Skip to main content
sharethis

 

18 ก.ค.2563 ช่วงเย็น วันนี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มประชาชนนำโดย กลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free Youth และ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ชุมนุมเรียกร้อง ‪1. หยุดคุกคามประชาชน‬ ‪2. ประกาศยุบสภา‬ และ ‪3. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ‬ 

13.00 น. 

เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. อานนท์ นำภา และณัฏฐา มหัทธนา โพสต์ภาพพร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่เริ่มเสริมต้นไม้ในอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

15.15 น.

15.15 น. ตำรวจกระจายตามจุดต่างๆ ขณะที่ประชาชนทยอยมายังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 

15.50 น.

15.50 น. กลุ่มประชาชนที่เดินทางมาก่อนเวลานัดเริ่มชูป้ายที่รอบนอกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

 

16.50 น.

16.50 น. ตำรวจเปิดเครื่องเสียงแทรกตลอดการปราศรัยและกิจกรรมของผู้ชุมนุม พร้อมทั้งเพิ่มกำลังเพื่อตรึง​ไม่ให้ผู้ชุมลงมาบนผิวถนนมากกว่าเดิม

 

17.00 น.

17.00 น. รถตำรวจ​ประกาศเตือนผู้ชุมนุม​ว่าระวังฝ่าฝืนกฎหมายอาญา

 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าท่ามกลางการชุมนุมจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ พบกลุ่มชายผมสั้น สวมเสื้อโปโลสีเหลืองมีข้อความ "COMMANDO" ร่วมอยู่ด้วย

17.05 น.

17.05 น. ประชาชนเคลื่อนตัวเข้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจวางรั้วเหล็กตรึงกำลังเข้ม

17.15 น.

17.15 น. บรรยากาศการชุมนุม ผู้ชุมนุมเริ่มมาเพิ่มขึ้น

17.30 น.

17.30 น. ทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการกลุ่มเยาวชน ปลดแอก (กลุ่มFree Youth) ประกาศ 3 ข้อเรียกร้องในการปราศรัยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 1.หยุดคุกคามประชาชน 2.ประกาศยุบสภา 3.เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ

ศิลปินกลุ่ม rap against dictatorship ขึ้นแสดงสดในการชุมนุม

17.40 น.

17.40 น. ประชาชนเริ่มแจกจ่ายพิซซ่า 112 ชิ้น พร้อมชูป้าย “Freedom Tieakorn เสรีภาพความคิด ปล่อยตัวทิวากร”

 

17.55 น.

17.55 น. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภาพบรรยากาศมุมกว้างการชุมนุมที่นำโดย สนท.และกลุ่ม #เยาวชนปลดแอก เรียกร้อง ให้ประกาศยุบสภา หยุดคุกคามประชาชนและร่างรัฐธรรมนนูญฉบับใหม่

 

อานนท์ นําภา ทนายความและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เผยว่าวันนี้มีการชุมนุมของคนหลากหลายสาขาอาชีพทั้งนักศึกษา ประชาชน แต่ยังขาดคนอีกสามกลุ่มที่ไม่มีโอกาสมา คือ 1.ผู้ลี้ภัย ทั้ง จรัล ดิษฐาอภิชัย สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล (มวลชนปรบมือ) วงไฟเย็น และผู้ลี้ภัยคนอื่นๆ 2.กลุ่มนักโทษทางการเมือง และ 3. คือคนใส่เสื้อหมดศรัทธากับสถาบันแล้ว หรือทิวากร วิถีตน

อานนท์ย้ำว่า เผด็จการยังรังแกประชาชน จับเยาวชนต่างจังหวัดขึ้นโรงพัก ไปเซ็นสัญญาว่าจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมือง การที่เรามาถึงจุดนี้เพราะบ้านเมืองนี้มีกลุ่มอภิสิทธิ์ชน มีการดูถูกประชาชนอย่างเราว่า ไม่ตื่นขึ้นมาต่อสู้ เป็นได้มากสุดแค่ฮ่องกงโมเดล แต่ขอย้ำว่าเราไม่ใช่ แค่ฮ่องกงโมเดล แต่เราเป็น 2475 ตุลา พฤษภา โมเดล และจะสร้าง 2563 โมเดลขึ้นมาเอง

เขากล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีการลบล้างประวัติศาสตร์ของคณะราษฎร แต่วันนี้อยากให้กลุ่มคนที่ทำ มองดูประชาชในวันนี้ แล้วรู้ไว้ว่า จะไม่มีทางทำแบบนั้นได้อีก

“เราเรียกร้องให้ยุบสภา เพราะ รัฐบาลนี้ตั้งมาจากการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม หลังจากเลือกตั้งก็มีการยุบพรรคอนาคตใหม่ เราเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐหยุดคุกคามประชาชน อย่าเป็นทาสเผด็จการ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะไม่มีรัฐธรรมนูญที่ไหนให้เผด็จการตั้ง ส.ว. 250 คน แล้วมาเลือกตัวเองเป็นนายก แบบนี้มันหน้าด้าน” อานนท์ กล่าว

18.15 น.

18.15 น. กลุ่มมวลชน ชูโปสเตอร์ผู้ถูกบังคับสูญหายซึ่งมีทั้งผู้ลี้ภัยทางการเมืองในยุคปัจจุบัน และผู้สูญหายในอดีต

เวลาเดียวกันที่ หน้าถนนคนเดิน จ.กระบี่ ผู้ออกมาเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ ชูป้ายเดินไปรอบบริเวณดังกล่าว

"ทราบว่ามีประท้วงที่กรุงเทพก็ออกมาร่วมเคลื่อนไหวด้วย ที่ต่างจังหวัดก็ได้รับผลกระทบจากโควิดมาก รบ.ไม่ช่วยเหลือ หากวันนี้ไม่ออกมา ภาระมันจะส่งผลถึงลูกหลาน" ผู้ชูป้ายกล่าว

 

 

18.20 น.

18.20 น.บริเวณแยกคอกวัว กลุ่ม สนท​ นำมวลชนมาอำนวยความสะดวกทางจราจรเพื่อการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมขอให้ประชาชนนำรถมาจอดขวาง​ และยืนตั้งแถว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณใกล้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พบการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนใกล้บริเวณที่ชุมนุม

18.50 น. พบรถฉีดน้ำ

18.40 น. 

18.40 น. บริเวณแยกคอกวัว หลังกลุ่ม สนท​ นำมวลชนมาอำนวยความสะดวกทางจราจรเพื่อการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว จากนั้นเริ่มมีเวทีปราศรัยย่อยบริเวณดังกล่าว

“เราไม่กลัวประยุทธ์ เพราะมันไม่ใช่พ่อของเรา”

ภานุพงษ์ จาดนอก ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อนุสาวรีบ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า วันนี้เดินทางมาจากระยองเพื่อไล่รัฐบาลประยุทธ์ แล้วย้ำว่าไม่กลัวพล.อ.ประยุทธ์ เพราะเขาไม่ใช่พ่อของพวกเรา

เขาเล่าถึงเหตุการณ์ที่ระยองจริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่สองคน เเต่เป็นเพราะประเมินความเสี่ยงจากการที่เจ้าหน้าที่รัฐอ้าง พรก. ฉุกเฉิน จึงต้องรักษากำลังพลไว้

“เมื่อกลางวันก็มีหมายมาถึงที่บ้าน แม่บอกว่า ถ้าไม่ถึง 100 หมายไม่ต้องกลับบ้าน ถ้าท่านคิดว่าจะเอาหมายพวกนี้มาหยุดผมได้ ท่านคิดผิด คนอย่างผมเกิดหนเดียวตายหนเดียว แค่ชูป้าย การ์ดไม่ตกพ่อง ทำเป็นรับไม่ได้ ถ้ารับไม่ได้ไม่ต้องมาเป็นนายกฯ ลาออกไป”

ภานุพงศ์ ประกาศด้วยว่า ถ้าวันนี้เจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน จะปักหลักอยู่ที่นี่ ไม่กลับระยอง และคนจะออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนถนนเส้นนี้ไม่พอที่จะรวมคน พร้อมให้เจ้าหน้าที่ ที่แอบมองอยู่บนตึก ให้ออกมาแสดงตัวให้ชัดจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร

19.00 น.

19.00 น. ผู้ชุมนุมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ชู​ 3 นิ้วและฉายไฟใส่อนุสาวรีย์​ประชาธิปไตย

ไผ่ จตุภัทร์ ขึ้นปราศรัยย้ำหลัง รปห.-หลังเลือกตั้ง ไม่มีอะไรแตกต่าง ภารกิจคนรุ่นนี้คือขับไล่เผด็จการทหารเหมือนเดิม ซ้ำร้ายรัฐยังฉวยโอกาสช่วง Covid-19 ผลักดันโครงการขนาดใหญ่ ทั้งเหมือง เขื่อน โรงไฟฟ้า ทั้งที่ชาวบ้านกำลังเดือดร้อน

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หนึ่งในสมาชิกวงสามัญชน ขึ้นเวทีร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมปราศรัยว่า สถานการณ์ทางการเทืองในเวลานี้ไม่มีอะไรแตกต่างจากช่วงหลังรัฐประหาร เพียงแค่เปลี่ยนจากรัฐบาลประยุทธ์ 1 เป็นรัฐบาลประยุทธ์ 2

“วันนี้พวกเราออกมาคนเยอะมาก ทำให้เครืองเสียงไม่พอ คนที่มีความตื่นตัวทางการเมืองมากที่สุดคือ เจ้าหน้าที่รัฐ แต่มาปิดกันการชุมนุม มันแสดงว่า ประเทศนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย มันเป็นประชาธิปไตยจอมปลอม พวกผลพวงเผด็จการออกไปให้หมด”

“วันนี้ผมไม่ฮานะครับ ผมจริงจัง ทุกวันนี้ชาวบ้านเดือดร้อน โควิดเข้ามา รัฐบาลสั่งประชาชนหยุดเคลื่อนไหวเรียกร้อง แต่รัฐกลับไม่หยุด และผลักดันโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ ทั้งเหมือง เขือน โรงไฟฟ้า ซึ่งประชาชนในพื้นที่ไม่มีส่วนร่วม”

“ถ้าเรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ชีวิต และเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่พวกเขาไม่เชื่อ พวกคนมีอำนาจมันมีอยู่ไม่กี่คน แต่พวกเราประชาชนคนธรรมจะล้มเผด็จการทหารเอง นี่คือภารกิจของเรา เราไม่ต้องการเจอกับรัฐมนตรีแป้งมัน นาฬิกายืมเพื่อน ไม่ต้องการกระบวนการอยุติธรรม อยากให้พวกเราออกมากันให้มากขึ้น อย่าไปกลัว พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะนี่ไม่ใช่กฎหมายนับตั้งแต่มีการฉีกรัฐธรรมนูญเป็นต้นมา” จตุภัทร์ กล่าว

20.40 น. 

20.40 น. ตัวแทนผู้ชุมนุมอ่านประกาศข้อเรียกร้อง 3 ข้อ คือ  ‪1. หยุดคุกคามประชาชน‬ ‪2. ประกาศยุบสภา‬ และ ‪3. เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ‬ พร้อมระบุด้วยว่า หากภายใน 2 สัปดาห์นับตั้งแต่นี้ หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จากทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการนี้ จะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป

ประกาศข้อเรียกร้อง 3 ประการ!

