บอร์ด สปสช.เห็นชอบแผนบริหารบัตรทอง ปี 64 ชูยุทธศาสตร์ส่งเสริมสุขภาพเชิงรุกยุคโควิด-19

บอร์ด สปสช.เห็นชอบแผนบริหารกองทุนบัตรทอง ปี 2564 กระจายงบกว่า 1.9 แสนล้านบาท จัดบริการตามสิทธิประโยชน์ ดูแลประชาชนเข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุข รวมถึงยาจำเป็น พร้อมเน้นย้ำ สปสช. เร่งส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคเชิงรุกยุคโควิด-19 ขณะที่ 23 ก.ค.นี้ ร่วมระดมความเห็น “บริหารงบบัตรทองอย่างไรให้ ปชช.สุขภาพดี รพ.มีความสุข”

20 ก.ค.2563 ทีมสื่อ สปสช. รายงานว่า นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุม ได้เห็นชอบข้อเสนอหลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการงบกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2564 จำนวน 194,508.78 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นงบเหมาจ่ายรายหัว 177,198.99 ล้านบาท โดยหลังหักเงินเดือนภาครัฐ 52,143.97 ล้านบาท เป็นงบเหมาจ่ายที่ส่งให้ สปสช.บริหาร 125,055.01 ล้านบาท และงบนอกเหมาจ่ายรายหัวอีก 17,309.79 ล้านบาท อาทิ ค่าบริการสาธารณสุขผู้ติดเชื้อเอชไอวี ค่าบริการผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ค่าบริการควบคุมป้องกันโรคเรื้อรัง (เบาหวาน ความดัน จิตเวช) ค่าบริการผู้มีภาวะพึ่งพิงในชุมชน เป็นต้น

ภาพรวมการบริหารกองทุนฯ ส่วนใหญ่คงการบริหารเหมือนในปี 2563 ยกเว้นรายการเพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ใหม่ หรือการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหาร เช่น เพิ่มรายการโรคเลือดออกง่ายทางพันธุกรรม หรือโรควอนวิลลิแบรนด์ชนิดรุนแรงมาก (von Willebrand disease) ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเลือดออกง่าย การเพิ่มวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR) ในเด็กอายุ 1 ปี 6 เดือน เพิ่มคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมในหญิงตั้งครรภ์ทุกกลุ่มอายุ การรวมบริการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบ Fit Test ในงบสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ปรับการจ่ายบริการฟื้นฟูผู้ป่วยระยะกลาง (Intermediate Care: IMC) เพิ่มบริการฝังเข็มหรือบริการฝังเข็มร่วมกับกระตุ้นไฟฟ้าในผู้ป่วยกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองรายใหม่ การบูรณาการงบบริการปฐมภูมิที่เน้นความคุ้มค่าและประสิทธิผลในเขต กทม.  (Value Based Health Care: VBHC) เป็นต้น

นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2564 การจัดสรรงบยังได้ชูยุทธศาสตร์สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรคในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 พร้อมสนับสนุนการจัดบริการรองรับนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ไม่ว่าจะเป็นบริการร้านยาสุขภาพชุมชน ในรูปแบบ 1-3 บริการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์ไปยังผู้ป่วยที่บ้าน บริการระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth/Telemedicine) บริการร่วมให้บริการด้านการพยาบาลและการผดุงครรภ์ หรือด้านกายภาพบำบัด นอกจากนี้ยังมีบริการเคมีบำบัดที่บ้าน (Home Chemotherapy) ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19

“ในที่ประชุม รมว.สาธารณสุข และบอร์ด สปสช. ได้เน้นย้ำให้ สปสช. ทำงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคเชิงรุกในยุคโควิด-19 โดยเน้นสิทธิประโยชน์ใหม่ จัดระบบบริการที่เหมาะกับคนทุกสิทธิ การจัดการการเงินการคลังใหม่ และการติดตามการเข้าถึงบริการอย่างเข้มข้น เพื่อให้เกิดการดูแลประชาชนได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแผนและวงเงินการจัดหายา วัคซีน เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียมและอุปกรณ์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ปีงบประมาณ 2564 จำนวน 12,980.42 ล้านบาท โดยในส่วนของงบเหมาจ่ายรายหัว มีการซื้อกลุ่มยาจำเป็น (ยา จ.2, ยากำพร้า และยาต้านพิษ) ยาวัณโรค วัคซีน ยายุติการตั้งครรภ์ และสายสวนหัวใจ เป็นต้น กว่า 5,643 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมียาต้านไวรัสเอชไอวีและถุงยางอนามัย 2,719 ล้านบาท และน้ำยาล้างไตผ่านช่องท้อง สายเพื่อใช้สำหรับล้างไตผ่านช่องท้อง และยาเพิ่มเม็ดเลือดแดง 4,617 ล้านบาท ซึ่งกระบวนการวางแผนจัดหายาฯ ได้ช่วยให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาที่จำเป็นต่อการรักษา โดยเฉพาะกลุ่มยาราคาแพงมาอย่างต่อเนื่อง

ระดมความเห็น “บริหารงบบัตรทองอย่างไรให้ ปชช.สุขภาพดี รพ.มีความสุข”

นอกจากนี้ นพ.ศักดิ์ชัย  กล่าวว่า ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 เวลา 12.00 -15.00 น. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะจัดการรับฟังความคิดเห็นทั่วไป “บริหารกองทุนบัตรทองอย่างไรให้ ประชาชนสุขภาพดี โรงพยาบาลมีความสุข” ในประเด็น หลักเกณฑ์เงื่อนไข วิธีการจ่ายเงินกองทุน และการตรวจสอบการใช้งบประมาณกองทุน (audit) ผ่านทาง Facebook live สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมี นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิด เพื่อนำไปสู่การพัฒนาสิทธิประโยชน์และขับเคลื่อนกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ กองทุนบัตรทอง โดยเป็นไปตามมาตรา 18 (13) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ที่กำหนดให้มีการจัดรับฟังความคิดเห็นทั่วไปเป็นประจำทุกปี เพื่อให้ทุกคนร่วมมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของร่วมกัน

ทั้งนี้การรับฟังความเห็นทั่วไปฯ สปสช.เปิดรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน โดยในปี 2563 ที่ผ่านมา สปสช.ได้จัดการรับฟังความเห็นในส่วนผู้รับบริการด้านผู้พิการในส่วนระดับประเทศไปแล้วโดยผ่าน Facebook live และในครั้งนี้เป็นการเปิดรับฟังความเห็นในส่วนผู้ให้บริการ ซึ่งนับเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทำให้เกิดการเข้าถึงบริการอย่างครอบคลุมและทั่วถึง มีคุณภาพและมาตรฐาน ทั้งจากกระทรวงสาธารณสุข องค์กรวิชาชีพด้านการแพทย์ ผู้ประกอบการหน่วยบริการเอกชน แพทย์ พยาบาล และบุคลากรสายวิชาชีพทางการแพทย์ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

“ผู้ให้บริการเป็นส่วนสำคัญที่ได้ร่วมขับเคลื่อนระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตลอดระยะเวลา 17 ปีมีสิทธิประโยชน์มากมายที่เกิดจากผู้ให้บริการ ทั้งแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่มองเห็นปัญหาการเข้าไม่ถึงบริการของผู้ป่วย มีการปรับปรุงการบริหารจัดการระบบและงบประมาณที่มาจากการสะท้อนความเห็นของหน่วยบริการ ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเดินมาถึงวันนี้และเป็นที่ยอมรับ”   

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า การจัดรับฟังความคิดเห็นทั่วไปในครั้งนี้ สปสช.ยังดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ เนื่องจากยังต้องคงมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 และเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งผู้ให้บริการและประชาชนสามารถร่วมแสดงความเห็นได้ พร้อมรับฟังการบรรยายเรื่องน่ารู้ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากนี้ยังสามารถร่วมแสดงความเห็นผ่านทางเว็บไซต์ สปสช. www.nhso.go.th หรือ แอปพลิเคชัน สปสช. โดยทุกความเห็น สปสช.จะทำการรวบรวมสู่การพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท