ดีเอสไอแจ้งประชาไทว่าให้ข้อมูลความคืบหน้าคดีผู้เสียชีวิตเมษา-พฤษภา 53 ไม่ได้เพราะไม่เข้าเกณฑ์เปิดเผยข้อมูลของทางหน่วยงาน แต่ยังอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ได้
วานนี้ (13 ก.ค.63) สำนักข่าวประชาไทได้รับจดหมายแจ้งจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรื่องควาบคืบหน้าทางคดีของผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมเมษายน-พฤษภาคม 2553 ที่ประชาไทได้ทำหนังสือขอทราบข้อมูลไปเมื่อ 5 มิ.ย.2563 โดยข้อมูลที่ขอไปมีดังนี้
- คดีของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ทางการเมือง ปี 2553 ที่อยู่ในความรับผิดชอบทั้งหมดของดีเอสไอ มีทั้งส่วนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและพลเรือนใช่หรือไม่
- ความคืบหน้าคดีของผู้เสียชีวิตตามรายชื่อในเอกสารแนบท้าย
- สำนวนคดีที่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
- คดีใดบ้างที่ส่งสำนวนให้อัยการหรือหน่วยงานอื่น(เช่น ศาลทหาร) พิจารณาแล้ว
ดีเอสไอได้ตอบประเด็นแรกมาว่าการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นทั้งในส่วนของพลเรือนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนั้น ดีเอสไอเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ตามมติคณะกรรมการคดีพิเศษที่ 3/2553 เมื่อ 16 เม.ย.2553 ที่ให้การกระทำความผิดอาญากรณีก่อการร้ายการขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใดๆ การทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ และกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของทางราชการอันเกี่ยวกับการชุมนุมที่มิชอบด้วยกฎหมายในช่วงปลายปี พ.ศ.2552 เป็นต้นไปในราชอาณาจักรรวมถึงความผิดต่อเนื่องหรือที่เกี่ยวพันกันเป็นคดีพิเศษ
ทั้งนี้ดีเอสไอตอบในส่วนของความคืบหน้าคดีว่าสำนวนของผู้เสียชีวิตคนใดอยู่ในขั้นตอนใดนั้นมาว่า ข้อมูลความคืบหน้านี้เป็นข้อมูลในสำนวนการสอบสวน การเปิดเผยข้อมูลจำเป็นต้องเข้าหลักเกณฑ์ที่ดีเอสไอกำหนดไว้ 3 ข้อ ดังนี้
- เพื่อประโยชน์อันสำคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ หรือชีวิตร่างกาย สุขภาพ หรือประโยชน์อื่นของบุคคล
- เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย ให้มีคำสั่งให้เปิดเผยได้เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งตัดสินในสำนวนดังกล่าวแล้วหรือเป็นสำนวนที่ได้มีคำสั่งยุติเรื่องแล้ว ทั้งนี้การเปิดเผยต้องไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลใด และไม่ระบุช้อมูลข่าวสารที่อาจทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด
- เปิดเผยต่อศาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอหรือทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว เว้นแต่สำนวนดังกล่วาอยู่ระหว่างดำเนินการ และการเปิดเผยจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และความมั่นคงในทางเศรษฐกิจ หรือการคลังของประเทศ หรือจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ หรืออาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือความปลอดภัยของบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือกรณีตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 92(1) จะมีคำสั่งไม่อนุญาตก็ได้
ดีเอสไอยังระบุอีกว่าทางหน่วยงานไม่สามารถเปิดเผยให้ประชาไททราบได้เนื่องจากประเด็นดังกล่าวไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ข้างต้น แต่ประชาไทยังสามารถใช้สิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารได้ภายใน 15 วัน ตามมาตรา 18 พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540
ทั้งนี้ประชาไทจะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
จดหมายตอบกลับจากดีเอสไอ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)