1. “ต้องประกาศยุบสภา” รัฐบาลสืบทอดอำนาจภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 รัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและออกมาตรการ Lockdown ส่งผลให้มีคนตกงานและขาดรายได้เป็นจำนวนมาก แต่รัฐบาลก็มิได้เยียวยาอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนจากพิษเศรษฐกิจโดยที่ไม่แยแสแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ปล่อยปละละเลยให้แขก VIP ที่มีเชื้อไวรัสเข้ามาในประเทศโดยที่ไม่ได้กักตัวซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อโอกาสที่จะมีการแพร่ระบาดครั้งใหญ่รอบ 2

ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารบ้านเมืองต่อไปได้ จึงขอยื่นคำขาดว่า นายกรัฐมนตรีต้องประกาศ “ยุบสภา” เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนและเปิดทางให้คนที่มีความรู้ความสามารถมาแก้ไขปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ

2. “หยุดคุกคามประชาชน” ภายหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 เราต่างก็หวังกันว่าประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ประชาชนจะมีเสรีภาพในการแสดงออก และเสรีภาพในการชุมนุมโดยที่ไม่ถูกคุกคามและยัดข้อกล่าวหาหรือคดีความ แต่ความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่การคุกคามทั้งทางกายภาพและทางจิตวิทยายังคงดำเนินต่อไปแทบไม่ต่างจากเมื่อสมัยที่คสช.ยังมีอำนาจอยู่ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ลูก ๆ หลาน ๆ ของเราถูกยัดคดีไปทีละคน ทีละคน มีการอ้างความมั่นคงเพื่อปิดปากประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน ทั้งทางกายภาพ ทางจิตวิทยาตลอดจนการยัดข้อหาเพื่อดำเนินคดีรวมไปถึงให้รัฐสภายกเลิกกฎหมายที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมตามระบอบประชาธิปไตย

3. “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” เรามีรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการ โดยแรกเริ่มเดิมทีก็มีที่มาที่ไม่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว เพราะ คณะผู้ร่างไม่ได้มีความยึดโยงกับประชาชน ผู้ที่รณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการลงประชามติก็ถูกคุกคามและยัดข้อหากันไปหลายคน เนื้อหาของรัฐธรรมนูญก็เป็นไปเพื่อรักษาระบอบเผด็จการในคราบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็น
- ส.ว.250 ยกมือโหวตให้หัวหน้าคณะรัฐประหารเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อสืบทอดอำนาจ
- องค์กรอิสระ และศาลถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกำจัดประชาชนและนักการเมืองที่เห็นต่างจากผู้มีอำนาจทั้งที่พูดถึงได้และพูดถึงไม่ได้
- ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมและบัตรใบเดียวที่บิดเบือนเจตจำนงของประชาชน และทำให้เกิดรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็ง ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาประเทศได้ รวมไปถึงการผุดของงูเห่าหรือผู้แทนราษฎรที่ทรยศต่อประชาชน
- นอกจากนี้ยังมีโครงสร้างที่ไม่เป็นธรรมอื่น ๆ อีกที่เป็นต้นตอปัญหาที่เรื้อรังมาเป็นเวลายาวนาน
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจนี้เป็นต้นตอของปัญหาทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ดังนั้นการจะปลดล็อกกุญแจดอกแรกที่จะนำพาประเทศไทยเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนอย่างแท้จริงได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคำนึงถึงหลักการสิทธิมนุษยชนเป็นหลักและปราศจากการแทรกแซงของคนที่ประชาชนไม่ได้เลือก

หากภายใน 2 สัปดาห์นับตั้งแต่เราอ่านประกาศวันที่ 18 กรกฎาคมนี้ หากไม่มีการตอบรับใด ๆ จากทางรัฐบาลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการนี้ เราจะทำการยกระดับการชุมนุมต่อไป

เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ

21.30 น.

เวลา 21.30 น. เกิดเหตุชายสองคนวิ่งเข้ามายังบริเวณพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และพยายามจะพังเต็นท์ของทีมงานชุมนุม ผลทำให้การไลฟ์เฟสบุ๊คของกลุ่มเยาวชนปลดแอกยุติลงชั่วคราว จากนั้นผู้ชุมนุมยืนส่งเสียงฮือฮา โดยการ์ดรักษาความปลอดภัยได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์และนำตัวชายผู้ก่อเหตุออกจากพื้นที่ก่อนจะเกิดความวุ่นวาย จากนั้นแกนนำปราศรัยบอกว่า "ใครที่ไม่ใช่ตำรวจให้นั่งลง" ก่อนที่สถานการณ์จะกลับสู่ปกติ

00.00 น. 19 ก.ค.2563

19 ก.ค.2563 เมื่อเวลา 00.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free Youth และ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ประกาศยุติการชุมนุม จากเดิมที่วางไว้จะชุมนุมถึง 8.00 น. เพื่อจัดกิจกรรมปลุกรัฐบาล วันรุ่งขึ้น แต่เนื่องด้วยเหตุการณ์ความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง

อย่างไรก็ตาม แกนนำผู้ชุมนุม ประกาศด้วยว่า ยังยืนยันว่าจะต้องได้รับคำตอบจากรัฐบาลภายใน 2 สัปดาห์ จาก 3 ข้อเรียกร้อง ไป คือ 1. เรียกร้องให้ประกาศยุบสภา 2. หยุดคุกคามประชาชน และ 3. ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

00.40 น.

เวลา 00.40 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายหลังจากที่แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก และ สนท. ประกาศยุติการชุมนุม ผู้ชุมนุมกำลังสลายการชุมนุมอย่างสงบนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายสวมหน้ากากด้านหน้าได้พาแกนนำนักศึกษาเข้าไปในโรงเรียนสตรีวิทยา โดยอ้างว่าจะพากลับ แต่เมื่อเข้าไป พบว่ารถที่รออยู่เป็นรถตู้ของตำรวจ แกนนำจึงวิ่งหนีออกมา รวมทั้งมีความพยายามปิดประตูโรงเรียนด้วย โดยไม่ทราบใครเป็นผู้พยายามปิด

สมาชิกแกนนำรายหนึ่งระบุว่ายังไม่สามารถระบุตัวตนของชายคนนี้ได้ และยังไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายหลัง ชายคนดังกล่าว พยายามชี้แจงว่าจะอาสาพาไปส่งแบบปลอดภัย พร้อมยืนยันว่าไม่มีเจตนาไม่ดี

ต่อมาผู้สื่อข่าวทราบว่าชายคนดังกล่าวชื่อ ชาติชาย ไพรลิน เปิดเผยว่าเขาเป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่ทำเรื่องเบียร์คราฟ จึงสัมภาษณ์เพิ่มเติม โดย เขายืนยันว่า ที่ทำอย่างนั้น เนื่องจากตนรู้จักกับเพื่อนที่เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองคนหนึ่ง

ชาติชายเล่าว่า ช่วง 23.34 น. มีความต้องการอยากได้รถตู้ด่วน 3 คัน ก่อนเวลาเที่ยงคืน ตนจึงนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ทำกิจกรรมการเมืองคนดังกล่าวจึงต่อผ่านคนนั้นเพื่อขอรถตู้ ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นรถตู้ของตำรวจ เจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายแกนนำผู้ชุมนุม

ชาติชาย เล่าด้วยว่าหลังจากเกิดเหตุ เมื่อพบว่าเป็นรถตู้ของตำรวจ ตนจึงโทรติดต่อนักกิจกรรมคนดังกล่าวก็พบว่าปิดเครื่องแล้ว

ต่อมาอานนท์ นําภา ชวนทุกคนส่งน้องขึ้นรถ​ โดยประกาศว่าตำรวจรับปากว่าวันนี้จะไม่มีการจับกุม​ และมี​ ส.ส.รังสิมันต์ โรม ตามไปส่งเพื่อยืนยันว่าแกนนำจะกลับบ้านโดยปลอดภัย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net