Skip to main content
sharethis

วันที่ 9 ของการควบคุมตัวทิวากรไว้ในโรงพยาบาลจิตเวช ประชาชนหลายคนเดินทางไปขอเยี่ยมทิวากร ผู้สวมเสื้อสกรีนข้อความ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” แต่ไม่ได้รับอนุญาต อ้างต้องให้ ผอ.รพ.จิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ อนุมัติ ขณะที่อีกหลายกลุ่มชูป้ายหน้าโรงพยาบาล แสดงความไม่เห็นด้วยกับการควบคุมตัวทิวากรตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. 2563 เป็นต้นมา

17 ก.ค. 2563 เวลา 10.00 น. สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตผู้ต้องขังตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ติดต่อขอเยี่ยมทิวากรแต่ได้รับการปฏิเสธ เนื่องจากเจ้าหน้าที่อ้างว่าต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลก่อน จึงจะสามารถเข้าเยี่ยมได้ เจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นคำขอจากแม่ของทิวากรที่ไม่อนุญาตให้ใครอื่นเข้าเยี่ยม แต่ยืนยันว่าทิวากรยังอยู่ในภาวะปกติสุข พูดคุยรู้เรื่อง สมยศจึงทำได้เพียงฝากจดหมายและหนังสือให้ทิวากร 3 เล่ม

ผู้ขอเข้าเยี่ยมทิวากรพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ รพ.จิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์

ทั้งนี้ สมยศตั้งข้อสังเกตว่า ญาติอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกควบคุม เนื่องจากหลังทิวากรสวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” ก็มีฝ่ายปกครอง ตำรวจเข้าไปพบหลายครั้ง จนนำมาสู่การใช้อำนาจอุ้มทิวากรมาไว้ที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นวิธีการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

เนื้อความในจดหมายถึงทิวากร วิถีตน ระบุว่า “ผมสมยศ พฤกษาเกษมสุข และคณะ 6 คน มาเยี่ยมและมาเป็นกำลังใจให้นะครับ ขอคาระวะความกล้าหาญ “คนหมดศรัทธาไม่ใช่คนบ้า แต่คือคนกล้าของแผ่นดิน””

หลังจากนั้น สมยศและเพื่อนออกไปชูป้ายประท้วง เรียกร้องให้ปล่อยตัวทิวากร

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนรายงานว่า ตลอดการขอเข้าเยี่ยมทิวากร มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจาก สภ.ขอนแก่น 5 นาย และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 2 ราย คอยจับตาและบันทึกภาพไว้โดยตลอด และเมื่อกลุ่มผู้เข้าเยี่ยมออกมาหน้า รพ. ได้มีรถยนต์ของ สภ.ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบขับรถจักรยานยนต์ 2 คัน เข้ามาถ่ายภาพกลุ่มผู้เข้าเยี่ยมไว้ด้วย

ต่อมา ประมาณ 15.30 น. กลุ่ม unme of anarchy นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มาชูป้ายให้กำลังใจทิวากร หน้า รพ.จิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์

จากนั้น กลุ่มแนวร่วมนิสิต มมส. เพื่อประชาธิปไตย และตัวแทนพรรคโดมปฏิวัติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินทางมาให้กำลังใจทิวากร ประมาณ 15.45 น. และชูป้ายข้อความ "บังคับ "บ้า" = ฆ่าความเป็นคน" และ "ศรัทธาบังคับกันไม่ได้" หน้า รพ.จิตเวชขอนแก่นราชนครินทร์ เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการควบคุมตัวทิวากร ผู้สวมเสื้อ "เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว" ไว้เพื่อตรวจประเมินอาการทางจิต

หลังชูป้ายแสดงสัญลักษณ์ สมยศให้สัมภาษณ์แก่ประชาไทว่า การสวมเสื้อเราหมดศรัทธาฯ อาจจะถูกตีความว่าเป็นความผิดตามมาตรา 112 ได้ตลอด เพราะเป็นกฎหมายที่ถูกตีความแบบบิดเบือน บิดพลิ้วได้ตลอดเวลา และพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นผลดี ทั้งภาพลักษณ์ประชาธิปไตย ภาพลักษณ์สถานการณ์สิทธิมนุษยชนก็ถูกตำหนิติเตียนในประชาคมโลก การนำมาใช้ตีความแบบนี้ไม่เป็นผลดีอีกแล้ว กฎหมายนี้ควรถูกยกเลิก

สมยศเล่าว่า รู้จักทิวากรตอนที่สวมเสื้อ “เราหมดศรัทธาสถาบันกษัตริย์แล้ว” ถือว่าเป็นความกล้าหาญ ไม่คิดว่าเขามีปัญหาทางจิตเวชหรือเป็นบ้า ที่มาวันนี้เพื่อจะมาบอกว่าอย่ายัดเยียดความบ้าให้กับเขา นี่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปในสังคมตอนนี้ เพราะเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้แล้วเมื่อมันมาถึงจุดนั้นจริงๆ

สมยศเห็นว่า ต้องเข้าใจว่าสถาบันกษัตริย์เป็นองค์กรทางการเมืองในโครงสร้างทางการเมือง ดำรงอยู่จริง เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เมื่อมีความคิดเห็นในสังคมเกิดขึ้นก็เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่จะแสดงความคิดเห็น สถาบันกษัตริย์ก็มีวิวัฒนาการมาโดยตลอด เช่น เมื่อก่อนมีอำนาจล้นฟ้า เป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย กษัตริย์ฆ่าใครก็ได้ จะเอาใครเป็นทาสเป็นไพร่ก็ได้ สิ่งเหล่านี้ก็หมดไปตามยุคสมัย เมื่อก่อนเชื่อเรื่องสมมติเทพ เดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยน ดังนั้น การหมดศรัทธาก็ไม่ได้แปลว่าเขาแสดงอาการเพี้ยนหรือผิดปกติ มันเป็นกฎเกณฑ์ เป็นภาวะของสังคม ความรู้สึกนึกคิดของประชาชนโดยทั่วไป เพราะฉะนั้น ถือเป็นเสรีภาพทางความคิด freedom of speech

“ผมและคณะ 6 คน พยายามมาพบทิวากร ในฐานะที่เป็นญาติและเป็นเพื่อนกันด้วย เพราะคุณทิวากรเขาบอกว่าได้ทำหนังสือยืนยันตัดญาติขาดมิตรไปแล้ว ผมได้คุยกันแล้วเขาบอกว่า ถ้าเขาเสียชีวิตก็มอบหมายให้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นผู้จัดการศพ เราก็คุยและแลกเปลี่ยนกันว่าถ้าผมตายเขาก็จะมาเป็นผู้จัดการศพ เราเหมือนเป็นญาติมิตรที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตลอดเวลา”

สมยศแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อความบนเสื้อของทิวากรว่า เราหนีกฎเกณฑ์ที่เป็นจริงของชีวิตมนุษย์ไม่ได้ ตามหลักคำสอนของพุทธศานา คือ มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนแปลง แล้วก็มีอยู่ ตั้งขึ้น ดับไป องค์กรทางการเมืองที่เป็นสถาบันกษัตริย์เมื่อวิวัฒนาการมาถึงเวลาหนึ่ง สังคมก็อาจมาตรวจสอบว่ายังจำเป็นอยู่หนือไม่ในการดำรงอยู่ของสถาบันกษัตริย์ หรือควรจะมีบทบาทขนาดไหน สังคมก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น การที่มีคนหมดศรัทธาก็เป็นสภาวะอย่างหนึ่งของสังคมที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เป็นวิวัฒนาการของสังคม ที่วันหนึ่งอาจจะเป็นที่เลื่อมใส มาอีกวันก็อาจจะไม่เลื่อมใส เหมือนพระสงฆ์ที่เราเห็น เห็นรูปแบบพระสงฆ์ แต่วันหนึ่งเรามาทราบว่าพระสงฆ์รูปนั้นไม่ได้ปฏิบัติธรรม เช่น เสพเมถุนกับสีกา เราก็หมดศรัทธาได้ เพราะฉะนั้น ศรัทธาคือความเชื่อซึ่งเป็นวินิจฉัยของบุคคลนั้นๆ เป็นอัตวิสัยของบุคคลที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ศรัทธาหรือไม่ศรัทธา ต้องยอมรับความจริงตรงนี้ เมื่อมีคนไม่ศรัทธาก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะต้องเข้าจิตเวช รับการรักษา เป็นคนเพี้ยน หรือคนบ้า

สมยศและเพื่อนชูป้ายขอให้ปล่อยตัวทิวากร

“ความศรัทธาเป็นสิ่งที่สร้างได้และเสื่อมได้ เป็นสิทธิ บางคนอาจจะศรัทธาก็ได้ หรือแม้ศรัทธาแบบงมงายไสยศาสตร์ หรือเชื่อเรื่องสมมติเทพ ก็เป็นสิทธิที่คนเลือกจะเชื่อ ขณะเดียวกันก็มีครคัดค้านหรือไม่เชื่อก็ได้ว่านี่คือสมมติเทพ นี่คือความดี นี่คือความยุติธรรม นี่คือความจำเป็นที่จะต้องดำรงอยู่ เพราะฉะนั้นเขามีโอกาสท้าทาย ตั้งคำถามว่าสมควรหรือไม่สมควร ถูกหรือไม่ถูก เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ศรัทธาหรือไม่ศรัทธา ทุกคนมีสิทธิที่จะเชื่อ มีสิทธิที่จะตั้งคำถาม มีสิทธิที่จะท้าทาย” สมยศกล่าว

สมยศทิ้งท้ายว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมคิดว่าสังคมตัดสินใจแล้ว จริงๆ อาการที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอาการที่ทำร้ายสังคม หรืออาละวาดไปจับปืนไล่ยิงใคร ทำร้ายใคร เป็นความคิดล้วนๆ เป็นความเชื่อหรือความศรัทธาของทิวากรโดยเฉพาะ ไม่มีปัญหาที่เกิดขึ้นเลย การวินิจฉัยโดยแพทย์ก็อาจอยู่บนพื้นฐานของความปกติกับไม่ปกติ สังคมโดยรวม โดยประเพณี โดยความเชื่อ ถ้ามองมายังทิวากรก็อาจเห็นว่าผิดปกติ แต่ถ้ามองจากวิวัฒนาการสังคม มองจากการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง มองจากเหตุการณ์ที่เป็นจริงก็พูดได้ว่าเป็นเรื่องธรรมดาของคนปกติที่มีความกล้าหาญ อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง อยากเห็นความก้าวหน้าของสังคม เขาจึงกล้าพูดว่าหมดศรัทธา”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net