตกลงที่จะคืนที่ดินราชพัสดุให้กับกรมธนารักษ์ ยึดโมเดล “Profit Sharing” ส่งคืนคลัง กรณีนี้ธนาธรเรียกร้องให้ ปลัดกระทรวงการคลังคือ ประสงค์ พูนธเนศ เปิดเผยเอกสารดังนี้ 1.เผยข้อตกลง MOU ระหว่างกรมธนารักษ์กับกองทัพ 2.ในส่วนของ Profit sharing 10% เข้าคลังไม่ติดขัดอะไรแต่ 90% ที่เหลือหายไปไหน ทั้งที่ที่ดิน ก็เป็นของกรมธนารักษ์ เงินที่ใช้ลงทุนก็เป็นเงินของรัฐ งบประมาณรายรับเหล่านี้ปรากฎอยู่ในนอกงบประมาณหรือหรือไม่มีข้อมูล 3.สัมปทาน ระหว่างดุสิตธานี เปิดเผยหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาธร ยังเสนอแนะให้จัดทำงบประมาณแบบ zero-based bugeting โดยตัดโครงการต่างๆที่ไม่ได้สอดคล้องกับปัญาของประเทศ โดยระบุว่า นี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ที่จะจัดทำงบประมาณแบบผูกพันข้ามปี อยากให้ตั้งคำถามว่าปัญหาของประเทศคืออะไร โดยจัดทำงบฯ ที่สอดคล้องและตอบโจทย์กับปัญหาของสังคมมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำของสังคม หรือว่าขีดความสามารถในการแข่งขันขันของประเทศ

ขณะที่วานนี้ ซึ่งเป็นการประชุม กมธ.งบประมาณประจำปี 2564 นัดแรก ธนาธร ระบุว่า สิ่งหนึ่งที่กังวลคือ กรอบการพิจารณาทำงบประมาณปี 2564 เหมือนเดิม เหมือนกับปี 2563 และเหมือนกับปี 2562 ทั้งๆ ที่โจทย์เดิมยังไม่ได้รับการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำทางรายได้ เศรษฐกิจถดถอย ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ดูแล้วมีแนวโน้มน้อยลง และมีปัญหาใหม่เข้ามาคือโคโรนาไวรัส แต่กลับไม่ใช้โอกาสนี้เปลี่ยนเเปลงรูปแบบการทำงบประมาณ ที่จะทำให้เรารับมือกับโควิด-19 ได้ ที่จะทำให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้าได้ อีกทั้ง มีงบประมาณหลายส่วนที่เห็นว่าไร้ประสิทธิภาพและไม่ตอบสนองต่อสภาวการณ์ในปัจจุบัน เชื่อว่าการที่ตนและพรรคก้าวไกลได้มาทำหน้าที่ในกรรมาธิการจะเป็นการเปิดโอกาสให้ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ หวังว่าข้อเสนอแนะของเราจะได้รับฟังจากผู้มีอำนาจ เพราะการใช้งบประมาณตามแบบที่เสนอมาในวาระที่ 1 ไม่ทำให้ประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้และจะเป็นภาระของลูกหลาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net