Skip to main content
sharethis

เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) สนับสนุนพลังคนรุ่นใหม่ เรียกร้องพรรคร่วมรัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญและใช้รัฐสภาหาทางออกจากวิกฤต 'มารีญา' โพสต์ IG ประกาศจุดยืน ขออยู่ข้างเยาวชนปลดแอก ด้าน 'ศรีสุวรรณ' จี้ตำรวจเร่งเอาผิดแกนนำเยาวชนปลดแอกรวมทั้ง ส.ส.ชี้กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย


แฟ้มภาพการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมา

19 ก.ค. 2563 นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) แจ้งข่าวต่อสื่อมวลชนระบุว่าตนขอให้กำลังใจและสนับสนุนพลังของเยาวชนคนหนุ่มสาวของชาติที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่ออนาคตของตนเองและเรียกร้องให้รัฐบาลเกิดการเปลี่ยนแปลง ยุติการคุกคามประชาชนที่เห็นต่าง แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา

ผู้นำประเทศนี้และพรรคการเมืองควรฟังเสียงของเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น เพราะเขาต้องการกำหนดอนาคตของสังคมที่เขาต้องใช้ชีวิตอยู่เองอีกนานหลายปี ส่วนคนรุ่นเก่าก็นับวันชีวิตจะหายไปและเหลือเวลาน้อยลง แม้ว่านี่ไม่ใช่ความขัดแย้งระหว่างผู้คนรุ่นต่อรุ่น แต่การมองเห็นอนาคตของลูกหลานในสังคมที่น่าอยู่มีคุณภาพชีวิตที่ดี ล้วนเป็นความปรารถนาของผู้เป็นพ่อแม่ผู้แก่ชราด้วยเช่นกัน 

แม้ว่าการชุมนุมเมื่อวานนี้จะชุลมุนไปหน่อย ขาดการควบคุมการชุมนุมที่เข้มงวดและทิศทางในการปราศรัยที่เข้มแข็ง เป็นเอกภาพกับข้อเรียกร้อง ไม่สุ่มเสี่ยง มีวาระที่ชัดเจน และสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมาะกับการชุมนุมค้างคืน  ผมเห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควรเข้ามาจัดการอำนวยความสะดวกเพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิ์ในการชุมนุมโดยสันติและปลอดภัยตามหลักสากล โดยร่วมกับแกนนำการชุมนุมตรวจคัดครองอาวุธและดูแลความสงบเรียบร้อย  ซึ่งเป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบต่อไปในครั้งหน้า 

สำหรับทางออก ผมขอเสนอให้พรรคร่วมรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย และ 7 พรรคฝ่ายค้านได้ประชุมหาทางออกจากวิกฤตการณ์ด้วยกันในระบบรัฐสภา เพื่อแก้ปัญหาตามข้อเรียกร้องของเยาวชนนิสิตนักศึกษา และเร่งรัดให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลเพื่อนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร.ทั่วประเทศ  เพื่อแก้ไขกติกาที่เป็นธรรมสำหรับการเลือกตั้งที่บริสุทธ์ยุติธรรมในอนาคต นำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งและการปรองดองของสังคมที่แตกแยกอย่างแท้จริง

รวมถึงกำหนดเงื่อนไขกรอบเวลาในการทำงานตามภารกิจที่เหลืออยู่ให้ชัดเจน หากพรรคร่วมรัฐบาลเห็นแก่บ้านเมืองก็ควรผลักดันให้มีการเปลี่ยนตัวนายกและคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปตามเจตจำนงเดิมของสภาผู้แทนราษฎร โดยขอให้ ส.ว.เว้นวรรคหรือยกมือสนับสนุนเพื่อชาติบ้านเมือง ก่อนที่จะสายเกินไปและลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหญ่ ซึ่งหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็ต้องยุบสภาในทันที 

นายเมธา ยังระบุว่าเนื่องจากหลายฝ่ายเห็นว่ารัฐบาลภายใต้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาวิกฤติชาติได้แล้วและไม่มีความเหมาะสมเพียงพอในเวลานี้ การเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทั้งชุดขึ้นอยู่กับพรรคการเมืองทั้งหลายจะร่วมมือกันในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกแล้ว อย่าปล่อยให้ประชาชนสู้อย่างโดดเดี่ยวอยู่บนท้องถนน

'มารีญา' โพสต์ IG ประกาศจุดยืน ขออยู่ข้างเยาวชนปลดแอก

เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่ามารีญา พูลเลิศลาภ อดีตมิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2017 โพสต์ไอจีสตอรี่ เป็นภาพการชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา พร้อมข้อความว่า #Thailand #Change #PeacefulProtest พร้อมระบุว่า ขอให้ปลอดภัยนะคะ ถ้ารู้สึกไม่สบายให้อยู่บ้าน และสวมหน้ากากเมื่อเข้าที่ชุมนุม ฉันอยากจะอยู่ตรงจุดนั้น

'ศรีสุวรรณ' จี้ตำรวจเร่งเอาผิดแกนนำเยาวชนปลดแอกรวมทั้ง ส.ส.ชี้กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่กลุ่มเยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้ปลุกระดมให้คนออกมาชุมนุมกันในวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ 1.ต้องประกาศยุบสภา 2.หยุดคุกคามประชาชน และ 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ยังไม่ยุติ และการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ที่ยังห้ามการรวมกลุ่ม หรือการชุมนุมต่างๆนั้น

การจัดชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายความผิดหลายข้อหา อาทิ  การฝ่าฝืน ม.9(2) แห่ง พรก.ฉุกเฉิน 2548 มีอัตราโทษตาม ม.18 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ การฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา ม.215 ฐานมั่วสุมกันเกินกว่าสิบคนหรือก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ถ้าเป็นแกนนำม็อบหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 1 แสนบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกชุมนุมแล้วยังฝ่าฝืนมีความผิดตาม ม.216 โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนั้นยังมีความผิดตาม ป.อาญา ม.209 ฐานเป็นอั้งยี่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท ความผิดฐานปิดกั้นถนนตาม ม.114 แห่ง พรบ.จราจรทางบก 2522 ความผิดฐานใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ขออนุญาตตาม ม.4 แห่งพรบ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง 2493 อีกด้วย         

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่จะต้องเร่งดำเนินการออกหมายเรียกและติดตามจับกุมผู้ที่ต้องสงสัยรวมทั้งแกนนำม็อบทั้งหมดที่จับไมโครโฟนปราศรัยปลุกระดมมาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี ตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยระเบียบการดำเนินคดีอาญา 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 9 และประมวลการตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะ 8 บทที่ 2 ข้อ 278 นอกจากนั้น ยังต้องออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มการเมือง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคน ที่ให้ท้ายการชุมนุมดังกล่าว ถึงขั้นเตรียมการที่จะใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัวให้ล่วงหน้า มาดำเนินการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี ฐานเป็นตัวการและผู้สนับสนุน ตาม ป.อาญา ม.83 และ ม.86 เพื่อส่งอัยการฟ้องต่อศาลอาญาต่อไปโดยเร็วด้วย

ทั้งนี้การชุมนุมดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน การสรุปสำนวนการสอบสวนและทำความเห็นทางคดี จะต้องเสนอให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตาม ป.อาญา ม.90 เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อบุคคลอื่น ๆ ที่ริอ่านจะจัดการชุมนุมหรือเป็นแกนนำการชุมนุมโดยฝ่าฝืนกฎหมาย อันเป็นการสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในสังคมและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net