Skip to main content
sharethis

ช่วงที่มีการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ที่ต่อมาได้เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบัน สัญญาว่าจะสร้าง 'กำแพงขนาดใหญ่ที่งดงาม' กั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโก โดยอ้างวาทกรรมในเชิงต่อต้านผู้อพยพกล่าวหาว่าผู้อพยพเป็นคนทำให้เกิดปัญหายาเสพติดหรือโรคระบาด แต่ช่วงนี้กลับเผชิญในสิ่งที่ตรงกันข้าม เพราะเม็กซิโกพยายามสกัดกั้นการข้ามพรมแดนจากสหรัฐฯ หลังจากที่มีกรณี COVID-19 ระบาดหนัก

สื่อเดอะการ์เดียนรายงานว่าหลังจากที่มีกรณีโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ COVID-19 เพิ่มขึ้นมากทั้งในสหรัฐฯ และในเม็กซิโก เมืองทางตอนเหนือของเม็กซิโกเรียกร้องให้มีการจำกัดการเดินทางข้ามพรมแดนจากสหรัฐฯ สู่เม็กซิโก เพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ นำโคโรนาไวรัสมาจากแพร่กระจายต่อในเม็กซิโก

จากข้อมูลสถิติมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในเม็กซิโกอยู่ที่ประมาณ 275,000 ราย จากประชากร 128 ล้านคน ขณะที่สหรัฐฯ มีจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 3.11 ล้านราย จากประชากร 328 ล้านคน

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ประชาชนในเมืองโซนอยตาที่อยู่ติดกับรัฐแอริโซนาพากันใช้ยานพาหนะของพวกเขาในการสกัดกั้นถนนที่นำไปสู่เปอร์โต เปญาสโก เมืองชายทะเลที่เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ประชาชนในพื้นที่ยังมีแผนการจะนำยานพาหนะมาปิดกั้นในแบบเดียวกันอีกในช่วงสุดสัปดาห์นี้

นายกเทศมนตรี โฮเซ รามอส อาร์ซาเต นายกเทศมนตรีของโซนอยตาแถลงขอให้นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ อย่าเข้ามาเที่ยวในเม็กซิโก เพราะพวกเขาตกลงร่วมกันว่าจะปกป้องสุขภาพและชุมชนของพวกเขาในช่วงที่มีการติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐแอริโซนาและเท็กซัส ถึงแม้ว่าข้อมูลสถิติจะระบุให้เห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ เองแต่ทรัมป์ก็พยายามโทษว่าเป็นเพราะเม็กซิโกทำให้ชาวอเมริกันติดเชื้อไวรัส ถึงแม้ว่าในวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมาทรัมป์จะจัดให้มีการต้อนรับตัวแทนจากเม็กซิโกเพื่อพบปะพูดคุยกันเรื่องข้อตกลงการค้าสหรัฐเมริกา-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ก็ตาม

ทั้งนี้รัฐบาลเม็กซิโกดูจะสร้างปัญหา COVID-19 ในประเทศตัวเองแบบเดียวกับสหรัฐฯ จากการไม่มีมาตรการตรวจโรคที่ครอบคลุมเพียงพอ และเป็นไปได้ว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อตกสำรวจไม่ตรงตามตัวเลขของทางการ

อย่างไรก็ตามชาวเม็กซิกันในพื้นที่ใกล้กับชายแดนมองว่าการที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันที่หลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสายจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการควบคุมโรคทำให้พวกเขาขอให้รัฐบาลเม็กซิกันวางมาตรการจำกัดการเข้าเมืองจากสหรัฐฯ ให้เข้มงวดชึ้น

เอ็นริค เคลาเซน เลขาธิการด้านสาธารณสุขประจำเมืองโซโนราแถลงไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะวางมาตรการคุ้มครองสุขภาวะของชาวเมืองโซโนรา และหนึ่งในนั้นคือการลดการข้ามแดนจากสหรัฐฯ เข้าสู่เม็กซิโก โดยที่ในช่วงตลอดวันหยุดวันชาติสหรัฐฯ ด่านตรวจคนเข้าเมืองของโซโนราก็ทำการคัดกรองคนเข้าเมืองจากสหรัฐฯ เข้มงวดขึ้น อนุญาตให้คนเข้าเมืองที่เป็น "การเดินทางโดยมีความจำเป็น" เท่านั้นที่จะสามารถเข้าเมืองได้ โดยมีการงดเว้นให้แต่ด่านใกล้กับเปอร์โตเปญาสโกจนทำให้ชาวเมืองต้องพากันมาสกัดกั้นถนนเอง ทั้งนี้ในหลายรัฐของเม็กซิโกก็มีการตัดหน่วยควบคุมด้านสาธารณสุขเพื่อคัดกรองตามด่านต่างๆ ด้วย กำหนดการปิดด่านดังกล่าวจะมีไปจนถึงวันที่ 21 ก.ค. นี้

ทูตสหรัฐฯ ประจำเม็กซิโก คริสโตเฟอร์ ลันเดา เคยแถลงขอให้ประชาชนอเมริกันเดินทางไปเม็กซิโกน้อยลงเพราะเกรงว่า หากมีการเดินทางแห่ทะลักเข้าไปมากๆ เม็กซิโกจะยิ่งมีมาตรการสกัดกั้นชาวอเมริกันมากขึ้น ทั้งนี้ลันเดายังขอร้องให้เจ้าหน้าที่ทางการเม็กซิโกเปิด "มากีราโอรา" โรงงานผลิตวัตถุดิบแบบไม่มีภาษีโดยอ้างว่าไม่ควรทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก อย่างไรก็ตามทางการสหรัฐฯ ก็เคยส่งผู้อพยพจากเม็กซิโกกลับประเทศตัวเองรวมถึงคนที่เป็นโรค COVID-19

เรียบเรียงจาก : 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net