ครป.ยื่นหนังสือกับคกก.เศรษฐกิจฯ ร้องตรวจสอบการทำงานรัฐแก้ปัญหาเศรษฐกิจผูกขาด

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ยื่นหนังสือกับประธาน คกก. เศรษฐกิจฯ ร้องตรวจสอบการทำงานรัฐแก้ปัญหาเศรษฐกิจผูกขาด เสนอสอบผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด-การให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติและการให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ดันระบบภาษีทรัพย์สินแบบอัตราก้าวหน้า

15 ก.ค. 2560 วันนี้ เวลา 11.00 น. ที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภา เมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ได้เดินทางไปยื่นหนังสือกับศิริกัญญา ตันสกุล ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบการทำงานของรัฐและแก้ปัญหาเศรษฐกิจผูกขาด โดยมีข้อเสนอ 3 ส่วนคือ 1) ขอให้ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอํานาจเหนือตลาดและการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า 2560 เพื่อขจัดการผูกขาดเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ 2) ขอให้ตรวจสอบการให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติและการให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI.) 3) ขอให้ผลักดันภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างรัฐสวัสดิการในประเทศไทย

 

15 กรกฎาคม 2563

เรื่อง  1) ขอให้ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอํานาจเหนือตลาดและการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า 2560 เพื่อขจัดการผูกขาดเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ 2) ขอให้ตรวจสอบการให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติและการให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI.) 3) ขอให้ผลักดันภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างรัฐสวัสดิการในประเทศไทย

เรียน  ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ได้ติดตามนโยบายทางเศรษฐกิจและการทำงานของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการให้สัญญาสัมปทาน โครงการร่วมทุนภาครัฐ การส่งเสริมการลงทุนและโครงการในเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ เพื่อตรวจสอบการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรม การป้องกันเศรษฐกิจผูกขาด และสร้างประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมที่เพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ ครป. พบว่านโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมานั้น กลับสวนทางกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และส่งเสริมให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่กลุ่มทุนที่ร่ำรวยมั่งคั่งอยู่แล้วให้ได้รับอภิสิทธิ์พิเศษ การยกเว้นภาษีรวมถึงการให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่นักลงทุนต่างชาติ นับเป็นภัยคุกคามความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในรูปแบบใหม่ ผ่านการครอบครองเศรษฐกิจและสงครามการแย่งชิงทรัพยากรภายใน ที่อาจส่งผลร้ายต่อสังคมและความมั่นคงในระยะยาว เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรได้ตรวจสอบในประเด็นดังกล่าวอย่างรอบด้าน ครป. จึงขอให้คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้

1) ขอให้ตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอํานาจเหนือตลาดและการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 เพื่อขจัดการผูกขาดเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ 

ครป. ขอเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาการผูกขาดทางเศรษฐกิจและการค้า และสนับสนุนการค้าที่เป็นธรรมอย่างเป็นระบบโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นการใช้มาตรการเพิ่มภาษีต่อกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ บังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 อย่างเคร่งครัดและมีประสิทธิภาพต่อการกระทำที่เข้าข่ายผูกขาดหรือครอบงำตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ซึ่งพบว่ายังมีอยู่จำนวนมาก ประกาศมาตรการที่ป้องกันและไม่อนุญาตให้เอกชนกลุ่มใดถือครองตลาดในด้านนั้นๆ เกินกึ่งหนึ่งของตลาด และตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าว่าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพหรือเลือกปฏิบัติหรือไม่ เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่

รวมถึงการตรวจสอบโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ชองรัฐทุกโครงการที่ไม่โปร่งใส หากเป็นโครงการที่เอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนกับกลุ่มทุนใหญ่ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นโครงการประชารัฐ โครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการสัมปทานพื้นที่ในสนามบินต่างๆ การให้การส่งเสริมการลงทุน (BOI) แก่เอกชนบริวารโดยมิชอบและไม่รู้จบ รวมถึงโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC.) เป็นต้น

ในสถานการณ์วิกฤติทางเศรษฐกิจและโควิด-19 ครั้งนี้ ประเทศไทยจะพัฒนาต่อไปได้ต้องมีประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้กลุ่มทุนธุรกิจผูกขาดค้ากำไรจากวิกฤตการณ์ โดยควรเรียกตรวจสอบหน่วยงานที่ดูแลและควบคุมให้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดผลิตให้เพียงพอต่อประชาชนและอยู่ในการควบคุมราคาของรัฐ และมีมาตรการด้านภาษีและดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกระดับ โดยการให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบได้พักชำระหนี้ชั่วคราวกับสถาบันทางการเงินต่างๆ การหยุดคิดดอกเบี้ยเงินกู้ชั่วคราวเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็แทบไม่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะการตรวจสอบนโยบายการเงินการธนาคารที่ส่วนต่างดอกเบี้ยสูงมากเกินไป 

2) ขอให้ตรวจสอบการให้กรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติและการให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มทุนขนาดใหญ่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI.) 

เนื่องจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI.) เป็นหน่วยงานราชการที่มีอายุครบรอบ 54 ปี ในการทำงานส่งเสริมการลงทุนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2509 ในขณะประเทศกำลังพัฒนาอุตสาหกรรม โดยมีภารกิจหลักคือการส่งเสริมการลงทุนผ่านการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ แก่เอกชนเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายส่งเสริมการลงทุนตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนที่ 2/2557 คือการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา การสร้างนวัตกรรม การสร้างมูลค่าเพิ่มของภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม และการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมฯ ทั้งนี้ โดยมีการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี (ขึ้นกับประเภทกิจการและเงื่อนไข) ลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% อีก 5 ปี (เฉพาะเขตส่งเสริมการลงทุน) รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษี เช่น การอนุญาตต่างชาติถือหุ้น 100% (ยกเว้นกิจการตามบัญชีหนึ่งท้ายพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือที่มีกฎหมายอื่นกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ) และอนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นต้น ซึ่ง ครป.เห็นว่า ประเทศไทยมีปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้และเศรษฐกิจติดอันดับโลก ซึ่งส่งเสริมให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรงทางสังคมในอนาคต ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐ จะเข้ามากำกับดูแลแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยตรง แทนการสนับสนุนนโยบายและกฎหมายต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาดโดยการอ้างส่งเสริมการลงทุนเหมือนในยุคการพัฒนาทุนนิยมและอุตสาหกรรมเริ่มแรกซึ่งเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว และนำมาสู่ปัญหาการกระจุกตัวทางอำนาจในปัจจุบันในรูปแบบทุนครอบงำรัฐและระบอบอำนาจนิยมอุปถัมภ์ในประเทศไทย

นอกจากนี้การให้อนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติ ตามมาตรา 27 ของกฎหมาย BOI คือภัยคุกคามความมั่นคงของชาติและประชาชน ซึ่งสมควรปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยนี้โดยด่วน เนื่องจากปัจจุบันนี้กลุ่มทุนต่างชาติได้เข้ามายึดครองกรรมสิทธิ์ที่ดินมากมายในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกและทั่วภูมิภาค จากดุลยพินิจของฝ่ายบริหารโดยไม่มีมาตรการรองรับ รวมถึงอาจมีการใช้อำนาจส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบท่ามกลางผลประโยชน์ของนักการเมืองและเครือญาติที่อาจมีบุคคลที่เกี่ยวข้องแอบอ้างเป็นนายหน้าค้าขายที่ดินเก็งกำไรในระบบดังกล่าว ที่เชื่อมโยงกับขบวนการการเมืองระดับชาติและได้รับผลประโยชน์จากโครงการอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่ ซึ่งมักมีการซื้อขายที่ดินแล้วกักตุนไว้ปล่อยขายในราคาสูงแก่บริษัทที่ขอสนับสนุนการลงทุน และไม่เคยมีการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินตั้งแต่มีกฎหมายนี้ว่าบริษัทได้นำที่ดินไปใช้ประกอบกิจการที่ได้รับการส่งเสริมหรือไม่อย่างไร และเป็นจำนวนมากเท่าใดแล้ว นอกจากนี้ แม้ว่าตามกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวได้ห้ามทำธุรกิจด้านการเกษตรกรรม แต่ช่องโหว่ของกฎหมายทำให้บริษัทต่างชาติหลายบริษัท ขอรับการส่งเสริมในกิจการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือสัตว์และกิจการเทคโนโลยีชีวภาพ หรือมาขอซื้อถือดินได้นับร้อยนับพันไร่ได้โดยให้เหตุผลว่าเป็นแปลงทดลองต้องใช้พื้นที่จำนวนมาก และอาจมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แอบแฝงด้วย หากไม่มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด พื้นที่ส่งเสริมการลงทุนบางแห่งอาจจะกลายเป็นแหล่งรับขยะอิเลคทรอนิกส์ในอนาคตดังที่เคยเกิดขึ้นในบางพื้นที่แล้วเช่นกัน นอกจากนี้ การดำเนินการต่างๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาจขัดต่อบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ และมีการดำเนินการในลักษณะการจัดทำแผนผังที่มีการเปลี่ยนสีผังเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มนายทุนซื้อขายที่ดินและกลุ่มอุตสาหกรรมโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด

ครป. จึงขอให้คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร  ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI.) โดย

  • (1) ขอให้เชิญสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI.) มาเปิดเผยข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนแก่กลุ่มทุนต่างๆ ทั้งหมดอย่างโปร่งใสและรายงานต่อสาธารณะในระบบอิเลคทรอนิกส์ โดยเฉพาะการให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีในโครงการต่างๆ และการอนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่บริษัทต่างชาติทั้งหมด ตั้งแต่การประกาศใช้กฎหมายส่งเสริมการลงทุนจนถึงปัจจุบัน ได้อนุมัติให้บริษัทถือครองที่ดินไปแล้วจำนวนมากน้อยเพียงใด คิดเป็นร้อยละเท่าไหร่ของที่ดินประเทศไทย เป็นจำนวนกี่ไร่ กี่โครงการและแก่บริษัทใดบ้าง  
  • (2) ขอให้ตรวจสอบและทบทวนนโยบายการให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ โดยเฉพาะการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% และอภิสิทธิ์ต่างๆ ที่เอกชนได้รับฯ ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นนโยบายที่ส่งเสริมความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

3) ขอให้ผลักดันการเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้า เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างรัฐสวัสดิการในประเทศไทย

 ครป. ขอให้คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายภาษีมรดกและที่ดิน และผลักดันการแก้ไขกฎหมายภาษีมรดกและที่ดินดังกล่าวโดยเพิ่มอัตราเพดานภาษีให้สูงขึ้นกว่าปัจจุบันและขึ้นแบบขั้นบันใดแบบในสหภาพยุโรปและประเทศต่างๆ ที่สามารถใช้กฎหมายภาษีอัตราก้าวหน้าเพื่อความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ และหรือผลักดันให้มีกฎหมายภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าโดยตรงที่มีคุณภาพ เพื่อสามารถใช้กฎหมายดังกล่าวแก้ไขสภาพความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย และการส่งเสริมทุนธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ ที่ประเทศไทยถือเป็นเป้าหมายสำคัญ

ทั้งนี้ ในประเทศที่พัฒนาแล้วมีการเก็บภาษีอัตราก้าวหน้าในรูปแบบต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะการเก็บกับคนรวย (Tax the Rich) เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เนื่องจากกลุ่มทุนและคนที่ร่ำรวยอยู่แล้วไม่ควรได้รับการยกเว้นภาษี แต่ควรเก็บภาษีให้มากขึ้นเป็นลำดับเพื่อคืนส่วนเกินที่ได้กำไรไปจากสังคมในรูปแบบต่างๆ ที่รัฐเปิดโอกาสให้ โดยการเก็บภาษีทรัพย์สินอัตราก้าวหน้าเพื่อคืนส่วนเกินระหว่างทาง และการเก็บภาษีมรดกอัตราก้าวหน้าคือการคืนส่วนเกินที่ปลายทางนั่นเอง

คณะกรรมการรณรรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) จึงเรียนมาเพื่อให้คณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป และขอขอบพระคุณคณะกรรมาธิการฯ มา ณ โอกาสนี้

 

ขอแสดงความนับถือ

(นายเมธา มาสขาว)

เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.)

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท